โชห่วยออนไลน์มาแรงในอินเดีย

 โชห่วยออนไลน์มาแรงในอินเดีย

พูดถึงร้านโชห่วยในอินเดีย ทุกคนก็จะนึกถึงร้านขายของเล็กๆ ที่เรียกว่า Kirana ซึ่งมีตั้งแต่แผงขายของเล็กๆ ข้างถนนไปจนถึงห้องแถว

เปิดให้บริการแก่ลูกค้าทุกวัน แถมยังปิดดึกอีกต่างหาก ร้านค้าแบบนี้เป็นร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิมที่อยู่คู่กับอินเดียมาช้านาน เรียกว่าเดินไปไหนมาไหนทุกที่ในอินเดียก็เป็นอันว่าต้องเจอร้านโชห่วยแบบนี้เสมอ รูปร่างหน้าตาก็จะออกไปทาง “โชห่วย” นั่นแหละครับ เหตุเพราะรัฐบาลอินเดียยังคงกีดกันค้าปลีกต่างชาติไม่ให้เข้าไปลงทุนในอินเดีย เนื่องจากเกรงว่าจะไปกระทบกับร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิมของอินเดียเข้า ด้วยเหตุนี้เลยส่งผลให้ค้าปลีกสมัยใหม่ที่เราเรียกกันว่า โมเดิร์นเทรดจึงยังคงมีสัดส่วนน้อยมากเพียงแค่ 8% ของมูลค่าตลาดค้าปลีกทั้งหมดของอินเดียเท่านั้น ในขณะที่ค้าปลีกแบบดั้งเดิมมีสัดส่วนมากถึง 92%

จริงๆ แล้วจะบอกว่าอินเดียกีดกันค้าปลีกต่างชาติก็อาจจะไม่เป็นธรรมกับอินเดียสักเท่าไหร่นัก เพราะในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ช่วงปลายสมัยของรัฐบาลที่แล้ว ซึ่งบริหารโดยพรรคคองเกรสก็ได้พยายามที่จะเปิดเสรีค้าปลีกอยู่เหมือนกัน และสุดท้ายก็สามารถฝ่าด่านอรหันต์ได้สำเร็จ ด้วยการอนุญาตให้ค้าปลีกต่างชาติประเภทตราสินค้าเดียวหรือ Single Brand สามารถถือหุ้นได้ถึง 100% ส่วนค้าปลีกต่างชาติประเภทตราสินค้าหลายตราหรือ Multi Brand ถือหุ้นได้ 51%

แต่ด้วยข้อกำหนดและเงื่อนไขที่ตามมาอีกสารพัด ที่ผมเคยนำเรียนท่านผู้อ่านมาหลายครั้งแล้ว เลยทำให้การเปิดเสรีค้าปลีกของอินเดียยังคงเป็นหมันอยู่เหมือนเดิม เพราะจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีค้าปลีกต่างชาติรายไหนเข้าตลาดอินเดียได้สำเร็จ การเปิดเสรีค้าปลีกแบบอินเดียจึงเป็นการเปิดแบบปิดๆ เปิดๆ ยังไงชอบกลอยู่ ซึ่งทำให้เป็นโอกาสของบริษัทยักษ์ใหญ่ของอินเดียทั้งหลาย ได้สยายปีกเข้าสู่ตลาดค้าปลีกที่เป็นโมเดิร์นเทรดกันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มบริษัท Reliance กลุ่มบริษัท Tata หรือแม้กระทั่งกลุ่มบริษัท Godrej เป็นต้น โดยใช้วิธีซื้อตัวผู้บริหารบริษัทค้าปลีกต่างชาติเข้าไปบริหารเลย โมเดิร์นเทรดของอินเดียในขณะนี้จึงเป็นบริษัทอินเดียทั้งสิ้น เนื่องจากกลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่ของอินเดียมองเห็นโอกาสในตลาดค้าปลีกที่มีอยู่อย่างมหาศาล คือยังมีตลาดที่เป็นตลาดแบบดั้งเดิมอยู่ถึง 92% ที่รอวันจะเปลี่ยนเป็นโมเดิร์นเทรด ถ้าบริษัทไหนสามารถขยายได้สำเร็จ ก็ลองคิดดูแล้วกันว่ามูลค่าจะมหาศาลขนาดไหน

