ยี่ห้อ... แบรนด์ สื่ออะไร สำคัญไฉน

ยี่ห้อ... แบรนด์ สื่ออะไร สำคัญไฉน

สวัสดีครับ อากาศเย็นช่วงนี้เริ่มเข้ามาประเทศไทยและดูเหมือนว่าหน้าหนาวที่เรากลัว

ว่าจะมามั้ยในปีนี้ก็ยังมาตามนัด ถึงแม้จะมาช้าไปเสียหน่อย และยังหอบเอาความผันผวนติดมือมาด้วยในช่วงปลายปี ซึ่งตลาดหุ้น ทอง น้ำมัน รวมถึงอัตราแลกเปลี่ยนพากันผันผวนไปตามๆกัน แต่ก็ยังไม่หมดปีก็จะยังไม่ทราบครับว่าสิ้นปีตลาดจะปิดบวก หรือลบอย่างไร เท่าไหร่

แต่ที่แน่ ๆ ตอนนี้ก็ตั้งสติกันให้ดีก่อน เพราะในภาวะที่ตลาดมีความผันผวนอย่างนี้ การเปลี่ยนแปลงเคลื่อนไหวของราคาอ้างอิงหรือราคาสินค้าต่างๆนั้นก็จะมีการผันผวนเปลี่ยนแปลงมากกว่าปกติ และต้องเตรียมการรับมือความผันผวนที่จะเกิดขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้

ในปีนี้ทั้งปี การเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากปัจจัยต่างๆนั้นมีหลากหลาย แต่โดยสรุปคร่าวๆนั้น การเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ในประเทศไทยของเรายังมีแนวโน้มที่ดีขึ้น มีการค้าขายมากขึ้น มีการเคลื่อนย้ายสินค้า บริการ การค้า จากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งอย่างต่อเนื่อง และยังมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้น ซึ่งการเพิ่มขึ้นนี้ถือว่าเป็นปัจจัยที่ดีและเป็นบวก ทั้งนี้ผมขออนุญาตมองภาพรวมในการทำธุรกิจปีนี้ เหมือนกับการดำรงชีวิตโดยทั่วไป คือ บางครั้งก็มีฝนตกบ้าง แดดแรงบ้าง ลมจัดบ้าง ซึ่งเป็นเรื่องที่เราต้องรับมือ

แต่หากเรามาดูอีกด้านที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าการรับมือกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในแต่ละขณะคือ การที่เราดูแลความเป็นกิจการหรือบริการหรือสินค้าของเราที่ดำเนินการ ว่าเราในการทำธุรกิจหรือดำเนินธุรกิจนั้น เรากำลังจะให้ ผลิต ส่งมอบ ให้บริการ และประสบการณ์อะไรให้กับลูกค้าหรือผู้รับบริการนั้นๆ ซึ่งการส่งมอบประสบการณ์ บริการ ผลิตภัณฑ์ต่างๆนี้ การให้ผู้รับสามารถที่จะคาดหวัง หรือจินตนาการประสบการณ์ ที่จะเกิดขึ้นจากการทำของเรานั้น เป็นเรื่องที่สำคัญ และอาจจะทำให้กิจการของเรานั้น ประสบผลสำเร็จหรือไม่ก็เกิดขึ้นจากการคาดหวังทั้งสิ้น

ผมไม่ใช่บุคคลที่เชี่ยวชาญด้านการประชาสัมพันธ์ หรือโฆษณา แต่ผมขออนุญาตมอง ในฐานะลูกค้าหรือผู้รับบริการที่มักจะคาดหวังที่จะได้รับผลิตภัณฑ์หรือบริการที่เกิดขึ้นในผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆคนหนึ่ง ในการดำเนินกิจการบริการใดๆ เริ่มต้นดังที่เราคุยกันหลายคราวก่อน เราคงต้องถาม ก่อนว่าเราเลือกจุดยืนของธุรกิจที่สำคัญเป็นอย่างไร ... การเลือกจุดยืนของธุรกิจ ดำเนินการตามจุดยืน และทำการสื่อสารให้ได้ถึงผู้ใช้บริการหรือลูกค้านั้น เป็น 3 เรื่องที่สำคัญ

การเลือกจุดยืน (Business, Products or Services Position) นั้นคือการเลือกที่จะเป็น และจะเป็นตัวกำหนดทิศทางการดำเนินการ การพัฒนา การให้ประสบการณ์แก่ลูกค้า หรือผู้ใช้บริการ ซึ่งการกำหนดและเลือกจุดยืนนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญ ตัวอย่างที่เราอาจจะเห็นได้ อาทิ ถ้าเราเป็นผู้ผลิต เราเลือกเป็นผู้ผลิต สินค้าอะไร สินค้านี้เพื่อลูกค้าคนไหน ลูกค้าอายุเท่าไหร่ สินค้ามีคุณสมบัติอะไร เราจะทำการผลิตสินค้านี้เหมือนกับคนอื่นๆ ที่ผลิตหรือเปล่า เราต้องการให้อะไรที่แตกต่างจากคนอื่นๆ ในการใช้สินค้าหรือบริการที่ส่งมอบ

ซึ่งการเลือกจุดยืนนั้นในธุรกิจหลายๆธุรกิจ อาทิการค้าปลีก เดิมการค้าขายมักจะซื้อจากร้านโชวห่วย หรือผู้ขายสินค้าอิสระ ที่มีอยู่ทั่วไปทั้งในอาคารพาณิชย์ บ้านอยู่อาศัย รถเข็น และรูปแบบก็ เปลี่ยนไปเป็นร้านสะดวกซื้อ ซึ่งทั้งการค้าแบบผู้ค้าอิสระ และร้านสะดวกซื้อก็ล้วนแต่มีลูกค้าเป้าหมายที่คล้ายกัน จากร้านสะดวกซื้อก็มาเป็นร้านเฉพาะด้านเฉพาะทาง เช่น ร้านขายปลีกวัสดุก่อสร้าง

