เมื่อไหร่ดาราจะรู้เท่าถึงการณ์เสียที

เมื่อไหร่ดาราจะรู้เท่าถึงการณ์เสียที

ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ประเด็นร้อนในแวดวงคนบันเทิงคงหนีไม่พ้นประเด็น ดาราโพสต์ภาพเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

ลง IG ของตัวเอง ที่เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันว่า ผิดกฎหมายหรือไม่ ทำได้หรือไม่ แล้วถ้าผิด มันเป็นการละเมิดการเป็นส่วนตัวหรือไม่ แล้วถ้าผิด คนธรรมดาทั่วๆ ไปที่ไม่ใช่ดาราจะทำได้หรือไม่ คำถามเหล่านี้เป็นคำถามที่น่าฉุกคิด และเก็บมาเป็นบทสนทนากันอย่างกว้างขวาง สำหรับผมแล้ว ผมมักจะพูดเสมอครับว่า ถ้าผิดกฎหมายจริง ก็คงโดนอะไรไม่มากมายครับ

สมมติถ้ามีการแอบรับเงินจากการโพสต์จริง ก็คุ้มแหละครับ เผลอๆ หากไม่มีหลักฐานการรับเงิน หรือ ผลประโยชน์อื่น แต่เป็นการช่วยเหลือกัน ซึ่งนั่นหมายถึงคุณกำลังกระตุ้นให้คนอื่นดื่มเครื่องดื่มมึนเมา คุณอาจโดนโทษที่น้อยกว่านั้น จากการ “รู้เท่าไม่ถึงการณ์” ด้วยซ้ำ ผมเลยไม่ค่อยสนใจเรื่องที่จะโดนลงโทษสักเท่าไหร่ เพราะอย่างที่ผมสอนนักศึกษาเป็นประจำว่า หากชีวิตคุณดำเนินไปโดยใช้คำว่า “ไม่ผิดกฏหมาย” นำทาง คุณก็เหมือนสุนัขที่ไม่ไปฉี่รดล้อ เพราะโดนเชือกจูงไว้นั่นเอง แต่หากคุณอยากจะใช้ชีวิตที่ไม่มีสายจูง คุณก็ต้องใช้จริยธรรมนำทางคุณไป

พอมีข่าวออกมาว่า ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร หากคุณโพสต์ภาพดื่มหรือรินเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็ผิดหมด คำวิพากษ์วิจารณ์ในกรณีนี้ก็เกิดขึ้นทันทีว่า มันจะเป็นการลิดรอนสิทธิเสรีภาพมากเกินไปหรือเปล่า คนเราจะโพสต์ภาพอะไรก็ได้ไม่ใช่หรือ มันเป็นพื้นที่ส่วนตัวของเรา จนต้องมีผู้รู้ออกมาบอกว่า การโพสต์ภาพเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไม่ผิด เพราะกฎหมายจะดูที่เจตนาเป็นหลัก หากเป็นการโพสต์ว่าเป็นงานปาร์ตี้ งานเลี้ยงธรรมดาๆ ที่ไม่ได้มีการโฆษณา หรือกระตุ้นให้คนอยากดื่มก็ไม่ผิด เพราะไม่ได้มีการกล่าวถึงสินค้า หรือรับเงินสนับสนุนใดๆ แต่เชื่อหรือไม่ครับว่า หากไม่มีจริยธรรมอยู่ในใจของดาราเหล่านั้นแล้ว ไม่นานอาจเกิดภาพงานปาร์ตี้เหล่าดารา ที่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อยู่เต็มโต๊ะ แล้วไม่ได้เขียนแคปชั่นคำโฆษณาหรือกระตุ้นการอยากดื่มใดๆ เพียงแค่อยากจะสื่อให้แฟนคลับทั้งหลายทราบว่า “นี่คือสิ่งที่ดาราเขาดื่มกัน” คุณอยากอินเทรนด์หรืออยากดื่มแบบที่พวกดาราดื่มหรือเปล่าล่ะ

