'นักกลยุทธ์' และเครือข่าย

'นักกลยุทธ์' และเครือข่าย

14 ปีที่แล้ว ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รับตำแหน่งรัฐมนตรีคลัง ในรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

 ด้วยความเป็นนักวิชาการหนุ่มที่มีชื่อเสียง จึงถูกยกย่องให้เป็นขุนคลังแห่งความหวังของคนทั้งชาติ

ครั้งนั้น “สมคิด”ได้แต่งตั้งที่ปรึกษาด้านภาคการผลิตและการพาณิชย์ 2 คน คือคนแรก ธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกลุ่มเจริญโภคภัณฑ์ ซึ่งไม่เคยยอมรับเป็นที่ปรึกษาให้นักการเมืองคนไหนมาก่อน และอีกคนหนึ่ง บุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ ที่สมคิดได้ร่วมงานกับเครือนี้มายาวนาน

จากวันนั้นจนถึงวันนี้ สองเจ้าสัวยังคู่บุญของ “สมคิด” และพร้อมจะเป็นกองหนุนให้ “รองนายกรัฐมนตรี” คนใหม่ของรัฐบาลประยุทธ์

“เสี่ยเซี้ยง” หรือบุณยสิทธิ์นั้น มีสมคิดเป็นที่ปรึกษาคู่ใจมากว่า 20 ปี และการันตีความสามารถของสมคิดว่า เป็นคนมีความรู้ความสามารถ เป็นนักการตลาดและนักกลยุทธ์ ที่เข้าใจพฤติกรรมมนุษย์อย่างลึกซึ้ง ไม่ใช่หัวดื้อที่ไม่ฟังใคร และทำงานร่วมกับทุกคนได้ดี

สมัยสมคิดเป็นขุนคลังใหม่ๆ ก็มีเสียงวิจารณ์มากมาย “เสี่ยเซี้ยง” เลยเปรียบเทียบสมคิดกับธารินทร์ นิมมานเหมินทร์ อดีตขุนคลังว่า สมคิดน่าจะดีกว่าตรงที่มีความเป็นนักการตลาด นักกลยุทธ์ที่ติดดิน ทำให้หาทางออกของปัญหา อยู่ตลอดเวลา ขณะที่ธารินทร์นั้น เป็นพวกฟอร์มสูง ทำงานสไตล์ฝรั่ง

ถ้าเทียบเคียงกับ “หม่อมอุ๋ย” ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล คงไม่ต่างกัน ไม่มุมที่ว่าทำงานสไตล์ฝรั่ง ไม่ติดดิน แต่ “หม่อมอุ๋ย” เล่นการเมืองมากกว่าธารินทร์

นอกจากที่ปรึกษาใหญ่อย่างเสี่ยเซี้ยงแล้ว “สมคิด” มีขุนพลคู่บารมีสองคน ที่ติดสอยห้อยตามกันมาตั้งแต่ยังไม่เล่นการเมือง นั่นคือ ดร.อุตตม สาวนายน และ ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์

ทั้งสมคิด, อุตตม และสุวิทย์ ต่างก็เป็นศิษย์ของ ฟิลิป คอตเลอร์ และทุกครั้งที่นึกถึง marketing ก็ต้องนึกถึงคอตเลอร์ แห่งคณะบริหารธุรกิจ The Kellogg School of Management มหาวิทยาลัยนอร์ทเวสต์เทิร์น สหรัฐอเมริกา ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์ผู้นี้ได้ผันตัวเองไปเป็นนักคิด นักวางแผนการตลาด

สมัยที่สมคิดเป็นรัฐมนตรีคลังในรัฐบาลทักษิณ ทั้งคู่ถือเป็นทีมงานที่สำคัญที่ช่วยแปรความคิดของรัฐมนตรี และบรรดาที่ปรึกษาให้เป็นรูปธรรม

ปัจจุบัน ดร.อุตตม สาวนายน เป็นรัฐมนตรีกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และ ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ เป็นรัฐมนตรีช่วยกระทรวงพาณิชย์

สมัยที่อยู่พรรคไทยรักไทย “สมคิด” มีสถานะไม่ต่างจาก “มืออาชีพ” ที่ทำงานในบริษัทชินวัตร เขาจึงสานสายสัมพันธ์กับ นักเลือกตั้ง ที่จำเป็นต้องเลือกมาอยู่ใต้ร่มธงไทยรักไทย ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มวังน้ำเย็นของเสนาะ เทียนทอง, กลุ่มวังน้ำยมของ สมศักดิ์ เทพสุทิน ,กลุ่มวังพญานาคของพินิจ จารุสมบัติ

ดังจะเห็นได้จากช่วงเลือกตั้ง 2550 “สมคิด” จึงเลือกที่จะไปร่วมก่อตั้งพรรครวมใจไทยชาติพัฒนาที่มี ประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์, เอนก เหล่าธรรมทัศน์, พิจิตต รัตตกุล และสุวัจน์ ลิปตพัลลภ เป็นแกนหลัก ขณะเดียวกัน ก็ยังเป็นพันธมิตรกับพรรคมัชฌิมาธิปไตย และพรรคเพื่อแผ่นดิน

หลังจากว่างเว้นการเมือง สมคิดจับมือ นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส ก่อตั้งสถาบันอนาคตไทยศึกษา รวมถึงการจัดตั้งมูลนิธิสัมมาชีพ เป็นที่ทางของนักวิชาการและนักพัฒนาเอกชน

มินับเครือข่ายเดิม สมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน ที่ก่อตั้งโดย พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และเป็นนายกสมาคมฯ คนแรก และสมคิดก็เคยเป็นนายกสมาคมฯ พร้อมกับรับบทที่ปรึกษาสมาคมฯ จวบจนถึงวันนี้

ยกตัวอย่างงานวิวาห์ลูกชายของสมคิดนั้น คือภาพสะท้อนความเป็นนักกลยุทธ์ติดดินที่สร้างเครือข่ายไว้ในทุกชั้นชน จึงได้เห็นใบหน้าของ “นักเลือกตั้ง” สายไทยรักไทยมาร่วมงานกันเพียบ ทั้ง เสนาะ เทียนทอง, คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์, สมศักดิ์ เทพสุทิน, สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ, พินิจ จารุสมบัติ ฯลฯ

  จะว่าไปแล้ว ภาพสมคิดและเครือข่ายในวันนี้ ก็คือโมเดลรัฐบาลปรองดองชาติในวันหน้านั่นเอง