thaitrade.com บุกตลาดอินเดีย

thaitrade.com บุกตลาดอินเดีย

กว่า 3 ปีที่ผมทำงานอยู่ที่สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ เมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย โดยทำหน้าที่ส่งเสริมการค้าระหว่างไทยกับอินเดีย

ตามชื่อสำนักงานนั่นแหละครับ และด้วยความที่อยู่ในพื้นที่และทำงานลงพื้นที่จริงก็เลยทำให้เห็นโอกาสและศักยภาพของอินเดียที่มีมากมายมหาศาล ก็เลยพยายามถ่ายทอดข้อมูลให้แก่ผู้ประกอบการไทยผ่านสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรายการวิทยุ โทรทัศน์ นิตยสาร หรือหนังสือพิมพ์อยู่เป็นประจำโดยเฉพาะอย่างยิ่งการเขียนบทความลงตีพิมพ์ในคอลัมน์ “Inside India” ในหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจที่ท่านผู้อ่านกำลังอ่านอยู่นี่แหละครับ ซึ่งก็ถือว่าได้ผลเป็นที่น่าพอใจในระดับหนึ่งคือ ในแวดวงผู้ประกอบการไทยมีความตื่นตัวในตลาดอินเดียเพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่ส่วนใหญ่ก็ยังรู้สึกหวั่นๆ และไม่ค่อยมั่นใจในตลาดนี้สักเท่าไหร่นักเพราะยังคงมีทัศนคติและความเชื่อเกี่ยวกับประเทศอินเดียแบบเดิมๆ ซึ่ง “เดิมๆ” แบบไหน ท่านผู้อ่านก็คงจะทราบดีอยู่แล้วนะครับ


แต่โชคดีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ) มองเห็นโอกาสและศักยภาพของอินเดียที่มีอยู่มากมายมหาศาลและมีแนวโน้มที่จะขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จึงได้ร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (นางกอบกาญจน์ สุริยสัตย์ วัฒนวรางกูล) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยจัดทัพนักธุรกิจไทยบุกอินเดียระหว่างวันที่ 24-27 ก.พ. 2558 ที่ผ่านมา โดยกิจกรรมหลักๆ จะอยู่ที่เมืองมุมไบในฐานะที่เป็นเมืองหลวงทางเศรษฐกิจของอินเดีย ส่วนที่กรุงนิวเดลีจะเป็นการเจรจาทวิภาคีระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของไทยกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และอุตสาหกรรมอินเดีย


กิจกรรมสำคัญที่เมืองมุมไบจัดขึ้นในวันที่ 25 ก.พ. 2558 เริ่มต้นด้วยงาน Roadshow ประเทศไทยในช่วงเช้า เพื่อส่งเสริมการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวภายใต้หัวข้อ “Thailand : Gateway to the ASEAN” โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (นางกอบกาญจน์ สุริยสัตย์ วัฒนวรางกูร) และที่ปรึกษาด้านการลงทุน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (นางสาวอัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย) ประธานหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย (คุณอิสระ ว่องกุศลกิจ) และรองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (นายเกรียงไกร เธียรนุกุล) กล่าวสุนทรพจน์สร้างความเชื่อมั่นและนำเสนอศักยภาพของประเทศไทยให้แก่นักธุรกิจอินเดียที่สนใจเข้าร่วมงานอย่างท่วมท้นกว่า 200 ราย ได้รับทราบศักยภาพของประเทศไทยในฐานะประตูของอาเซียน โดยภายในบริเวณสถานที่จัดงานได้มีการจัดนิทรรศการเพื่อแสดงศักยภาพประเทศไทยและ Showcase สินค้าไทยซึ่งได้รับความสนใจจากนักธุรกิจชาวอินเดียเป็นอย่างมาก