จริยธรรมจึงเป็นตัวสำคัญ ที่ต้องปลูกฝังเข้าไปให้อยู่ในจิตสำนึกของบุคคลที่เป็นแบบอย่างของคนอื่นๆให้ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นอาชีพดารานักแสดงก็ได้ อาชีพอื่นก็ควรจะมีเช่นกัน ตัวอย่างเช่น ผมเองเป็นอาจารย์ ต่อให้ผมไปดื่มเหล้าที่ไหน ผมก็ไม่ควรโพสต์ภาพลงสื่อโซเชียลใดๆ แม้แต่ภาพสูบบุหรี่ที่ไม่ได้มีเจตนาขายบุหรี่ ก็ไม่ควรจะโพสต์ลงไม่ว่าจะเป็น IG Facebook หรือสื่อโซเชียลไหนก็ตาม ถามว่ามันเป็นพื้นที่ส่วนตัวของอาจารย์ใช่หรือไม่ คำตอบคือ ใช่ แต่ในพื้นที่ส่วนตัวนี้ ก็มีนักศึกษาคนติดตามอยู่กันเต็ม เหมือนคุณเชิญนักเรียนมาบ้านเต็มไปหมด คุณก็ไม่ควรที่จะดื่มเหล้า สูบบุหรี่ให้นักเรียนเห็น แม้ที่นั่นจะเป็นบ้านซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนตัวของคุณก็ตาม

ในกรณีที่เป็นดารายิ่งสำคัญเข้าไปใหญ่ คุณต้องคำนึงอยู่ตลอดเวลาว่า คุณคือไอดอลของคนหลายๆคน คุณคือคนที่มีคนหลายๆ คนอยากจะเป็น อยากจะทำตาม ดังนั้น คุณควรใช้ข้อได้เปรียบนี้ของคุณ ทำในสิ่งที่ดีๆ เพื่อให้คนที่พยายามจะเป็นเช่นคุณทำในสิ่งที่ดีๆ ตราบใดก็ตามที่คุณเลือกที่จะเป็นดารานักแสดง เลือกที่จะมีชื่อเสียง นี่คือสิ่งที่คุณเลือกเอง และเมื่อคุณเลือกแล้ว มันย่อมต้องมีสิ่งที่คุณจะต้องสูญเสีย นั่นคือ “ความเป็นส่วนตัว” หรือ Privacy นั่นเอง สิ่งนี้คือสิ่งคุณจำเป็นต้องสูญเสียอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หากคุณไม่อยากจะสูญเสีย คุณก็ต้องเลือกอาชีพอื่น หรือที่เรียกว่า ได้อย่างเสียอย่าง นั่นเอง

ดังนั้น คำว่า “นี่คือพื้นที่ส่วนตัว” จึงไม่มีสำหรับคนที่เป็นดารานักแสดง หรือแม้แต่นักการเมือง เมื่อคุณเดินออกจากบ้านของคุณแล้ว คุณคือ “บุคคลสาธารณะ” หรือ Public Figure นั่นเอง ดังนั้น การที่คนจะมอง จะขอถ่ายรูป จะเข้ามาพูดคุยจึงเป็นเรื่องปกติ การกระทำของคุณจึงต้องกระทำด้วยความระมัดระวังกว่าคนปกติหลายเท่า ไม่ว่าจะเป็น การใช้คำพูด การดื่ม การกินของคุณ เพราะทุกอย่างจะมีแต่คนคอยจับตามองและทำตามอยู่ตลอดเวลา หากคุณเข้าใจตรงนี้ คุณจะสามารถช่วยสังคมได้เยอะมากๆ เลยทีเดียว

ประเด็นดังที่เกิดขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ จึงเป็นประเด็นที่ทำให้เห็นได้ชัดว่า ดารานักแสดงของไทยหลายๆ คน ยังไม่ยอมที่จะ รู้เท่าถึงการณ์เสียที ทำให้สังคมไทยยังมีต้นแบบที่ประพฤติตัวไม่เหมาะสมอยู่เสมอมา ผมจึงอยากขอร้องดารานักแสดงที่เป็นไอดอลของใครหลายๆ คนว่า ไม่ว่าคุณจะรู้เท่าถึงการณ์ หรือไม่ถึงการณ์ก็แล้วแต่ สิ่งที่คุณควรจะรู้คือ รู้เท่าถึงจริยธรรม และรู้เท่าถึงความรับผิดชอบต่อสังคมเสียที หากพวกคุณรู้เท่าถึงสิ่งพวกนี้เมื่อไหร่ คุณจะได้ไม่ต้องมาแสดงความเสียใจ มาลบรูปออกจากโซเชียล และมาพูดประโยคซ้ำๆ ว่า “รู้เท่าไม่ถึงการณ์” อีกต่อไป