ตลาดค้าปลีกของอินเดียเป็นตลาดใหญ่ที่มีมูลค่าตลาดมหาศาล โดยในปัจจุบันมีมูลค่าสูงถึง 6 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 19.2 ล้านล้านบาท และคาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็น 1 ล้านล้านดอลลารห์สหรัฐฯ หรือประมาณ 32 ล้านล้านบาท ในปี 2563 เลยทีเดียว โดยถ้ามองเฉพาะตลาดค้าปลีกออนไลน์หรือ e-Tailng อย่างเดียว ก็คาดว่าจะมีมูลค่าตลาดพุ่งขึ้นไปถึง 2-3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 6.4-9.6 แสนล้านบาท ในปี 2563 เข้าไปแล้ว โดยมีแรงสนับสนุนมาจากจำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ซึ่งคาดว่าภายในปี 2563 จำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในอินเดียจะทะลุ 400 ล้านคน อย่างไม่ยากเย็นนัก

กลับมาพูดถึงร้านโชห่วยหรือ Grocery ในอินเดียซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของตลาดค้าปลีก ก็ถือว่ามีอนาคตดีเช่นกัน โดยตลาดโชห่วยของอินเดียมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 6 ของโลก ซึ่งในปัจจุบันมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ประมาณ 3.6 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 11.52 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนถึง 60% ของตลาดค้าปลีกรวมของอินเดีย แต่ที่สำคัญคือ แนวโน้มโชห่วยออนไลน์ หรือ e-Grocery กำลังมาแรงอยู่ในขณะนี้แบบเหลือเชื่อ โดยมีการคาดการณ์กันว่า ภายในสิ้นปี 2563 โชห่วยออนไลน์จะมีขนาดตลาดขยายเป็น 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 3.2 แสนล้านบาท เลยทีเดียว

ปัจจุบันคนอินเดียในเมืองใหญ่ๆ อย่างมุมไบ เดลี และกัลกัตตา ก็นิยมสั่งซื้อสินค้าจากโชห่วยออนไลน์เพิ่มขึ้นอย่างเป็นล่ำเป็นสัน ทั้งที่เป็นสินค้าอุปโภคและบริโภค โดยเฉพาะของสดประเภทผัก ผลไม้ หรือแม้แต่อาหารทะเลสดๆ ที่มีการจัดส่งถึงบ้านด้วยกล่องโฟม ป้องกันความร้อนอย่างดี โดยมีเว็บไซต์ยอดนิยม เช่น bigbasket.com, rediff.com, pescafresh.com เป็นต้น

ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญที่ทำให้โชห่วยออนไลน์ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นในอินเดียคือ กำลังซื้อของประชากรอินเดียเพิ่มขึ้น จากรายได้ที่เพิ่มขึ้น พฤติกรรมผู้บริโภค วิถีชีวิตและรสนิยมที่เปลี่ยนไป โครงสร้างพื้นฐานโดยเฉพาะถนนหนทางในอินเดียส่วนใหญ่ยังอยู่ในสภาพไม่ค่อยดีนัก ทำให้การเดินทางไปเลือกซื้อสินค้าตามร้านโชห่วยไม่สะดวก ปัญหาเรื่องที่จอดรถ การจราจรที่คับคั่ง ความหลากหลายของสินค้าในร้านโชห่วยออนไลน์ที่มีให้เลือกมากกว่า จำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเพิ่มมากขึ้น และจำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตแบบเคลื่อนที่มีจำนวนมากขึ้น (โดยเฉพาะอย่างยิ่งโทรศัพท์มือถือ) ปัจจัยทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้ ล้วนแต่ส่งผลเชิงบวกต่อการเจริญเติบโตของโชห่วยออนไลน์ในอินเดียทั้งสิ้น และที่สำคัญคือ บริษัทยักษ์ใหญ่ต่างๆ ของอินเดียได้หันลงมาเล่นในตลาดนี้กันอย่างจริงจังมากยิ่งขึ้น เช่น HUL หรือ Hindustan Unilever เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการเจริญเติบโตของโชห่วยออนไลน์ในอินเดียก็คือ การเข้าถึงระบบอินเทอร์เน็ตนั่นเอง ยิ่งอัตราการเข้าถึงระบบอินเทอร์เน็ตของประชากรอินเดียมีมากขึ้นเท่าไร การขยายตัวของค้าปลีกออนไลน์ (e-Tailing) โดยเฉพาะโชห่วยออนไลน์ (e-Grocery) ก็มีโอกาสที่จะขยายตัวมากขึ้นเท่านั้น ทั้งนี้ การเข้าถึงระบบอินเทอร์เน็ตแบบเคลื่อนที่โดยผ่านโทรศัพท์มือถือ จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้โชห่วยออนไลน์เติบโตอย่างรวดเร็วไม่หยุดยั้ง เนื่องจากการเข้าถึงระบบอินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือทำได้อย่างง่ายดาย สะดวก และรวดเร็ว

จากการศึกษาของสมาคมอินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์มือถือแห่งอินเดียและ IMRB International ล่าสุดพบว่า จำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตแบบเคลื่อนที่ในอินเดียจะมีจำนวนถึง 213 ล้านคน ภายในเดือนมิถุนายน 2558 นี้ โดยแบ่งเป็นจำนวนผู้ใช้ในเขตชนบทจำนวน 53 ล้านคน และผู้ใช้ในเขตเมืองจำนวน 160 ล้านคน นอกจากนี้ ยังมีการศึกษาของบริษัท A.T.Kearney ถึงเหตุผลของผู้บริโภคอินเดียที่นิยมชอปปิงผ่านโชห่วยออนไลน์ โดยพบว่าเหตุผลสำคัญที่สุดคือ โชห่วยออนไลน์มีบริการจัดส่งสินค้าถึงบ้าน (Home Delivery) 51% รองลงมาคือ ร้านโชห่วยออนไลน์มีสินค้าเฉพาะ (Unique Online Products) 41% ซื้อเพราะอยากรู้ (Curiosity) หรือพวกชอบลอง 36% ต้องการประหยัดเวลา 30% ซื้อผ่านโชห่วยออนไลน์ราคาถูกกว่า 17% และซื้อเพราะโชห่วยออนไลน์มีโปรโมชั่นพิเศษ 10% ตามลำดับ

แม้ว่าตลาดโชห่วยออนไลน์ในอินเดียจะดูดีมีอนาคตสดใส แต่ในขณะเดียวกัน ก็ยังคงมีความท้าทายอยู่มาก ประเด็นแรกคือ โชห่วยออนไลน์จำหน่ายสินค้าสดและเน่าเสียง่าย ทำให้มีความซับซ้อนและยุ่งยากมากกว่าค้าปลีกออนไลน์อื่นๆ เพราะโชห่วยออนไลน์จะต้องมีการเตรียมสินค้าคงคลังหลากหลายไว้ในระบบห้องเย็น ที่จะต้องกระจายให้ทั่วถึง เพื่อรองรับคำสั่งซื้อของผู้บริโภค และจะต้องมีระบบการจัดส่งสินค้าให้ถูกที่ ถูกเวลา และสินค้าอยู่ในสภาพดีเมื่อถึงมือผู้บริโภค

ประเด็นถัดมาคือ อัตราผลกำไรของสินค้าที่จำหน่ายโดยโชห่วยออนไลน์ยังอยู่ในระดับต่ำ เพียง 8-10% เท่านั้น ในขณะที่ร้านค้าปลีกออนไลน์ที่จำหน่ายสินค้าประเภทเสื้อผ้าหรือหนังสือ จะมีอัตราผลกำไรสูงถึง 40-60% เลยทีเดียว และอีกประเด็นหนึ่งก็คือ อินเดียเป็นประเทศที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล และประชากรมีความหลากหลายมาก ทำให้ความต้องการและรสนิยมในการบริโภคของผู้บริโภคมีความแตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาค ซึ่งบริษัทโชห่วยออนไลน์จะต้องมีระบบการบริหารจัดการที่ดีและมีประสิทธิภาพ เพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันนี้ให้ได้ จึงจะสามารถขยายตลาดได้

โชห่วยออนไลน์เป็นอีกพัฒนาการหนึ่งของอินเดียยุคใหม่ ที่จะส่งผลต่อรูปแบบการค้าการขายในอินเดียเป็นอย่างมาก และก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งสำหรับสินค้าไทยที่จะเข้าสู่ตลาดอินเดีย ซึ่งผู้ประกอบการไทยจะต้องเจาะหาคู่ค้าที่จำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางนี้ให้มากขึ้น โดยไม่ต้องไปสนใจว่า อินเดียจะเปิดเสรีธุรกิจค้าปลีกสำหรับบริษัทค้าปลีกต่างชาติหรือไม่ เพราะตอนนี้โลกก้าวไปเร็วกว่าที่เราคิดแล้วครับ