ไฮไลต์สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ การจับคู่ธุรกิจหรือ Business Matching ในช่วงบ่าย โดยกิจกรรมนี้สำนักพาณิชย์ดิจิทัล ของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศเป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลักในการนำนักธุรกิจผู้ประกอบการไทยที่เป็นสมาชิกของเว็บไซต์ thaitrade.com ร่วมเดินทางไปเจรจาธุรกิจด้วยจำนวน 20 ราย โดยเป็นผู้ประกอบการในกลุ่มสินค้าอาหารและเครื่องดื่ม สุขภาพและความงาม เครื่องใช้และเครื่องประดับตกแต่งบ้าน เสื้อผ้าและเครื่องประดับ วัสดุก่อสร้าง กล้วยไม้ เป็นต้น โดยได้รับความร่วมมือจากพันธมิตรของ thaitrade.com คือ tradeindia.com ซึ่งเป็น B2B e-Marketplace ที่ใหญ่ที่สุดของอินเดียในการจัดทำนัดหมายเจรจาการค้ากับสมาชิกของ tradeindia.com ซึ่งต้องขอเรียนว่าประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้นเลยทีเดียว โดยผู้ซื้อและผู้ขายที่เข้าร่วมกิจกรรมจับคู่ธุรกิจมีจำนวนทั้งสิ้น 150 ราย (เฉพาะที่ผ่าน thaitrade.com และ tradeindia.com เท่านั้น ไม่นับผู้ประกอบการไทยรายอื่นๆ ที่ร่วมคณะมากับกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศอีกต่างหาก) แบ่งเป็นผู้ขายชาวไทย 20 ราย และผู้ซื้อชาวอินเดีย 130 ราย เกิดคู่เจรจาธุรกิจทั้งหมด 137 คู่ โดยมีมูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 22,500,000 บาท โดยสินค้าที่ได้รับความสนใจ ได้แก่ เทียนหอม กาแฟผงสำเร็จรูป ครีมกันแดด เฟอร์นิเจอร์ ข้าว ลูกโป่ง และกล่องอัญมณี เป็นต้น เรียกว่าเสร็จงานนี้ยังไม่ทันเดินทางกลับประเทศไทย สมาชิก thaitrade.com ที่ร่วมคณะมาด้วยรีบสอบถามเจ้าหน้าที่ทันทีว่ามีงานแบบนี้ในประเทศไหนอีกไหม อยากจะรีบสมัครร่วมโครงการทันทีเลย ทั้งนี้ ผู้ประกอบการไทยทุกรายที่เข้าร่วมงานนี้ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าคิดไม่ถึงว่าอินเดียจะมีโอกาสและศักยภาพมากมายขนาดนี้


พูดถึง thaitrade.com และ tradeindia.com ก็ต้องขอเรียนว่าเป็น B2B e-Marketplace ที่เป็นพันธมิตรกันมาตั้งแต่ปี 2556 แล้ว โดยทั้งสองฝ่ายได้มีการลงนามในบันทึกความเข้าใจกันตั้งแต่เดือนเม.ย. 2556 โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะร่วมมือกันในการประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ที่ดีให้กับตลาดกลางอิเล็กทรอนิกส์ thaitrade.com และ tradeindia.com และเพื่อขยายโอกาสทางการค้าออนไลน์ระหว่างกัน รวมไปถึงการร่วมกันจัดกิจกรรมจับคู่เจรจาการค้า (Business Matching) ระหว่างผู้ประกอบการของฝ่ายไทยซึ่งเป็นสมาชิก thaitrade.com และฝ่ายอินเดียซึ่งเป็นสมาชิก tradeindia.com ซึ่งในการจัดทำโครงการครั้งนี้ก็ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจาก tradeindia.com ในการร่วมจัดทำนัดหมายเจรจาการค้าจนประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้น ซึ่งก็เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการลงนามในบันทึกความเข้าใจดังกล่าวแล้วข้างต้น


