อย่าเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว

อย่าเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว

เรามีข่าวเรื่องราวเกี่ยวกับหมอฟันได้ทุนไปเรียนต่อจากรัฐบาลไทยซึ่งไปเรียนด้วยเงินภาษีของชาวบ้านตาดำๆ

ที่เขาต้องทำงานหนักและรัฐบาลก็เก็บภาษีจากการทำงานของเขาเพื่อจะนำไปพัฒนาประเทศ 

ซึ่งแน่นอนการพัฒนาประเทศไม่ใช่เอาเงินไปสร้างถนน สร้างสะพานเท่านั้น แต่ต้องนำเงินไปสร้าง และพัฒนาคนด้วย 

อย่างกรณีหมอฟันที่ได้ลงนามในสัญญาก่อนไปเรียนรับรู้ และรับทราบกติกาทุกอย่างว่าจะต้องใช้เงินคืนเท่าไหร่และถ้าไม่เป็นไปตามกติกาจะมีใครเดือดร้อนบ้างสำหรับผู้ลงนามค้ำประกัน แต่วันนี้เธอเลือกที่จะไม่สนใจไม่รับผิดชอบทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอลงนามไป ไม่สนใจถึงความเดือดร้อนของพี่ เพื่อน และอาจารย์ ที่ลงนามค้ำประกันให้เธอไป

ในที่นี้ “โอกาสและเวลา” เป็นสิ่งที่ผมอยากพูดถึงครับ 

เพราะเงินที่รัฐบาลไทยเสียให้เธอไปเรียนนั้น สุดท้ายเงินอาจจะได้คืนมาแต่เวลาและโอกาสที่เสียไปนั้นเอาคืนมาไม่ได้ครับ แทนที่หมอฟันคนนี้จะได้นำวิทยาทานที่ไปเรียนมากลับมาถ่ายทอดสอนคนอื่นๆที่เขาไม่มีโอกาสได้ไปก็นับว่าเป็นมูลหนี้ทางโอกาสที่สูญเสียไปแล้วประเมินเป็นเงินไม่ได้ครับ 

ณ เวลานั้นเราเลือกที่จะส่งเธอไปเพราะเชื่อมั่นว่า เธอคงจะกลับมา เรื่องแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับกรณีนี้เป็นกรณีแรกนะครับ 

วันนี้เด็กไทยนับแสนคนที่ขอทุนจากรัฐบาลเพื่อเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยก็ไม่ยอมจ่ายเงินคืนเมื่อเริ่มทำงานแล้ว ทำให้รัฐบาลไทยมีเงินจำกัดในการให้ทุนสำหรับเด็กในรุ่นต่อๆไป เกิดอะไรขึ้นกับสังคมไทยหรือครับเด็กเหล่านี้คิดอะไรกันอยู่ตอนขอทุนรัฐบาล ก็ไม่ได้ให้คุณจ่ายแม้กระทั่งดอกเบี้ยเพราะทราบดีว่าคุณเรียนหนังสืออยู่ไม่ได้ทำงานจึงไม่มีรายได้ เพราะฉะนั้นในทุนทุกทุนที่คุณใช้ไปจะต้องจ่ายคืนเมื่อคุณเริ่มทำงานซึ่งก็เป็นการทยอยใช้เงินครับ 

วันนี้คนไทยบางส่วนเลือกที่จะไม่มีความรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทราบกติกาตั้งแต่ต้นแล้วว่าจะต้องทำอย่างไรเมื่อคุณเลือกที่จะขอทุนไปเรียนต่อ ต่อให้กติกานั้นคุณอาจจะรู้สึกว่ามันมากเกินไปหรือเปล่า หรือคุณอาจจะไม่เห็นด้วยแต่คุณก็เลือกที่จะลงนามและใช้โอกาสและทุนนั้นไปแล้ว แต่เมื่อถึงเวลาที่คุณยังอยู่ในกติกานี้แล้วบังเอิญคุณมีโอกาสใหม่ๆ เข้ามาคุณก็ต้องฉกฉวยให้โอกาสนี้เป็นของคุณ คุณก็ไม่รับผิดชอบในสิ่งที่คุณตัดสินใจเลือกไปในอดีตแต่อย่างใด 

ความรับผิดชอบอยู่ตรงไหน เด็กที่ขอทุนก็เช่นกัน ตอนเรียนก็เอาเงินชาวบ้านเขามาเรียนพอจบก็ชักดาบไปเลยไม่สนใจว่าคนรุ่นหลังเขาจะไม่มีเงินเรียนต่อ อาจจะอ้างว่าไม่มีเงินจ่ายคืนเพราะเพิ่งเริ่มทำงาน 

ผมเชื่อว่า ถ้าคนเรามีความรับผิดชอบเรารู้จักควบคุมค่าใช้จ่ายต่างๆ ไม่ฟุ้งเฟ้อ เช่น ต้องมีมือถือใหม่ไม่ตกรุ่น ต้องไปเที่ยวญี่ปุ่น ต้องทานอาหารดีๆ หรือร้านเท่ๆ รับรองครับว่าคุณมีเงินจ่ายคืนแน่นอนครับ

ผมเชื่อว่าถ้าเราไม่สามารถรับผิดชอบในสิ่งที่เราตัดสินใจทำในอดีตเพียงเพราะเรามองเห็นโอกาสใหม่ที่เข้ามาจะเป็นประโยชน์กับเรา ถ้าเราบ่มเพาะนิสัยแบบนี้ต่อไป สังคมไทยคงไปไหนไม่ได้เพราะเราคงจะไว้ใจใครไม่ได้อีกเลย อีกหน่อยใครจะกล้าให้ทุนกันครับ เพราะให้ไปมันก็เบี้ยวแบบนี้ ความเสียหายที่จะเกิดขึ้นในอนาคตจะเป็นอย่างไร

ผมนึกไม่ออกจริงๆ ในฐานะคนๆหนึ่งนะครับ ผมเข้าใจดีสำหรับโอกาสที่เข้ามาแต่บางครั้งเราก็อาจจะได้โอกาสนั้นมาจากสิ่งที่มีคนหยิบยื่นให้ในอดีตนั่นเอง เหมือนหมอฟันคงไม่มีโอกาสพบรักถ้าไม่ได้ทุนจากคนไทยไปเรียนที่อเมริกา 

ความรับผิดชอบต่อสิ่งที่เราลงลายมือชื่อไว้มันยิ่งใหญ่กว่านะครับ เราอาจะเสียโอกาสนี้ไปแต่ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่มีโอกาสอื่นๆอีก 

โอกาสที่เราได้รับถ้าเราไม่รู้ ไม่ทราบกติกามาก่อน ก็คงไม่ไช่ปัญหา 

แต่ที่เป็นปัญหาคือ..เรารู้เรารับทราบอยู่แล้วเป็นอย่างดี ป่วยจริงๆครับ หากคิดแต่เอาแต่ประโยชน์ใส่ตัว ไม่สนใจความรับผิดชอบในอดีตของตนเองเลย