“ตามรอยพระบาทในหลวง” ...ที่โลซานน์

“ตามรอยพระบาทในหลวง” ...ที่โลซานน์

ในช่วงมหามงคล “Bike for Dad” ที่ผ่านมานั้น ผมได้มีโอกาสไปแวะเยี่ยมชมเมืองโลซานน์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

และได้ถือโอกาส “ตามรอยพระบาทในหลวง”  ซึ่งต้องขอขอบคุณไกด์กิตติมศักดิ์สองท่านคือ คุณอภิสมา ณ สงขลา จากบริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTC)  และคุณศรัญญา หลากสุขถม จากบริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (KGI) มา ณ ที่นี้ด้วย  ผมจึงขอนำภาพและความรู้สึกที่ดีๆ มาเล่าให้คุณผู้อ่านได้มีอรรถรสในการตามรอยพระบาทดังนี้ครับ

เริ่มต้นที่ ทะเลสาบเลอมอง (Leman)  ซึ่งเป็นทะเลสาบที่ร่มรื่นและงดงาม ในหลวงรัชกาลที่ 8 และรัชกาลที่ 9 เมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์ ก็เคยทรงเรือใบและกรรเชียงเล่นในทะเลสาบแห่งนี้ และยังเป็นกีฬาที่ชาวสวิสในแถบนี้นิยมเล่นกัน ความเรียบง่ายและความเป็นอยู่อย่างพอเพียงของคนในแถบนี้ อาจเป็นหนึ่งในที่มาของแนวพระราชดำริเรื่อง “เศรษฐกิจพอเพียง” ก็อาจเป็นได้

ทะเลสาบเลอมองแห่งนี้ยังเป็นอยู่ระหว่างสองประเทศคือ เมืองโลซานน์ของสวิตเซอร์แลนด์ และเมืองเอเวียง...ที่ทำน้ำแร่ชื่อดังของฝรั่งเศส หนึ่งในเขตเมืองโลซานน์ที่ติดกับทะเลสาบเลอมองก็คือ สวนสาธารณะเดอน็องตู (Denantou)  ซึ่งเป็นสวนสาธารณะที่มีขนาดใหญ่ และยังเป็นสถานที่ทรงพักผ่อนอีกด้วย บริเวณใจกลางของสวนสาธารณะแห่งนี้ก็คือที่ตั้งของ “ศาลาเฉลิมพระเกียรติ ณ เมืองโลซานน์” ซึ่งสมเด็จพระเทพได้เสด็จทรงเปิดเมื่อปี 2552   เนื่องจากศาลาแห่งนี้ออกแบบโดยสถาปนิกชาวไทย และมีความงดงามโดดเด่น แสดงออกซึ่งเอกลักษณ์ความเป็นไทย ภายใต้บรรยากาศความร่มรื่นแบบสวิส จึงทำให้ผู้คนที่ผ่านไปมาในบริเวณนี้ อดไม่ได้ที่จะต้องเลี้ยวรถและเข้ามาถ่ายรูปกับศาลาแห่งนี้

เดินไปตามทางเท้าจนเกือบสุดสวนสาธารณะเดอน็องตูก็จะมีบันไดให้เดินขึ้น พอเดินขึ้นมาก็จะพบกับ “รูปปั้นลิง 3 ตัว”  ลิงตัวแรกทำท่าปิดตาข้างเดียว ตัวที่สองปิดทั้งปาก และตัวที่สามปิดหูข้างเดียว  ที่ในหลวงโปรดและฉายพระรูปไว้เสมอ สมเด็จพระพี่นาง ทรงนิพนธ์ว่าหมายถึง “ไม่ยอม ฟัง ดู พูด ในสิ่งที่เลว”

ต่อจากนั้นเดินต่อไปอีกจนเกือบสุดถนนก็จะมีโรงแรมขนาดใหญ่ที่หรูหราตระการตามีชื่อว่า โรงแรมโบริวาจ (Beau -Rivage Palace) เมื่อครั้งที่พระบรมราชชนกทรงอภิเษกสมรสกับหม่อมสังวาลย์ในปี 2463 ทั้ง 2 พระองค์ได้เดินทางผ่านยุโรป โดยทรงแวะที่เมืองโลซานน์ และทรงเลือกโรงแรมโบริวาจ ซึ่งโก้หรูที่สุดในเมืองเป็นสถานที่ฮันนีมูนผ่านมาเกือบ 100 ปี วันนี้ โรงแรมโบริวาจ ยังคงดูหรูหราคลาสสิกและยังคงเป็นโรงแรมชั้นหนึ่งของเมืองโลซานน์

จุดสุดท้ายที่คณะทัวร์กิตติมศักดิ์ได้ตามรอยพระบาทก็คือ "แฟลตเลขที่ 16" ตั้งอยู่บนถนนทิสโซต์ (Tissot) ซึ่งชื่อเหมือนนาฬิกายี่ห้อดัง ที่แห่งนี้หม่อมสังวาลย์พร้อมพระธิดาและพระโอรสทรงใช้เป็นที่ประทับในช่วงปี 2476-2478 โดยเป็นแฟลตห่างตัวเมืองเล็กน้อย ทำให้ราคาไม่สูงมาก สมเด็จพระพี่นางฯทรงนิพนธ์ถึงแฟลตนี้ไว้ว่า "เป็นตึกขนาดใหญ่ มีแฟลตหลายชุด แม่เช่าที่ชั้นล่างเพราะเกรงว่าลูกอาจรบกวนคนที่พักอยู่ข้างใต้ด้วยการวิ่งหรือกระโดด ใต้แฟลตของเรายังมีโรงรถอีก"

ความประทับใจ...ของคณะทัวร์ในครั้งนี้ก็คือ ตอนที่เราเดินมองหา “แฟลตเลขที่ 16” อยู่นั้น  ก็มีคุณป้าฝรั่งท่านหนึ่งเดินผ่านมา เธอชี้ไปยังแฟลตเลขที่ 16 แล้วพูดขึ้นว่า “Yes… Yes… The King”  พอพวกเราได้ฟังคำพูดนั้น เราหลายคนก็ขนลุกขึ้นมาทันที

...แสดงว่า มีคนไทยมาแวะถ่ายรูปที่นี่...เป็นจำนวนมากแน่ๆ จึงทำให้เธอ...พูดเช่นนั้น

...น่าปลาบปลื้มใจแทน...พสกนิกรชาวไทยทุกคน...ที่ยังคงรักและเทิดทูนในหลวงของเราตราบชั่วนิจนิรันดร์