ประคองสถานการณ์ เข้าตาจนทางธุรกิจ
ตามการประเมินของสมาคมค้าปลีกไทย ถึงสถานการณ์ธุรกิจค้าปลีกในช่วง “ครึ่งปีแรก” ที่ระบุว่า เติบโตเพียง 2.8%
ส่งผลให้คาดการณ์สถานการณ์ค้าปลีก “ทั้งปี” ว่าจะเติบโตเพียง 3.2% ลดลงกว่าคาดการณ์ว่าจะเติบโตในอัตรา 6 % ของมูลค่าตลาดค้าปลีกทั้งระบบในปีที่ผ่านมาที่ 3 ล้านล้านบาทในปี 2557
ถือเป็นความท้าทายของทุกภาคธุรกิจ ที่ล้วนเกีี่ยวพันกับ “กำลังซื้อ”
เมื่อกำลังซื้อในประเทศ ปรับตัวลดลง ย่อมทำให้ “การผลิต” สินค้าปรับตัวลดลงตาม
ขณะที่การพลิกกลยุทธ์มุ่งหา “ตลาดส่งออก” ใช่ว่าจะประสบความสำเร็จเสมอไป ในห้วงที่ประเทศ “คู้ค้าหลัก”ของไทย ก็กำลังเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยไม่ต่างกัน
โดยจีน กำลังเผชิญภาวะตลาดทุนผันผวนหนัก ล่าสุด (27 ก.ค.) ดัชนีเซียงไฮ้ คอมโพสิต ดิ่งลงกว่า 345 จุด หรือ 8.48% จนหลายฝ่ายกังวลว่าจะกลายเป็นผลกระทบโดมิโนไปถึงภาคการผลิตที่แท้จริง (เรียลเซ็กเตอร์) ,ยุโรป เศรษฐกิจยังชะลอตัว ,สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น ที่เศรษฐกิจยังฟื้นตัวไม่เต็มที่
ล่าสุด กระทรวงพาณิชย์ แถลงตัวเลขส่งออกเดือน มิ.ย.ลดลง 7.87% ติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 ขณะที่การส่งออกใน “ครึ่งปีแรก” (ม.ค.-มิ.ย.) พบว่า ลดลง 4.84%
เช่นเดียวกัน ตัวเลข “การนำเข้า” ที่ปรับตัวลดลง โดยในช่วงครึ่งปีแรกการนำเข้าลดลง 7.91% สะท้อนถึง “การใช้กำลังการผลิต” ภายในประเทศในอนาคตที่ยังมองไม่เห็นสัญญาณฟื้นตัว กระทบต่อเนื่องไปถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี)
โดยที่ผ่านมาคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ออกมาประกาศปรับลดคาดการณ์จีดีพี จากเดิมที่เคยคาดว่า จะเติบโต3.5% เหลือ 3%
สถานการณ์ดังกล่าว ภาคเอกชน บางเซ็กเตอร์ ยอม “ยกธงขาว” เมื่อวิเคราะห์แล้วว่า ช่วง 5-6 เดือนที่เหลืออยู่ยากจะปั๊มยอดขายให้ได้ตามเป้า
โดยสัปดาห์ที่ผ่านมา “กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์” สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ประกาศ“ลด”เป้ายอดขายรถยนต์ในประเทศลง “1 แสนคัน”
เช่นเดียวกับ ผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคยักษ์ใหญ่อย่าง “เครือสหพัฒน์” ที่ออกมายอมรับว่า จะลดเป้าการเติบโตของยอดขายทั้งปีเหลือ 3.5-4% จากเป้าหมายเดิมที่อัตราเติบโต 6-7% เป็นต้น
อีกแนวทางการปรับตัวของภาคธุรกิจคือ การรัดเข็มขัดการบริหารจัดการ เป็นไปเพื่อลดต้นทุนการผลิต เพิ่มประสิทธิภาพแรงงาน ไปจนถึง “การบอกเลิกจ้าง” ที่เริ่มมีกระแสหนักขึ้นในช่วงที่ผ่านมา
สะท้อนจากข้อมูลจากกองวิจัยตลาดแรงงาน กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน ที่ระบุสถิติการขึ้นทะเบียนของผู้ประกันตนเพื่อขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงาน ช่วงครึ่งแรกของปีนี้ (ม.ค.-มิ.ย.) พบว่า มีผู้ถูกบอกเลิกจ้าง จำนวนรวม 30,740 คน โดยอุตสาหกรรมที่บอกเลิกจ้างมากที่สดคือ อุตสาหกรรมด้านการผลิต
นี่คือภาพสะท้อนยุคข้าวยากหมากแพงของ ผู้บริโภคในประเทศ ที่กระทบมาสู่ภาคธุรกิจทุกหย่อมหญ้า
ซึ่งพวกเขาต่างพยายามประคับประคองสถานการณ์ ที่เลวร้าย ไม่ให้เลวร้ายกว่าที่เป็นอยู่
ในภาวะที่เริ่ม “เข้าตาจน”