10 ปีเหมือนกัน..แต่ไม่เหมือนกัน

10 ปีเหมือนกัน..แต่ไม่เหมือนกัน

แม้ในระยะสั้น หุ้นอาจจะดูเสี่ยง แต่ระยะยาวเกิน 10 ปีขึ้นไปนั้น ความเสี่ยงจะลดลงอย่างมาก และผลตอบแทนจะยิ่งแน่นอนมากขึ้น

ครั้งหนึ่งอัลเบิร์ตไอน์สไตน์ อัจฉริยะนักวิทยาศาสตร์ เจ้าของทฤษฎีสัมพัทธภาพ ได้เคยอธิบายถึงทฤษฎีของเขาแบบง่ายๆไม่ต้องปีนบันไดฟัง ว่า
'เมื่อคุณนั่งอยู่กับสาวสวยน่ารักคนหนึ่งและคุยกันอย่างสนุกสนานในเวลา1 ชม. คุณจะคิดว่าเวลาผ่านไปเพียง1 นาที ... แต่ถ้าคุณนั่งลงบนเตาไฟเพียง1 นาทีคุณจะคิดว่า มันคือ1 ชม.' นี่แหละคือความสัมพันธ์ของเวลา

ทั้งที่เวลาเท่ากัน ... แต่ละคน แต่ละช่วงเวลาของชีวิต กลับรู้สึกว่าเวลายาวไม่เท่ากัน
ถ้าถามเด็กอายุ 10 ขวบ ว่า 10 ปี นานไหม … เด็กจะตอบว่า 'นานเหลือทน' ... เพราะนั่นมันคือเวลาทั้งชีวิตเขา
ถ้าถามบัณฑิตใหม่ อายุ 22 ว่า 10 ปีนานไหม … บัณฑิตใหม่จะตอบว่า 'นานมาก'...เพราะนั่นมันครึ่งชีวิตเขา
ถ้าถามพ่อลูกสองวัย 40 ว่า 10 ปีนานไหม … พ่อลูกสองจะตอบว่า 'ไม่นาน' ... เพราะแค่อายุลูกเขาก็เกือบ 10 ปีแล้ว
และ ถ้าถามลุงเกษียณว่า 10 ปีนานไหม… ลุงจะตอบว่า 'แป๊บเดียว' ...เพราะชีวิตเขาผ่าน 10 ปีมาตั้ง 6 ครั้งแล้ว
10 ปีเหมือนกัน แต่ไม่เหมือนกัน ...เรื่องสัมพัทธภาพของเวลา ก็ตามเข้ามาในโลกของการลงทุนเช่นกัน

หากคุณพูดถึงการลงทุนระยะยาว 10 ปี … คนเจน Y ลงมา (เกิดหลัง พ.ศ2524) จะตอบว่า มันนานเกิน รอไม่ไหวหรอก แต่คนเจน X ขึ้นไป(เกิดก่อน พ.ศ2524) จะตอบว่า ไม่นานเลย รู้งี้พี่ลงทุนมาตั้งนานแล้ว

เชื่อผมเถอะครับ ว่าแต่ละ 10 ปีผ่านไป...มันช่างไวเหมือนโกหกการเริ่มลงทุนในหุ้นเร็วตั้งแต่อายุยังน้อย จะเป็นแต้มต่อสำคัญของชีวิต ด้วยระยะเวลาการลงทุนที่ยาวนานหลายสิบปี หุ้นจะมีความเสี่ยงลดลงอย่างมาก

ถามว่า ... จะขอลงทุนกับอะไรที่ชัวร์ๆ มั่นคงๆ อย่างฝากเงิน หรือซื้อพันธบัตรดีไหม ?
ก็ขอตอบว่า... โลกการเงินยุคใหม่ ยิ่งวิ่งหาความปลอดภัย กลับยิ่งเสี่ยง
ลองดูผลตอบแทนของพันธบัตร 10 ปี ของประเทศพัฒนาแล้วซิครับอ้างอิงวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2559 ผลตอบแทนพันธบัตร คือ อเมริกา 1.76%, เยอรมัน 0.15%, และ ญี่ปุ่น -0.07%!!! ล้วนเป็นดอกผลที่น้อยมากแบบรับไม่ได้

พันธบัตร ...ปลอดภัยอย่างที่สุด... กลายเป็นเดินเข้าประตูแพ้แบบชัวร์ที่สุด เพราะ ดอกเบี้ยต่ำทะลุดิน !

ทางแก้คืออะไร ?... คือ การลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย หุ้น กองทุนอสังหาฯ เงินสด ตราสารหนี้ ประกันชีวิต ฯลฯ แบ่งสัดส่วนสร้างสมดุล ระหว่างสินทรัพย์เสี่ยงสูง และสินทรัพย์เสี่ยงต่ำให้ดี ที่เขาเรียกว่าการบริหารพอร์ตโฟลิโอ (Portfolio Management)ได้ผลตอบแทนตามต้องการ บนความเสี่ยงที่รับได้

โดยเฉพาะ การลงทุนในหุ้น หากเรารู้จักการลงทุนใน Good Stock at Good Price (ซื้อหุ้นพื้นฐานดี ที่ราคาต่ำกว่ามูลค่า) จะยิ่งเพิ่มความแน่นอนในการสร้างผลตอบแทนของพอร์ตในระยะยาว ให้สูงมากขึ้นเท่านั้น

อย่างตลาดหุ้นไทยในช่วงเวลานี้ เปิดปี 2559 มาได้ 2 เดือน ภาวะราคาน้ำมันก็ยังไม่ได้กลับไปดี ยังวิ่งๆแถว 28-32 ดอลล่าร์ต่อบาร์เรล ภาวะเศรษฐกิจไทยก็ยังไม่เห็นการปรับตัวเป็นขาขึ้นที่แน่ชัด กลุ่มสื่อสารที่ปั่นป่วน ก็ยังคงปั่นป่วนถึงเวลานี้ ด้วยสงครามราคา สงครามแย่งลูกค้า และความไม่ชัดเจนของการประมูลคลื่น 900 MHz ว่าจะมีภาคต่อหรือไม่

แต่เชื่อหรือไม่ ว่าเปิดปี 2559 มา SET ปรับตัวเพิ่มขึ้นแบบเงียบๆ +4.27% ทางด้านกลุ่มหุ้นใหญ่ยิ่งดีเพราะ SET50 ปรับตัวเพิ่มขึ้น +5.65%โดยที่นักลงทุนไม่ต้องประสาทเสียกับการวิ่งเข้าวิ่งออกหุ้น ไม่ต้องดูราคาน้ำมันทุกคืน ไม่ต้องตามติดกลุ่มสื่อสารว่าใครจะจ่าย ใครจะเบี้ยว ถ้ามั่นใจว่าซื้อ Good Stock ที่ Good Price แล้วก็ถือลงทุนไปครับ

แม้ในระยะสั้น หุ้นอาจจะดูเสี่ยง แต่ระยะยาวเกิน 10 ปีขึ้นไปนั้น ความเสี่ยงจะลดลงอย่างมาก และผลตอบแทนจะยิ่งแน่นอนมากขึ้นและเชื่อผมเถอะครับ ว่าระยะเวลา 10 ปี นั้นไม่นานหรอก เมื่อคุณลงทุนได้ครบ 10 ปี มองย้อนหลังกลับไป จะรู้สึกขอบใจตัวเองเมื่อ 10 ปีก่อน ที่ได้เริ่มทำสิ่งที่ดีสู่ชีวิต

เวลา คือ หน่วยเงิน ...มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