สำหรับเว็บไซต์ thaitrade.com เป็นโครงการบริการภาครัฐดำเนินการโดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ มีความก้าวหน้าในแนวคิดการบริหารงานเชิงรุกและใช้เทคโนโลยีเพื่อการให้บริการที่โดดเด่น โดย thaitrade.com ถือได้ว่าเป็นตลาดกลางพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์อย่างเป็นทางการแห่งแรกของประเทศไทย (Thailand’s Official B2B e-Marketplace) เริ่มเปิดตัวโครงการฯ เมื่อเดือนก.ค. 2554 โดยมีวัตถุประสงค์หลัก คือ การส่งเสริม สนับสนุนและผลักดันผู้ส่งออกไทยให้มีโอกาสนำสินค้า/บริการสู่ตลาดโลกโดยผ่านช่องทางตลาดออนไลน์ ซึ่ง ณ ปัจจุบันบนเว็บไซต์ของ thaitrade.com ประกอบไปด้วยสินค้ากว่า 200,000 รายการ ผู้ซื้อจากประเทศต่างๆ เข้าชมสินค้าแล้วมากกว่า 2,000,000 ราย จาก 200 ประเทศทั่วโลก


การพัฒนาบริการที่สำคัญของ thaitrade.com ในปี 2557 นี้ ได้แก่ การจัดทำ thaitrade.com Mobile Application เพื่อรองรับความต้องการในการใช้งานของผู้ซื้อผู้ขายผ่านสมาร์ทโฟน การพัฒนารูปแบบและฟังก์ชันการใช้งานเว็บไซต์ thaitrade.com (thaitrade.com Version 2.0) ให้ง่าย สะดวก และรวดเร็วยิ่งขึ้น และที่สำคัญกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศได้จัดตั้ง thaitrade.com Center ศูนย์บริการให้คำปรึกษา ความรู้และเทคนิคด้านการค้าออนไลน์ แก่สมาชิก และผู้ประกอบการทั่วไป เพื่อเพิ่มศักยภาพการทำการค้าออนไลน์ให้แก่ผู้ประกอบการ จัดสรรบริการอำนวยความสะดวกหลากหลายรูปแบบเพื่อสนับสนุนสมาชิกทั้งผู้ซื้อและผู้ขายบนเว็บไซต์ thaitrade.com ในการทำการค้าระหว่างประเทศ พร้อมทั้งส่งเสริมให้เกิดการจับคู่เจรจาธุรกิจทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อส่งผลให้เกิดมูลค่าการค้าผ่านระบบออนไลน์อย่างเป็นรูปธรรม โดย thaitrade.com Center เปิดให้บริการอย่างครบวงจรตลอด 24 ชั่วโมงชนิดที่ไม่ต้องหยุดพักกันเลยทีเดียว


ที่บอกเล่ามาทั้งหมดก็อยากจะเรียนว่าผู้ประกอบการไทยคงจะมองข้ามอินเดียไม่ได้อีกแล้วในฐานะที่เป็นตลาดใหญ่ที่มีโอกาสและศักยภาพมหาศาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2557 ที่เพิ่งผ่านมา มูลค่าการส่งออกสินค้าจากประเทศไทยไปประเทศอินเดียยังคงเติบโตถึง 8.36% ซึ่งเป็นเพียงไม่กี่ประเทศเท่านั้นที่การส่งออกสินค้าของไทยยังคงขยายตัวอยู่ในอัตราสูง และอินเดียก็มีการปรับเปลี่ยนการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไปในทิศทางที่ดีขึ้นหลังจากรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศ ก็อยากจะฝากไว้ว่าจะค้าจะขายกับอินเดียต้องใจเย็นๆ และพยายามใช้ทุกช่องทางในการเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกันโดยเฉพาะช่องทางการค้าใหม่ๆ อย่าง B2B e-Marketplace ที่ thaitrade.com เพิ่งบุกเข้าไปประสบความสำเร็จมาแล้วอย่างสวยงาม ก็เป็นช่องทางที่พิสูจน์แล้วว่าได้ผลเป็นอย่างดี สนใจลองแวะไปเยี่ยมเยือนได้ที่ www.thaitrade.com แล้วจะพบว่าโอกาสอยู่แค่เอื้อมเท่านั้นเอง