เงินเฟ้อต่ำ.. งานเข้าแบงก์ชาติ!
ดูเหมือนว่า สถานการณ์ จะไม่ค่อยเป็นใจให้ ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ แบงก์ชาติ
หันมาใช้ “เงินเฟ้อทั่วไป” เป็นกรอบในการดำเนิน “นโยบายการเงิน” แทน “เงินเฟ้อพื้นฐาน” มากนัก เพราะหลายปีที่ผ่านมา เงินเฟ้อทั่วไป แม้จะแกว่งตัวบ้าง แต่ก็ไม่ “ผันผวน” รุนแรงเท่าสถานการณ์ในปัจจุบัน
ก่อนอื่นขอเท้าความนิดนึงว่า ..เมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา แบงก์ชาติมีความพยายามที่จะขอรัฐบาล (ชุดที่แล้ว) ใช้ “เงินเฟ้อทั่วไป” เป็นกรอบในการดำเนินนโยบายการเงิน แทนเงินเฟ้อพื้นฐาน เพราะมองว่า “ง่าย” ต่อการทำความเข้าใจกับสาธารณชนมากกว่า เพียงแต่รัฐบาลชุดนั้น ซึ่งมี “คุณกิตติรัตน์ ณ ระนอง” นั่งเป็น รมว.คลัง อยู่ ไม่อนุมัติ ด้วยเกรงว่า จะเป็นการสร้างความสับสนแทน
มารัฐบาลชุดนี้ ที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แต่งตั้งขึ้นมา มี “คุณสมหมาย ภาษี” นั่งเป็น รมว.คลัง ซึ่งคุณสมหมาย ประกาศตัวชัดเจนว่าเป็น “close friend” กับทางแบงก์ชาติ ทำให้ตลาดคาดการณ์กันว่า รัฐบาลชุดนี้ น่าจะอนุมัติให้แบงก์ชาติ เปลี่ยนกรอบการดำเนินนโยบายการเงิน โดยหันมาใช้เงินเฟ้อทั่วไปเป็นเป้าหมายแทนได้
แต่ทว่า ตัวเลข “เงินเฟ้อทั่วไป” ของเดือนพ.ย.2557 ที่กระทรวงพาณิชย์เพิ่งจะประกาศออกมาไม่นานนี้ มีอัตราการเติบโตที่ต่ำแค่ 1.26% เป็นการขยายตัวที่ลดลงต่อเนื่อง 6 เดือนติดกัน และยังเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี ..ที่สำคัญเป็นตัวเลขซึ่ง “ต่ำกว่า” กรอบนโยบายการเงินใหม่ ที่ แบงก์ชาติ เสนอให้รัฐบาลพิจารณาด้วย
กรอบนโยบายการเงินใหม่ที่แบงก์ชาติเสนอไป เป็นการขอใช้ตัวเลขเงินเฟ้อทั่วไปโดยมีค่ากลางที่ 3% บวก ลบ ไม่เกิน 1.5% พูดให้ง่าย คือ “กรอบบน” ไม่เกิน 4.5% และ “กรอบล่าง” ไม่ต่ำกว่า 1.5% โดยใช้ “ค่าเฉลี่ยรายปี” จากเดิมที่ใช้เงินเฟ้อพื้นฐาน ค่าเฉลี่ยรายไตรมาส โดยมีกรอบอยู่ที่ 0.5-3%
ดังนั้น ตัวเลขเงินเฟ้อที่ออกมาล่าสุด จึง “ต่ำกว่ากรอบล่าง” ของเป้าหมายนโยบายการเงินใหม่แบบหลุดลุ่ย แม้ว่าจะยังไม่ทันได้เริ่มใช้ก็ตาม!
แบงก์ชาติ “อธิบาย” ปรากฏการณ์ดังกล่าวว่า เงินเฟ้อทั่วไปที่ต่ำกว่ากรอบล่างของนโยบายการเงินใหม่นั้น เชื่อว่าจะเกิดขึ้นแค่ชั่วคราว โดยกรอบใหม่ที่แบงก์ชาติเสนอเป็นการใช้ค่าเฉลี่ยรายปี ซึ่งแบงก์ชาติมองว่าไตรมาสแรกปีหน้า เงินเฟ้อทั่วไปอาจทรงตัวในระดับต่ำ แต่หลังจากนั้นมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั้งปีจึงไม่น่าจะต่ำกว่ากรอบเป้าหมายที่กำหนดไว้
แต่ถึงแม้เงินเฟ้อจะหลุดจากกรอบเป้าหมายจริง ก็เป็นเรื่องที่อธิบายได้ โดย “คุณจิรเทพ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา” โฆษกแบงก์ชาติ บอกว่า เงินเฟ้อที่ต่ำลงเป็นผลจากราคาน้ำมันที่ปรับลงต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลจาก “อุปทาน” น้ำมันที่เพิ่มขึ้น ในเชิงการทำนโยบายถือเป็นเรื่องที่ต้องติดตาม แต่ไม่ใช่ประเด็นที่จะไปกำหนดนโยบายการเงิน เพราะนโยบายการเงิน หน้าที่หลัก คือ การดูแลด้านอุปสงค์ ไม่สามารถดูแลด้านอุปทานได้
คำตอบนี้.. ทำให้เข้าใจได้ว่า ถ้า “น้ำมัน” ทำให้ “เงินเฟ้อ” อ่อนตัวลง ในขณะที่ “อุปสงค์” หรือ “อำนาจซื้อ” ของประชาชนไม่ได้อ่อนตาม ดอกเบี้ยนโยบายก็จะไม่ “แอ็คชั่น” เพื่อตอบสนอง แล้วหันไปใช้วิธี “อธิบาย” กับสาธารณชนให้เข้าใจถึงสาเหตุที่เงินเฟ้อต่ำกว่ากรอบเป้าหมายแทน เพื่อลดการคาดหวังว่า “แบงก์ชาติ” จะปรับ “ลด” ดอกเบี้ยนโยบายลง
เพียงแต่ผมก็อดห่วงไม่ได้ว่า.. สาธารณชนอาจย้อนถามกลับว่า แล้วทำไม “แบงก์ชาติ” ไม่ใช้ “เงินเฟ้อพื้นฐาน” เหมือนเช่นเดิม.. เพราะไม่รวมราคาพลังงาน ทั้งยังไม่สร้างความสับสนให้สาธารณชนด้วย!