การเลือกจุดยืนในอีกด้านหนึ่ง คือการเลือกคำสัญญาที่เรากำลังจะให้กับลูกค้า ทั้งที่ เป็นผู้ที่จะรับบริการหรือใช้ผลิตภัณฑ์ ซึ่งคำสัญญานี้คือสิ่งที่เราบอกว่าเราจะส่งมอบ ให้ และเป็นสิ่งที่คาดหวังว่าจะได้รับ เช่นถ้าเราเป็นร้านสะดวกซื้อ เราก็ต้องให้ลูกค้า รู้สึกว่าสะดวกในการซื้อ หรือสะดวกในการหา หรือมาใช้บริการ ถ้าเราเป็นร้านค้า ปลีกเฉพาะทางเราก็ต้องมีสินค้าเฉพาะทางที่เกี่ยวข้องให้ซื้อ หรือถ้าเราเป็นที่ปรึกษา ทางการเงิน เราก็ต้องสามารถให้คำปรึกษาได้ ซึ่งจุดยืนแปลงจากคำสัญญาและทำให้ ลูกค้าคาดหวังได้ว่าจะได้อะไรจากเรา

ถัดไปคือการดำเนินการตามจุดยืน ซึ่งประเด็นที่ 2 นี้ถือว่าเป็นประเด็นที่สำคัญมากไม่ น้อยกว่าประเด็นที่แรกด้วย เพราะหากเราเลือกว่าจุดยืนเราจะเป็นอย่างนี้ เราต้องการ ให้ลูกค้าได้รับบริการอย่างนี้ ได้ประสบการณ์อย่างนี้ แต่การดำเนินการให้เกิดประสบการณ์นั้นไม่สามารถดำเนินการได้ การเลือกจุดยืนก็จะไม่มีผล และในทางกลับกันเราก็ไม่สามารถส่งมอบสิ่งต่างๆ ตามคำสัญญาที่ตั้งใจไว้ ในการดำเนินการนั้น หากเรามีการวางแผนที่ชัดเจนครอบคลุมถึงเรื่องต่างๆนั้น โอกาสที่จะสำเร็จก็จะมีสูง (ลองศึกษาแนวทาง 4 Disciplines of Execution ของ Franklin Covey and PacRimGoupดูครับ เป็นแนวทางที่น่าสนใจและทำให้เราสามารถจัดการได้อย่าง มีระบบ)

เรื่องท้ายสุด คือ การสื่อให้รู้ให้ทราบ ซึ่งหากเรามีผลิตภัณฑ์และบริการแต่เราไม่ได้ทำการสื่อสาร หรือไม่สามารถสื่อให้ถึงผู้ที่จะใช้บริการในอนาคตได้นั้น ของหรือ บริการที่เราตั้งใจทำก็จะไม่ได้ใช้บริการ หรือไม่ได้เกิดประสบการณ์ การสื่อ ประชาสัมพันธ์หรือโฆษณานั้นในแต่ละยุคสมัยรูปแบบของการสื่อประชาสัมพันธ์ ก็จะมีรูปแบบและการดำเนินการที่แตกต่างกันออกไป

ทั้งช่องทางในการสื่อ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือพิมพ์ ทีวี ออนไลน์ (Facebook Instragram Twitter Foursquare เป็นต้น) ทั้งสื่อสารแบบ Pull & Push ซึ่งการเลือกแนวทางใน การสื่อประชาสัมพันธ์จะเป็นผลให้กลุ่มลูกค้าเป้าหมายในการรับบริการนั้นๆหรือมาลองใช้บริการหรือประสบการณ์ได้ทราบและมาใช้บริการได้ หากการดำเนินการประชาสัมพันธ์ไม่พอ ผลิตภัณฑ์หรือบริการดีๆก็จะไม่มีคนลอง และขายไม่ได้ในที่สุด

การดำเนินการทั้งการผลิตและการบริการ ความเป็นตัวตนของสินค้าและบริการนั้นๆ จะเกิดขึ้นจากการกำหนดจุดยืน และการกำหนดคำสัญญาที่จะส่งให้ ทั้งด้านบริการ ผลิตภัณฑ์ และประสบการณ์ แก่ลูกค้าที่จะรับบริการ คำสัญญาต่างๆที่เกิดขึ้นจะเป็นจริงได้ ต้องเกิดจากการดำเนินการให้เกิด และสุดท้ายคือการบอกให้รู้

ยี่ห้อ หรือ แบรนด์ เป็นเสมือนเครื่องหมาย การให้คำสัญญาและการให้การจดจำถึงคำ มั่นสัญญาและประสบการณ์ในการใช้ผลิตภัณฑ์ บริการ และการปฏิสัมพันธ์กับเรา ผู้ที่เป็นผู้ให้บริการ และประสบการณ์ ซึ่งหากเราคิดไตร่ตรองให้ดี ทำให้เกิด และปฏิบัติตามคำสัญญาที่เราต้องการมอบให้เป็นอย่างดีแล้วนั้น ปัจจัยภายนอกที่เกิดก็จะมีผลกระทบกับการดำเนินธุรกิจของเราน้อยลง และเราอาจจะเป็นหนึ่งในผู้อยู่รอด ในการดำเนินธุรกิจได้ เพราะการทำธุรกิจต่างๆนั้น ความพึงพอใจในบริการหรือคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่ได้รับโดยผู้ใช้บริการเห็นเป็นเรื่องที่สำคัญ