ปั้นแบรนด์อย่างไรให้เป็น "ฮีโร่"

ปั้นแบรนด์อย่างไรให้เป็น "ฮีโร่"

เคยจินตนาการไหมครับว่า จะเป็นอย่างไร หากเราสร้างแบรนด์ของเราให้เป็น “ฮีโร่” ในใจของลูกค้าได้

ขึ้นชื่อว่าเป็นฮีโร่ ก็ต้องเป็น “ผู้ช่วยชีวิต” ซึ่งอาจจะหมายถึงคนที่ให้ทำให้รอดชีวิตจริงๆ หรือจะเป็นสิ่งที่มาช่วยแก้ปัญหาก็ได้จริงไหมครับ สถานะฮีโร่นั้นพิเศษอย่างไรหรือครับ...การเป็นฮีโร่นั้นไม่ใช่เพียงได้รับความไว้วางใจ แต่ยังได้รับความชื่นชม คนพร้อมจะฟังสิ่งที่ฮีโร่พูด ทำอย่างที่ฮีโร่ทำ และแถมยังออกตัวปกป้องฮีโร่เวลาถูกใส่ร้ายอีกต่างหาก

การเป็นฮีโร่มันดีอย่างนี้นี่เองครับ เป็นความฝันของนักการตลาดหลายๆ คนเลยทีเดียว แม้มีไม่กี่แบรนด์ที่เป็นฮีโร่ได้ แต่ก็ไม่ได้ยากจนเกินเอื้อมครับ อยากให้ลองนึกถึงหนัง หรือการ์ตูนซูเปอร์ฮีโร่ต่างๆ การจะเป็นฮีโร่ ถ้าไม่มีตัวร้าย ไม่เกิดปัญหา ก็ไม่มีฮีโร่จริงไหมครับ (และต้องมีไทยมุงให้เบาะแสฮีโร่ด้วยนะครับ เดี๋ยวฮีโร่จะไม่เกิด)

การที่แบรนด์กลายเป็นฮีโร่ในใจคนได้ก็เช่นเดียวกันครับ แบรนด์จะต้องระบุปัญหาของผู้บริโภคให้ได้ก่อน ซึ่งก็มาจากความเข้าใจ Core needs ของกลุ่มเป้าหมาย แล้วแบรนด์ก็นำเสนอ Core value ของแบรนด์ที่ตอบสนองความต้องการของเขาให้พวกเขาเห็น ...

ฟังดูเบสิคไหมครับ มีแบรนด์หนึ่งใช้วิธีคิดนี้ ปั้นตัวเองให้เป็นฮีโร่ระดับโลกไปแล้วครับ

แบรนด์ที่ว่านี้คือ Lifebuoy เป็นแบรนด์สบู่อายุร้อยกว่าปีมาแล้วครับ เป็นที่รู้จักในฐานะสบู่ทำความสะอาด จะเรียกว่าเป็นสบู่อนามัยก็คงได้ ฟังแล้วไม่ “ว้าว” เลยใช่ไหมครับ แต่ไลฟ์บอยปั้นตัวเองได้สำเร็จจากการมองเห็นว่า “ความสะอาด” ซึ่งเป็น Core value ของแบรนด์ นั้นเป็น Core needs ที่สำคัญยิ่งของคนในประเทศด้อยพัฒนา

ไลฟ์บอยใช้คลิปวีดิโอเล่าเรื่องของชายคนหนึ่ง ในหมู่บ้าน Thesgora ที่อินเดีย กำลังเดินหกสูงไปยังเทวสถานเพื่อเฉลิมฉลอง และบูชาเทพเจ้า มีเด็กน้อยอายุราว 5 ขวบวิ่งวนอยู่ข้างๆ พร้อมกับขบวนฟ้อนรำของชาวบ้าน แลดูเอิกเกริก มีหญิงสาวจากเมืองกรุงนั่งรถผ่านมา สงสัยว่าเขาทำอะไรกันจึงเข้าไปถาม ได้ความว่า ลูกชายของชายคนนี้มีอายุ 5 ขวบในวันนี้ เธอจึงถามต่ออีกว่า ทำไมการที่เด็กอายุครบ 5 ขวบถึงเป็นเรื่องสำคัญขนาดนั้น ชาวบ้านตอบว่า

สำคัญสิ นี่เป็นลูกคนแรกของเขาที่มีชีวิตรอดถึงอายุ 5 ขวบนะ...

