นิยามใหม่ของทอง

นิยามใหม่ของทอง

ในแวดวงการเงินแล้ว ผู้คนต่างรอคอยที่จะอ่าน The New Case for Gold แต่งโดย Jim Rickards หนังสือเกี่ยวกับทอง

เล่มนี้กำลังจะออกสู่ตลาดต้นเดือนเมษายนนี้พอดี สามารถหาซื้อได้ที่ร้าน Kinokuniya ในกรุงเทพฯ ถือว่าเป็นหนังสือเกี่ยวกับการเงิน หรือทองโดยเฉพาะเจาะจงที่ฮ็อตที่สุดในเวลานี้

นายจิมเคยเขียนหนังสือก่อนหน้านี้มาแล้ว 2 เล่ม คือ Currency Wars: The Making of the Next Global Crisis และ The Death of Money ทั้ง 2 เล่มนี้ช่วยให้เรามีพื้นฐานเกี่ยวกับประวัติศาสตร์การเงิน นโยบายสำคัญทางการเงินต่างๆ ของศตวรรษที่ 20 และต้นศตวรรษที่ 21 การทำสงครามการเงิน สาเหตุที่แท้จริงของวิกฤติการเงิน & เศรษฐกิจ การล่มสลายของระบบการเงิน รวมทั้งบทบาทและความหมายของเงินตราและทองคำ ความรู้ในเรื่องเงินๆ ทองๆ เหล่านี้ทั้งในแง่ประวัติศาสตร์และวิชาการมีความสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อความเข้าในของเราในสถานการณ์ปัจจุบัน แต่น่าเสียดายที่สถาบันการศึกษาไม่มีการเรียนการสอนเรื่องนี้กันอย่างลึกซึ้ง

ทำไมทองต้องมีนิยาม หรือความหมายใหม่ที่ในช่วงที่ผ่านมาไม่เคยได้พูดถึงกัน? นายจิมถามเพื่อนมหาเศรษฐีพันล้านหลายคนว่า ในพอร์ตการลงทุนมีอะไรบ้าง คำตอบคือมีหุ้น มีพันธบัตร มีโน้นมีนี่ แต่นายจิมย้อนกลับว่า ที่คุณมีทั้งหมดนั้นเป็นเพียงอิเล็กทรอนิกส์ โบรกเกอร์ หรือธนาคารอาจจะส่งบัญชีกระดาษให้คุณทางไปรษณีย์ แต่ทรัพย์สินทั้งหมดของคุณอยู่ในรูปดิจิตัล และอาจจะถูกแฮ็กโดยกองทัพไซเบอร์ของวลาดิเมียร์ ปูติน ปธน.รัสเซีย ที่มีกองทัพไซเบอร์ 6,000 นายทำงานทั้งวันทั้งคืนนอกกรุงมอสโคว เพื่อที่จะแฮ็ก ก่อกวน ทำลาย ลบออกไป หรือปิดตลาดหุ้น หรือทรัพย์สินของสหรัฐและอื่นๆ

นายจิมน่าจะเป็นซีไอเอทางการเงินตัวพ่อ มีหน้าที่ปูความรู้ และโน้มน้าวให้ชาวโลกมีความเห็นคล้อยไปในทิศทางที่อิลิททางการเงินของโลก ต้องการให้โลกเดินหน้าไปในทิศทางที่วางเอาไว้อย่างน่าเชื่อถือ เพราะว่าเขาเป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้ทั้งซีไอเอและเพนตากอน เคยทำแบบจำลองสงครามการเงินระหว่างสหรัฐและจีนให้เพนตากอน

นายจิมเขียนใน Currency Wars: The Making of the Next Global Crisis ว่าดอลลาร์กำลังจะมาถึงจุดจบ เพราะว่าธนาคารกลางของสหรัฐหรือเฟดยิงกระสุนหมดแล้วในการกอบกู้ระบบการเงินสหรัฐในวิกฤติ 2008 ทำให้หนี้ต่อทุนในงบดุลของเฟดคือ 70:1 ระดับหนี้ต่อทุนนี้ถือว่าเฟดล้มละลายไปแล้วทางบัญชี ถ้าหากว่าเกิดวิกฤติการเงินรอบหน้า และเฟดต้องพิมพ์เงินอุ้มระบบการเงิน หนี้ต่อทุนของเฟดจะไปที่ 200:1 ในระดับหนี้ต่อทุนนั้น ตลาดการเงินจะยอมรับความน่าเชื่อถือของเฟดต่อไปไม่ได้ ดอลลาร์จะโดนทิ้ง ทำให้เกิดเงินเฟ้ออย่างรุนแรงในสหรัฐ มีเพียงกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เท่านั้นที่ยังพอจะมีงบดุลเพียงพอที่จะพิมพ์เงินในบัญชีพิเศษที่เรียกว่า Special Drawing Rights (SDRs) เพื่ออุ้มระบบธนาคารของโลกตะวันตก โดยนัยยะแล้ว นายจิมกำลังบอกว่าไอเอ็มเอฟจะทำหน้าที่เป็นธนาคารกลางของโลกในยุคหลังเฟด และเงิน SDRs ของไอเอ็มเอฟก็จะมาแทนดอลลาร์เป็นเงินสกุลหลักของโลก หรือเป็นเงินสกุลโลกสกุลเดียว

