ปฏิรูปยุติธรรมไทยด้วยใจรัก

ปฏิรูปยุติธรรมไทยด้วยใจรัก

การรักงานที่ทำจึงทำให้มีความกระตือรือร้น มีพลังขับเคลื่อนไปข้างหน้า ด้วยความใส่ใจอยากมีความรู้เพิ่ม อยากทำงานให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป

เมื่อวันที่ 26 มกราคมที่ผ่านมา ผมได้ไปพูดเกี่ยวกับบทวิเคราะห์ของผมในเรื่องการจัดอันดับประเทศไทยในส่วนที่เกี่ยวกับประสิทธิภาพของกระบวนการยุติธรรมไทยในการบังคับใช้สัญญา (Enforcement of Contracts) เมื่อเปรียบเทียบกับอีก 100 กว่าประเทศทั่วโลก ซึ่งทำการจัดอันดับโดย World Bank Group ในปี พ.ศ. 2558 ภายใต้โครงการ Ease of Doing Business

การประชุมที่ผมได้ไปพูดนี้จัดขึ้นที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ โดยกระทรวงยุติธรรมของเกาหลีใต้รับเป็นเจ้าภาพให้ชื่อว่า '2016 International Conference on Ease of Doing Business' ซึ่งผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วยผู้แทนจาก World Bank Group และผู้แทนจากเกาหลีใต้ เม็กซิโก เมียนมาร์ และไทย

สำหรับในส่วนของประเทศไทยนั้น นอกจากผมแล้ว ยังมีคุณรื่นวดี สุวรรณมงคล อธิบดีกรมบังคับคดีขึ้นพูดด้วย คุณรื่นวดีพูดถึงเรื่องการปฏิรูปกฎหมายในส่วนที่เกี่ยวกับการบังคับคดีและการดำเนินงานของกรมบังคับคดีที่ได้เกิดขึ้นในรอบสองปีที่ผ่านมาและที่จะเกิดขึ้นในอนาคตหลายเรื่อง
ในกระบวนการด้านคดีความนั้น เมื่อศาลมีคำพิพากษาแล้ว แต่จำเลยไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษาก็จะต้องมีการยึดทรัพย์ของจำเลยมาขายทอดตลาดเพื่อนำเงินที่ได้มาชำระหนี้ตามคำพิพากษา ดังนั้น หากงานในส่วนนี้ ซึ่งเรียกกันทั่วไปว่าการบังคับคดี ซึ่งอยู่ในความรับผิดของของกรมบังคับคดีสร้างความยุ่งยากล่าช้า และมีค่าใช้จ่ายสูง ย่อมจะทำให้โจทก์ที่หวังกระบวนการยุติธรรมเป็นที่พึ่งไม่ได้รับการเยียวยาอย่างมีประสิทธิภาพตามที่พึงจะเป็น

คุณรื่นวดีบอกกับที่ประชุมว่า การปฏิรูปที่เกิดขึ้นทำให้การบังคับคดีทำได้ง่ายขึ้นมาก ประชาชนสามารถติดต่อกับเจ้าหน้าที่ได้ในที่ทำการแห่งเดียวจนเสร็จการ (One Stop Service) ไม่ต้องวิ่งไปมาติดต่อกับเจ้าหน้าที่ในหลายส่วนงาน ซึ่งบางครั้งก็อยู่กันคนละที่เหมือนสมัยก่อน ระยะเวลาในการบังคับคดีจนถึงการขายทอดตลาดเพื่อให้ได้เงินมาชำระหนี้ จากที่เคยเป็นปีหรือหลายเดือนนั้น สถิติโดยเฉลี่ยในปัจจุบันอยู่ที่เพียง 75 วันเท่านั้น
ด้วยระบบสื่อสารอิเล็กทรอนิกส์ที่ทางกรมบังคับคดีได้เริ่มนำมาใช้และกำลังพัฒนาอยู่นั้น ในอนาคตอันใกล้นี้ ประชาชนจะสามารถใช้บริการด้านการบังคับคดีจากที่บ้านหรือที่ไหนๆ ก็ได้ ไม่จำเป็นต้องมาติดต่อที่

ที่ทำการของกรมบังคับคดีอีกต่อไป คุณรื่นวดีทิ้งท้ายไว้อย่างนี้

ผมรู้จักคุณรื่นวดีมานานพอสมควร แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้ฟังคุณรื่นวดีพูดถึงวิธีคิดในแง่มุมต่างๆ ของงานในหน้าที่ราชการ

คุณรื่นวดีทำให้ผู้เข้าร่วมประชุมรู้สึกได้ถึงความภาคภูมิใจในงานราชการที่รับผิดชอบ ความตั้งใจแน่วแน่ที่จะพัฒนาให้ดีขึ้น และการมีวิสัยทัศน์
ด้วยประวัติการศึกษาดีเยี่ยมและความสามารถที่แสดงออกในการทำงาน ผมชื่นชมที่คุณรื่นวดีเลือกเป็นข้าราชการทั้งๆ ที่มีทางเลือกอื่นๆ ที่จะให้ผลตอบแทนเป็นเงินที่สูงกว่า และผมสัมผัสได้ถึงความ 'รัก' ในงานราชการของคุณรื่นวดี

ผมเชื่อว่ายังมีข้าราชการไทยอีกจำนวนไม่น้อยที่เป็นอย่างนี้ คือ 'รัก' การเป็นข้าราชการ และทำงานราชการด้วยความ 'รัก' 

การรักงานที่ทำจึงทำให้มีความกระตือรือร้น มีพลังขับเคลื่อนไปข้างหน้า ด้วยความใส่ใจอยากมีความรู้เพิ่ม อยากทำงานให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป

หากระบบของประเทศเปิดกว้างให้ข้าราชการเหล่านี้ได้มีโอกาสใช้ความรู้ ความสามารถทำงานอย่างเต็มที่ การปฏิรูปประเทศไทยในหลายๆ ด้านอย่างเป็นรูปธรรมก็น่าจะเกิดขึ้นได้