คนที่อยู่ในประเทศกำลังพัฒนา (มานานแล้ว) อย่างเราดูแล้วก็สะเทือนใจใช่ไหมครับ เป็นเรื่องธรรมดาที่เราจะฉลองวันเกิดของเด็กอายุ 5 ขวบ แต่ในอีกหลายๆ แห่งบนโลก เด็กน้อยต้องจบชีวิตลงเนื่องจากการติดเชื้อโรคท้องร่วงและปอดบวม ซึ่งสามารถป้องกันได้ด้วยการสร้างสุขนิสัยที่ดี เช่น การล้างมือด้วยสบู่... เข้าทางไลฟ์บอยเขาเลยสิครับ จึงเกิดเป็นโครงการที่ชื่อว่า Help A Child Reach 5

แน่นอนครับ ฮีโร่ถ้าทำอะไรเงียบๆ คนก็คงไม่รู้จักและยกให้เป็นฮีโร่ในดวงใจได้ยาก และถ้าไม่ได้ทำจริงก็ยิ่งเป็นฮีโร่ไม่ได้เลย ไลฟ์บอยทำทั้งสองทางครับ คือมีการประสานงานกับ NGO และองค์กรท้องถิ่น มีการทำสื่อและกิจกรรมให้เด็กๆ รู้สึกว่าการล้างมือเป็นเรื่องสนุก เข้าไปให้ความรู้และสร้างนิสัยล้างมือด้วยสบู่ถึงบ้าน และให้โรงเรียนเป็นผู้นำร่องสู่ชุมชน มีการติดตามประเมินผล ซึ่งก็ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ คือ เปอร์เซ็นต์ผู้ป่วยโรคท้องร่วงลดลงจาก 36% เหลือเพียง 5%

ในขณะเดียวกัน ไลฟ์บอยก็ประชาสัมพันธ์โครงการให้คนตระหนักว่ายังมีคนในอีกมุมโลกที่ขาดสุขลักษณะ และต้องการความช่วยเหลือ ไลฟ์บอยได้ลงมือทำอย่างจริงจังแล้ว เพียงแค่คุณช่วยแชร์เรื่องราวนี้ออกไปเท่านั้น คุณก็ได้ช่วยชีวิตคนแล้ว !

ในมุมของผู้ช่วยเหลืออย่างเรา เมื่อเห็นผลของโครงการเป็นที่ประจักษ์ชัดแล้ว ก็คงเชื่อมันในประสิทธิภาพของสบู่อนามัยยี่ห้อนี้ ถึงไม่ทราบข้อมูลตัวเลข ก็คงสงสัยใคร่รู้ อยากลองบ้างล่ะครับ ส่วนในมุมของชาวบ้านที่ได้รับการช่วยเหลือ หากจะมีวิธีการที่จะรักษาชีวิตของลูกหลานไว้ ก็คงจะยินดีทำและรู้สึกขอบคุณผู้ช่วยเหลือใช่ไหมครับ ต่อไปนี้จะล้างมือก็ต้องนึกถึงสบู่ไลฟ์บอย จนอาจจะเรียกสบู่ว่า “ไลฟ์บอย” เหมือนที่บ้านเราเรียกผงซักฟอกว่า “แฟ้บ” ก็เป็นได้

ไลฟ์บอยประสบความสำเร็จในด้านการสร้าง Brand Awareness อย่างไม่ต้องสงสัย ส่วนในด้านยอดขายนั้น ก็ต้องดูกันต่อไปครับ เพราะโครงการนี้ยังดำเนินต่อในภูมิภาคอื่นๆ ด้วย อย่างไรก็ตาม การตลาดนั้นไม่ได้หวังผลแต่ยอดขายซึ่งเป็นการหวังผลระยะสั้นเท่านั้น การสร้างความรู้สึกที่ดีต่อแบรนด์คือการลงทุนที่หวังผลระยะยาว และคุ้มค่าแน่นอน

ระบุปัญหาของลูกค้า แล้วหาทางแก้ให้ได้ มีคนบอกต่อเรื่องราวของคุณ ได้แจ้งเกิดเป็นฮีโร่แน่นอนครับ