ความคล้าย "ทักษิณ-ธัมมชโย"

ความคล้าย "ทักษิณ-ธัมมชโย"

หลังจากปัญหา พระธัมมชโย และ วัดพระธรรมกาย กำลังจะบานปลายใหญ่โต

ไปสู่การชุมนุมใหญ่ของพระสงฆ์จำนวนหนึ่ง กระทั่ง "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.ต้องออกมาเบรก     

    ประเด็นที่น่าแยกแยะให้เห็นก็คือ ความขัดแย้งระหว่าง คณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา ที่มี ไพบูลย์ นิติตะวัน เป็นประธาน, หลวงปู่พุทธะอิสระ กับ มหาเถรสมาคม(มส.) พระธัมมชโยและวัดพระธรรมกาย ซึ่งมีกลุ่มพระเมธีธรรมาจารย์ (เจ้าคุณประสาร) รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) ฝ่ายประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ ในฐานะที่ปรึกษาสมาคมนักวิชาการเพื่อพระพุทธศาสนา (สนพ.) เป็นองครักษ์พิทักษ์(มส.) ด้านหนึ่ง  

    กับอีกด้านหนึ่ง กรณีทุจริตสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด ซึ่งเงินหลายร้อยล้าน นำมาบริจาคให้กับ พระธัมมชโย และวัดพระธรรมกาย โดยรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สั่งให้ดำเนินการเอาผิดกับคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างเต็มที่ เพราะอยู่ในอำนาจหน้าที่อย่างชัดเจน และมีประชาชนที่เป็นสมาชิกสหกรณ์เดือดร้อนจำนวนมาก

    แต่สิ่งที่อยากจะชี้ให้เห็นก็คือ ความคล้ายของปัญหาที่เกิดขึ้น ระหว่างกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กับ พระธัมมชโย

    พ.ต.ท.ทักษิณ มีพรรคการเมืองเป็นเครื่องมือในการสร้างคะแนนนิยม โดยนโยบายที่คนไทยรู้จักกันดีก็คือ นโยบายประชานิยมทั้งหลาย และเมื่ออยู่ในอำนาจนานเข้า ก็สามารถสร้างโครงข่ายเชื่อมโยงได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการ นักการเมืองท้องถิ่น อบจ. อบต. กำนัน ผู้ใหญ่บ้านแทบทั่วประเทศ แล้วยังมี "ข้อต่อ" กันในลักษณะ "หัวคะแนน" อีกด้วย ไม่นับว่า "ฐานใหญ่" ก็คือ ประชาชนที่นิยมชมชอบในนโยบายของพ.ต.ท.ทักษิณ  

    ขณะที่ "พระธัมมชโย" ก็เป็นที่รับรู้กันดีว่า มี "วัดพระธรรมกาย" เป็นศูนย์กลางการสร้าง "ศรัทธา" โดยมี "คำสอน" ที่วงการสงฆ์ส่วนหนึ่งวิพากษ์วิจารณ์อย่างสูงว่า "บิดเบือน" คำสอนของพระพุทธเจ้า

    นอกจากนั้น ยังนำคำว่า “บุญ” มาใช้ในลักษณะที่ชักจูงประชาชนให้วนเวียนจมอยู่กับการบริจาคทรัพย์ เพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ ชนิดที่ส่งเสริมความยึดติดถือมั่นในตัวตนและในตัวบุคคล อันอาจกลายเป็นแนวโน้มที่บั่นทอนสังคมไทยในระยะยาว พร้อมทั้งทำพระธรรมวินัยให้ลางเลือนไปด้วย

    และด้วยเงินบริจาคที่หลั่งไหลเข้าสู่วัดพระธรรมกายไม่ขาดสาย และด้วย "กลยุทธ์" การสร้างศรัทธาในเชิงรุก ทำให้ชื่อเสียงและพลังศรัทธาของวัดพระธรรมกาย ครอบคลุมไปยังวัดต่างๆ ที่อยู่ในเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

    ที่น่าคิดไปกว่านั้น กรณีมีแกนนำคนเสื้อแดงและคนเสื้อแดง เป็นองครักษ์พิทักษ์ "ทักษิณ" ถามว่า ต่างกันหรือไม่ กับที่ พระเมธีธรรมาจารย์ (เจ้าคุณประสาร) รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) ฝ่ายประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ ในฐานะที่ปรึกษาสมาคมนักวิชาการเพื่อพระพุทธศาสนา (สนพ.) แสดง บทบาทเป็น "หัวหอก" นำเครือข่ายองค์กรพุทธศาสนาและพระสงฆ์ทั้งในและต่างประเทศเคลื่อนไหวตอบโต้ฝ่าย "หลวงปู่พุทธะอิสระ"

    ยิ่งกว่านั้น นัยว่า พระธรรมทูตสายต่างประเทศเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ เป็นพระจากโครงการอบรมพระธรรมทูตสายต่างประเทศ ของ "มจร." ซึ่งมีการอบรมมากว่า 20 รุ่น และยังมีข้อมูลด้วยว่า พระธรรมทูตต่างประเทศส่วนใหญ่ก็เป็นพระของวัดสาขาวัดพระธรรมกาย

    อะไรไม่สำคัญเท่ากับ ก่อนหน้านี้ นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำคนเสื้อแดง ระบุ การรุกโจมตี "วัดธรรมกาย" อย่างดุเดือดเมามัน ด้วยข้อกล่าวหาที่ ฉกาจฉกรรจ์ว่าเป็นปาราชิก อวดอุตริมนุสธรรมทั้งที่ผู้กระทำนั่นแหละคือพวกปาราชิก พวกอุตริมนุสธรรม เหิมเกริม ถึงขั้น นำเอา สากกะเบือ ดอกไม้จันทน์ กางเกงในหญิงที่เปื้อนอาจม รองเท้าแตะ ไปเป็นสังฆทานให้กับ พระเถรานุเถระชั้นผู้ใหญ่ เป็นการพุ่งปลายหอกเพื่อทำลายล้างกลุ่มพระสงฆ์ที่ถือว่าเป็นฐานกำลังสำคัญของ ฝ่ายประชาธิปไตย ฝ่ายคนเสื้อแดง ฝ่าย นปช. ฝ่ายอดีตนายกฯ ทักษิณ อย่างชัดแจ้ง

    นั่นอาจเป็นความคล้ายที่มีจุดหมายปลายทางของความเชื่อมโยงอยู่บ้าง ก็ไม่แน่เหมือนกัน!