'แดง' เดือดโซเชียล
โลกเสมือนจริง หรือการสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดีย
ของคนในโลกออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ เฟซบุ๊ค ทวิตเตอร์ แอพพลิเคชั่น “ไลน์” สิ่งที่มักมีการพูดถึงอยู่เสมอก็คือ ความเร็ว การเข้าถึงที่ไม่จำกัด เพราะเวลานี้โทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟน ก็สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ไม่ยาก การสนทนาใกล้ชิดเหมือนอยู่ด้วยกัน การแบ่งปัน บอกเล่าเรื่องราวสารทุกข์สุกดิบทำได้แค่ปลายนิ้ว
รวมถึงปัญหาเนื้อหาของการสื่อสาร ที่ไม่อาจตรวจสอบได้ ว่าอะไรจริง อะไรเท็จ อะไรเป็นเรื่องหลอก เรื่องเล่น รวมถึงการละเมิดสิทธิของผู้อื่น การทำผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฯลฯ
ด้วยเหตุนี้ เมื่อพูดถึง“ข้อดี”ของสังคมในโลกออนไลน์ จึงมักควบคู่กับ“ข้อเสีย”ที่เป็น “ดาบสองคม”เสมอ
เพราะอย่าลืมว่า เวลานี้กระแสในโลกเสมือนจริง มักถูกนำมาขยายผลได้เป็นอย่างดีในโลกแห่งความเป็นจริง ขณะที่เรื่องราวในโลกแห่งความเป็นจริง ก็คือ“เหยื่ออันโอชะ”ในโลกเสมือนจริง ซึ่งเส้นแบ่งของความเชื่อมต่อแทบจะมองไม่เห็น
เพราะฉะนั้นแทบทุกอย่างในโลกแห่งความเป็นจริง กำลังถูกนำเข้าสู่โลกเสมือนจริงเพื่อปลุกกระแสความสนใจ เป็นผู้นำทางความเชื่อ และเริ่มเป็นกลยุทธ์ เป็นเกมต่อสู้ ที่มิใช่แค่บุคคล หรือ กลุ่มเท่านั้น แต่มันกำลังจะกลายเป็นขบวนการ หรือเครือข่ายที่ใหญ่โตมากขึ้น แล้ว “โซเชียล” ก็คงไม่ต่างอะไรกับ“สมรภูมิ” ดีๆนี่เอง
ความร้อนแรง เดือดพล่าน ก็จะตามมาอย่างไม่ต้องสงสัย
ที่กล่าวเช่นนี้ ก็เพราะ“นปช.” (กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ) หรือหัวขบวนกลุ่มคนเสื้อแดง สายทักษิณ ชินวัตร และ พรรคเพื่อไทย ประกาศตัวอย่างชัดเจนว่าจะใช้ “โซเชียลมีเดีย” เป็นช่องทางหนึ่ง (นอกเหนือจากเบอร์โทรศัพท์ที่ให้ไว้กับเครือข่าย) ในการติดต่อสื่อสารเพื่อรายงานเรื่องร้องเรียนการทุจริต หรือ “โกง” ประชามติ เพื่อรวบรวมส่งคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) หลังจากยุติการตั้งศูนย์ปราบโกงประชามติทั่วประเทศ เพราะรัฐบาลและคสช.สั่งห้าม
ขณะเดียวกัน ก็มาพร้อมกับ“เกมใต้ดิน” ที่ยังไม่รู้ว่าฝีมือใคร กรณีใช้เอกสารทางราชการทหารปลอมคำสั่ง “จับตายฮาร์ดคอร์” เผยแพร่สะพัดทางโลกโซเชียลและเรื่องนี้ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช. ก็นำมาเป็นประเด็นตั้งคำถามต่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า “คสช.” ด้วยว่า เอาอะไรมาวัดความเป็น “ฮาร์ดคอร์”
แต่สุดท้าย ทางกองทัพภาคที่3 ต้นสังกัดเอกสารหลุด ก็ออกมาชี้แจงแล้วว่า เป็น “เอกสารปลอม” ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า แผ่นหนึ่งเป็นของจริง และเป็นคำสั่งปกติที่ทำมาอย่างต่อเนื่องแต่แผ่นที่ตีตรา “ลับ” มีตารางแบ่งการปฏิบัติต่อบุคคลเป้าหมายไว้ 4 ประเภท หนึ่งในนั้นคือ แกนนำฮาร์ดคอร์หัวรุนแรง ที่มีการระบุว่า หากขัดขวางการทำงานของรัฐบาลและ คสช. ให้จับตายหากมีการขัดขืน เป็นของปลอม เพราะถ้า “ลับ” ก็ต้องลับทั้งสองแผ่น
ประเด็น ก็คือ การเข้าสู่ “สมรภูมิ โซเชียล” อย่างเต็มรูปแบบของการรณรงค์และจับผิดเพื่อ “ปราบโกงประชามติ” ของ “นปช.” จะตามมาด้วยอะไร???
อย่างแรก “เกมใต้ดิน” ที่ไม่รู้ว่าเป็นฝีมือฝ่ายไหน อย่างกรณีเอกสารปลอม ก็จะตามมาอีกเป็นขบวน ทั้งที่มีอยู่เดิมในโลกโซเชียล ก็มากมายอยู่แล้ว
อย่างที่สอง “คู่ขัดแย้ง” ที่เห็นต่างจาก “นปช.” ไม่ว่าจะเป็น“กปปส.” (คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข) กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มวลชนพรรคประชาธิปัตย์ และฝ่ายสนับสนุนการทำหน้าที่ของ “คสช.” ก็จะตามมาร่วมละเลงเพลงรบกับ “นปช.” ด้วย อย่าลืมว่าที่ผ่านมาก็เป็น “สมรภูมิ” ย่อมๆอยู่แล้ว
อย่างที่สามคนในโลกออนไลน์ จะถูกลากเข้าไปสู่“ขั้วขัดแย้ง” ไม่เรื่องใดก็เรื่องหนึ่ง เรื่องราวดีๆ คนเป็นกลาง อาจถูกเบียดจนตกขอบกระแส และมีแต่เรื่องอื้อฉาวหวือหวาทางการเมืองเข้ามาแทนหรือไม่
อย่างที่สี่การใช้อำนาจและกฎหมายเพื่อจัดการกับความวุ่นวายปั่นป่วนในโลกเสมือนจริง ก็จะตามมา และคนในโลกออนไลน์ ก็จะต้องเดือดร้อน หาความสงบไม่ได้เหมือนกับในโลกแห่งความเป็นจริงในช่วง10ปีที่ผ่านมา
หรือว่านี่เอง ที่แกนนำ “นปช.” บอกว่า ถ้าปิดศูนย์ปราบโกงของพวกเขา อานุภาพจะรุนแรงยิ่งกว่าศูนย์ปราบโกงเสียอีก มันกำลังจะพิสูจน์ให้เห็นแล้วหรือไม่