หรือถึงคราว 'ปชป.' ผลัดใบ?

หรือถึงคราว 'ปชป.' ผลัดใบ?

หลังจากเมื่อปลายปีที่แล้ว วิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์

 ออกมาแฉปมไม่ชอบมาพากล โครงการพัฒนาทักษะทางดนตรี โรงเรียนในกรุงเทพมหานคร ( กทม.) อย่างต่อเนื่อง

โดยเฉพาะกรณีจัดซื้อจัดจ้างเครื่องดนตรีที่มีราคาสูงเกินจริง?

มาปีนี้“วิลาศ”เจ้าเก่าแถลงว่าในวันที่ 6 ม.ค.จะยื่นเรื่องการทุจริตของกทม. ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เพื่อให้ตรวจสอบการบริหารงานที่ไม่โปร่งใส 3 เรื่อง คือ 1.การติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (ซีซีทีวี) 2.การขยายสัญญาเดินรถไฟฟ้า (บีทีเอส) และ 3.โครงการประดับไฟตกแต่งที่ลานคนเมือง จำนวน5ล้านดวงระหว่างวันที่ 30 ธ.ค.2558 - 31ม.ค.2559 มูลค่า 39.5 ล้านบาท

แน่นอน การแสดงบทบาทตรวจสอบโครงการต่างๆของ กทม.ที่ส่อว่าจะมีการทุจริต ด้านหนึ่งถือว่าน่ายกย่องในการทำหน้าที่เป็นหูเป็นตาแทนประชาชน ไม่เลือกว่าจะยังอยู่ในตำแหน่งส.ส.หรือไม่ อีกด้านหนึ่งอาจถือว่า เป็นการปกป้องภาพลักษณ์พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ให้ถูกมองว่าปล่อยปละละเลยปัญหาทุจริตคอร์รัปชันที่เกิดจากคนของตัวเอง

และด้านสำคัญ การตรวจสอบครั้งนี้ อยู่ในยุคที่มีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเป็นหัวหน้าพรรค ทั้งยังมีข่าวมาตลอดว่า“อภิสิทธิ์”นัดพูดคุยกับ“คุณชายหมู” ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม.หลายครั้ง เพื่อสอบถามเรื่องนี้ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีโอกาสเจอกัน

กระทั่งมีกระแสข่าว ผู้บริหารพรรคและอดีตส.ส.พรรคในสาย “อภิสิทธิ์” ไม่พอใจ“คุณชายหมู”อย่างมาก ถึงขนาดเตรียมลงมติขับออกจากพรรคทันทีที่สามารถประชุมพรรคได้ เพื่อแก้ปัญหาเรื่องนี้

ก่อนที่จะมีกระแสข่าวว่า ทางฝ่าย“คุณชายหมู”ก็ไม่พอใจอย่างมากเช่นกัน ที่ผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์ ปล่อยให้อดีตส.ส.ออกมาแฉเรื่องทุจริตใน กทม. เหมือนไม่เห็นหัว “คุณชายหมู” ถึงขั้นมีการปล่อยข่าวตั้งพรรคการเมืองใหม่ ที่มีการดึงเอา“ลุงกำนัน”สุเทพ เทือกสุบรรณ เข้าไปเกี่ยวข้องในฐานะหุ้นส่วนสำคัญ และเชื่อว่าจะมีอดีตส.ส.ประชาธิปัตย์หลายคนออกมาร่วมด้วย แต่“สุเทพ”ก็ออกมาปฏิเสธในทันทีทันควัน

ยิ่งกว่านั้น ยังมีกระแสข่าวบางกระแสถูกปล่อยออกมาว่า“คุณชายหมู”เตรียมชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคกับ“อภิสิทธิ์”โดยการหนุนหลังของอดีตส.ส.ในสาย“สุเทพ”เนื่องจากเป็นที่รับรู้กันดีว่า สายสัมพันธ์ระหว่าง“สุเทพ”กับ“คุณชายหมู”แนบแน่นกันแค่ไหนและการผลักดันให้“คุณชายหมู”ลงสมัครผู้ว่าฯกทม.รอบสองได้ ก็พิสูจน์มาแล้ว

มาถึงตรงนี้ จึงน่าวิเคราะห์ว่า รอยร้าวระหว่าง“คุณชายหมู”กับ“อภิสิทธ์”นับวันยิ่งถูกตอกลิ่มให้แตกแยกออกไปทุกที

เท่านั้นยังไม่พอ ยังมีกรณีสุรินทร์ พิศสุวรรณอดีตเลขาธิการอาเซียน และอดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ หลายสมัย ออกมาประกาศพร้อมลงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และตั้งเป้าหมายที่จะคว้าเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ให้ได้ด้วย

ยิ่งเขย่าพรรคประชาธิปัตย์เข้าไปใหญ่ แม้เมื่อวันที่ 2 มกราคมที่ผ่านมานิพิฏฐ์ อินทรสมบัติรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะออกมาบอกว่า มีการเคลียร์กันแล้ว เพราะเป็นข่าวที่คลาดเคลื่อน แต่ก็ยอมรับว่า“สุรินทร์”เป็นแคนดิเดตลำดับต้นๆ ที่พร้อมชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคได้ทุกเมื่อเช่นกัน และเชื่อว่า พรรคประชาธิปัตย์จะไม่แตก เพราะมีความเป็นประชาธิปไตยสูง

นั่นเท่ากับว่า“อภิสิทธ์”กำลังเผชิญหน้ากับทั้งความไม่เป็น“เอกภาพ”ของพรรคประชาธิปัตย์ อย่างน้อยก็ความขัดแย้งที่มีต่อฝ่าย“คุณชายหมู”และคู่แข่งที่น่ากลัว อย่าง“สุรินทร์”ที่มีตำแหน่ง “เลขาธิการอาเซียน” การันตี รวมทั้งความสดที่ไม่มีรอยแผลเป็นให้เห็นมาก่อน

ทั้งหมดจึงน่าจับตามองอย่างใกล้ชิดว่า ถึงคราวที่“ประชาธิปัตย์”จะผลัดใบอีกครั้งแล้วหรือไม่