เรื่องนี้น่าจะเป็นประเด็นหลัก หรือเจตนาแอบแฝงของบทบาทของนายจิมที่ทำหน้าที่เป็นพีอาร์ให้ SDRs หรือไอเอ็มเอฟเพื่อว่าพวกอิลิทจะยังคงเป็นผู้เขียนกฎของระบบการเงินโลกต่อไป หลังจากการสิ้นสุดของยุคทรงอิทธิพลของดอลลาร์กระดาษที่ถูกกำหนดเอาไว้

SDRs อาจจะแจ้งเกิดในปี 2020 ก็ได้ ตามรายงานที่ว่าไอเอ็มเอฟได้เริ่มทำแผน 10 ปี โดยเริ่มศึกษาในปี 2010 เพื่อวางกรอบให้ SDRs เป็นเงินสกุลหลักของโลกแทนดอลลาร์ หรือเงินสกุลอื่นๆ ของโลก

นายจิมเขียน The New Case for Gold เพื่อชี้ให้เห็นบทบาทของทองคำในความหมายใหม่ หรือที่ยืนของทองคำในระบบการเงินโลก หลังจากทองโดนสหรัฐและโลกตะวันตกทำลายจากความรู้สึกนึกคิด หรือความเชื่อของคนอเมริกันและชาวโลกที่ตกอยู่ภายใต้ระบบการศึกษาของโลกตะวันตกมานาน เพราะว่าสหรัฐต้องการชูระบบดอลลาร์กระดาษ (Fiat currency) ที่พิมพ์ออกมาโดยไม่มีทรัพย์สินอะไรหนุนหลัง นับตั้งแต่หลังจากที่สหรัฐยกเลิกมาตรฐานทองคำในปี 1971 แต่นายจิมไม่ได้ไปไกลถึงขนาดที่จะแนะนำให้โลกกลับมาใช้มาตรฐานทองคำตามความหมายเดิม แม้ว่าในระบบการเงินโลกใหม่อาจจะมีทองคำสำรองบ้าง แต่อาจจะมีโภคภัณฑ์ตัวอื่นๆ รวมอยู่ด้วย

สรุปนายจิมมีความเห็นว่าทองคำจะเป็นหลักประกันความเสี่ยงของวิกฤติการเงินโลกที่กำลังจะมา การถือทองคำอย่างน้อย 10% ในพอร์ตจะเป็นการประกันความเสี่ยงของความผันผวนในตลาดการเงินโลก

นายจิมเคยพูดอย่างเปิดเผยว่า เขาต้องการเป็นสหรัฐเล่นบทบาทหลักในการกำหนดโฉมหน้าใหม่ของระบบการเงินโลกต่อไป พูดง่ายๆ สหรัฐสร้างระบบการเงินโลกที่เรารู้จักทุกวันนี้ ปกป้องรักษาผลประโยชน์ของตัวเองอย่างเต็มที่ ใช้งานมันจนพัง แล้วยังต้องการสร้างพิมพ์เขียวใหม่อีก โดยที่สหรัฐอาจจะให้จีนมีบทบาทในพิมพ์เขียวที่ตัวเองกำหนดบ้าง แต่จะกีดกันรัสเซียให้ห่างออกไปวงนอก

ด้วยเหตุนี้ ปธน.วลาดิเมียร์ ปูติน จึงได้สั่งให้รัสเซียเลิกใช้ดอลลาร์ หันมาตุนทองคำแทนเป็นกอบเป็นกำ ส่วนจีนและอินเดียแอบตุนทองเหมือนกัน เพราะรู้ดีว่าดอลลาร์กระดาษกำลังเข้าสู่โค้งสุดท้ายแล้ว

นายจิมเขียน The New Case for Gold เพื่อชี้ให้เห็นบทบาทของทองในโค้งสุดท้ายนี้ เพราะเขาบอกว่าเมื่อเกิดแพนิค ใครจะซื้อทอง ของจะขาดตลาด ราคาทองคำอาจจะพุ่งไปถึง 10,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์