ครม.ใหม่ กับ ความคาดหวัง 'บนบ่า'

ครม.ใหม่ กับ ความคาดหวัง 'บนบ่า'

หลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) ใหม่ นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้าเฝ้าฯ

 ถวายสัตย์ปฏิญาณเข้าปฏิบัติหน้าที่ 

วินาที หลังจากนั้น คือ ภาระหนักอึ้ง ที่คณะรัฐมนตรีใหม่ถอดด้าม ทั้ง 19 คน ต้องแบกรับ ความคาดหวัง ของคนไทยทั้งประเทศ ไว้บ่นบ่า

จากปัญหาสารพันทั้งจากปัจจัยภายใน และภายนอกประเทศ รุมเร้า “ประเทศไทย” ในช่วงที่ผ่านมา กดดันให้ ภาวะเศรษฐกิจใน สามไตรมาส ไม่เป็นดังหวัง ดังที่เคยกล่าวไปแล้วว่า.. 

สำหรับปีนี้ เป้าหมายทางธุรกิจ มีไว้ให้ พลาด” 

นั่นเพราะ “กำลังซื้อ” ของผู้คนทุกหย่อมหญ้าชะลอตัว 

ไม่ว่าจะเป็น ผู้ลากมากดี ไปจนถึง ตีสีตาสา” 

สังเกตจากคำให้สัมภาษณ์ของบรรดาผู้ประกอบการต่างๆ ที่บ่นเป็นเสียงเดียวกันว่า ยอดขายสินค้าหดตัว ไม่ว่าจะเป็นสินค้าเพื่อสะท้อนดีมานด์รากหญ้า อย่าง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ไปจนถึงสินค้าคงทน  หรู ฟุ่มเฟือย อย่าง อสังหาริมทรัพย์ รถยนต์ นาฬิกาหรู ยอดขายลดลง ไม่ต่างกัน

เรียกว่า จนลงเสมอหน้า  

โดยผู้บริหารนาฬิกาหรู รายหนึ่ง ออกมายอมรับว่า  “ตอนนี้เศรษฐีเริ่มตัดสินใจซื้อยากขึ้น เพราะเงินในกระเป๋าลดลง เพราะหุ้นร่วงทำให้ความมั่งคั่งของเศรษฐีลดลง” เช่นเดียวกัน ผู้บริหารบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เจ้าตลาด ที่ออกมายอมรับว่า ต้องปรับเป้าหมายยอดขายในปีนี่้ เป็น “ไม่เติบโต” หรือเติบโตเป็น “ศูนย์” พร้อมหันไป “ติดสปีด”การลงทุน หนีห่างประเทศไทย ไปลุยต่างประเทศ แทน  

เพราะประเมินแล้วว่า “ช่วงเวลาที่เหลือของปี” อีก 4 เดือนจากนี้ ปั๊มยอดขายอย่างไร ก็คงทำได้ไม่มาก แม้จะเป็นฤดูขาย ที่เรียกว่า ไฮซีซัน ของทั้งธุรกิจท่องเที่ยว และสินค้าต่างๆ ในช่วงส่งท้ายปลายปี ก็ตาม 

เพราะคนไม่มี “มู้ด” หรือ อารมณ์จับจ่าย แม้ตัวเลขท่องเที่ยวในช่วงที่ผ่านมากำลังโงหัว จากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เริ่มกลับมา  

แต่เศรษฐกิจไทย กลับมาเจอ เด้งที่สอง เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กับการวางระเบิดแยกราชประสงค์ ย่านธุรกิจการค้า สำคัญ ใจกลางเมืองหลวง กรุงเทพฯ ที่จนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถจับคนร้ายมาลงโทษ จนต้องเพิ่มรางวัลนำจับ 

กลายเป็นการ ซ้ำเติม ความเชื่อมั่น การค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว ของชาวไทย และชาวต่างชาติ หนักข้อขึ้นไปอีก

การฟื้นความเชื่อมั่น จึงน่าจะเป็นเรื่อง “เร่งด่วน” ที่ครม.ชุดใหม่ ต้องเร่งดำเนินการ !  ดูแล้วน่าจะถนัดของกูรูนักการตลาดศิษย์คอตเลอร์ อย่าง ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะ “หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ” คนใหม่

ไปพร้อมกับการเร่ง “ผลักดัน” นโยบายต่างๆออกมาเป็นรูปธรรมโดยเร็ว เพราะนี่คือ “จุดอ่อน” ของ ครม.ชุดที่แล้ว ที่แม้จะมีนโยบายสวยหรูออกมาให้น้ำลายหก แต่จนแล้วจนรอด ก็ยังไม่สามารถเข็นนโยบาย ออกมาสร้างเม็ดเงินสะพัดในระบบเศรษฐกิจได้เท่าที่ควร

ทั้ง การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน (เมกะโปรเจค) ที่พูดกันที่วงเงินเป็นแสนล้าน 

รวมไปถึง นโยบายผลักดันไทยเป็นศูนย์กลางการค้า (เทรดดิ้ง เนชั่น) และนโยบายดิจิทัล อีโคโนมี  ที่หอการค้าต่างชาติ ออกโรงมาบอกว่า เป็นนโยบายที่ดี แต่ขอให้เร่งผลักดัน เพราะหากไม่ยอมตอกเสาเข็มนโยบาย ก็ยากที่นักลงทุนจะมั่นใจลงทุนตาม 

ทว่า พลันที่ คณะรัฐมนตรีถวายสัตย์ปฏิญาณแล้ว  รัฐมนตรีบางท่านแสดงอาการ ฟิตจัด ให้สัมภาษณ์สื่อถึงสิ่งที่จะผลักดันหลังทยอยเข้ากระทรวงในสังกัด

ทำให้มองเห็น “ความกระตือรือร้น” ในการทำงาน ท่ามกลาง “ความคาดหวัง” ของผู้คน แบบน่าชื่นใจ 

คงต้องรอลุ้น ต่อไปว่า หลังประชุมครม.นัดแรกที่จะมีขึ้นในวันนี้ (25 ส.ค.) 

จะมีการพูดถึงการผลักดัน “นโยบายเศรษฐกิจ” อย่างไร ให้เป็นรูปธรรม 

หน้าตาครม. ผ่านแล้ว หลายท่านผงกหัวยอมรับ ในความเจนจัด  

รอเพียงการขับเคลื่อนนโยบาย ว่าจะมี ความเร็วรอบ" เร่งขึ้น แค่ไหน ?