เพาะต้นกล้าแห่งการสร้างสรรค์

เพาะต้นกล้าแห่งการสร้างสรรค์

คนธรรมดาคงคิดสร้างจรวดหรือสมาร์ทโฟนไม่ได้ทุกวัน ถ้าผู้บริหารเปิดใจกว้าง พนักงานจะสามารถทำงานแบบสุดยอดในที่สุด

ตามที่ได้นำเสนอไปแล้วในบทความครั้งก่อนว่า การจะเปลี่ยนแปลงคนไทยให้เปลี่ยนจากคนที่นิยมทำตามระเบียบกฎเกณฑ์ ทำตามผู้อาวุโสแบบมากเกินไป ให้กลายเป็นคนมีวิสัยทัศน์ใฝ่เรียนรู้ด้วยตนเอง กล้าคิดและทำนอกกรอบ เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาในการฝึกปรือ ต้องอาศัยหัวหน้างานที่มีความสามารถในการบริหารและฝึกพนักงานให้เป็นคนใฝ่หาความรู้ รู้จักวิเคราะห์ข้อมูลเชิงเปรียบเทียบ ต้องอาศัยนโยบายด้านการฝึกอบรม การประเมินผล และการให้รางวัล ที่จะกำกับพนักงานให้มีทัศนคติ และพฤติกรรมการทำงานเชิงรุก (pro-active approach) แทนการทำงานเชิงรับ (re-active approach)

การพัฒนาคนจากที่คุ้นเคยถนัดกับการทำงานตามคำสั่ง ทำงานเชิงรับให้เป็นคนมีวิสัยทัศน์ คิดเป็น คิดต่าง และสามารถเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงต้องทำอย่างค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปทีละขั้น เพราะของอย่างนี้สั่งกันไม่ได้ เช่น สั่งให้มีวิสัยทัศน์ เป็นต้น หรือสั่งให้เป็นคนมีความคิดสร้างสรรค์ ถ้าคนเราไม่เคยมีข้อมูลใหม่ๆ มากพอ ไม่มีประสบการณ์พบเห็นอะไรมากมาย แล้วจะไปหาทรัพยากรมาจากที่ไหน มาสร้างวิสัยทัศน์กับนวัตกรรมได้ล่ะคะ? มันก็จะคิดได้แต่แบบเดิมๆ นั่นแหละ

นี่จึงเป็นเหตุผลที่ดิฉันใช้เวลาในการนำเสนอข้อมูล ขั้นตอนทีละเล็กละน้อยในการสร้างพื้นฐานก่อน กล่าวคือสร้างให้พนักงานรู้จักสนใจเรียนรู้ ต้องอ่านหนังสือมากขึ้น ต้องรู้จักค้นคว้าข้อมูล ต่อมาก็คือการฝึกให้หัดวิเคราะห์ข้อมูล รู้จักเปรียบเทียบข้อมูลเพื่อหาทางเลือกที่ดีที่สุด

และสำหรับสัปดาห์นี้เราจะก้าวสู่ขึ้นตอนต่อไปคือ รู้จักทำงานอย่างมีวิสัยทัศน์ และสร้างสรรค์ผลผลิตหรือบริการให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้ามากขึ้น

ต้องตระหนักว่าความคิดดีๆ ไม่เคยมาจากความว่างเปล่า หลังจากเราปูพื้นฐานให้พนักงานเป็นคนที่ติดตามอ่านข่าวสารข้อมูลเป็นประจำ และรู้จักหาข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลเชิงเปรียบเทียบไปแล้ว ผู้บริหารต้องไม่หยุดพัฒนาเพียงเท่านั้น แต่ต้องให้การบ้านพนักงานที่ยากขึ้น เพราะถ้าพนักงานหยุดเรียนรู้ หยุดอ่านหนังสือเมื่อใด แปลว่าอนาคตของเขาและของบริษัทก็จะหยุดแค่ตรงนั้นค่ะ

ผู้บริหารต้องเริ่มให้พนักงานแต่ละระดับของแต่ละแผนก จัดกลุ่มคุยกันแลกเปลี่ยนความรู้ ซึ่งอาจจะกระทำผ่านหลายช่องทาง ทั้งแบบทางการและไม่เป็นทางการ แบบไม่เป็นทางการก็คือการเปิดบล็อก (Blog) หรือกลุ่มไลน์ (Group Line) หรือ Facebook ก็ได้ เพื่อพูดคุยกันว่าใครได้ไปอ่านหรือไปพบความคิดดีๆ อะไรที่น่านำมาคุย (Chat) กันในห้องโซเชียลมีเดียของกลุ่ม

หรืออาจจะมีใครบางคนโพสต์คำถามเชิงสร้างสรรค์ชวนให้คิดก็ได้ เช่น คู่แข่งบริษัทของเราใช้เทคโนโลยีอะไรในการผลิต เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ควรทำเป็นประจำ เพื่อกระตุ้นต่อมความคิดของพนักงานให้ทำงานอยู่เสมอ การพูดคุยเพื่อปรับปรุงข้อมูลให้ทันสมัย (Update) ต้องทำเป็นประจำ ให้เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมค่านิยมการทำงานของบริษัทเลย และถ้าพนักงานคนใดโพสต์ความคิดดี ตั้งคำถามดีๆ บ่อยๆ ก็ควรมีรางวัลให้ เช่น คูปองรับประทานอาหาร หรือดูภาพยนต์ฟรี เป็นต้น

พึงระลึกว่านวัตกรรมที่ยิ่งใหญ่มาจากความคิดเล็กๆ เสมอ อย่าทำให้ตนเองและพนักงานรู้สึกเกร็งว่าจะต้องมีความคิดดีๆ ที่ยิ่งใหญ่และใหม่ถอดด้ามเสมอ เป็นใครก็ต้องกลัวเวลาผู้บริหารสั่งให้เรามีนวัตกรรม หลายคนกลัวว่าพวกเขาต้องมีความคิดที่แจ่มแจ๋ว เช่น การสร้างจรวด หรืออะไรที่มันหรูเริ่ดยิ่งใหญ่ประมาณนี้ ซึ่งคนธรรมดาคงคิดสร้างจรวด หรือสร้างสมาร์ทโฟนไม่ได้ทุกวัน พนักงานองค์กรก็เช่นกัน ส่วนใหญ่ก็เป็นคนธรรมดาๆ มีสติปัญญาปานกลาง แต่ถ้าผู้บริหารเปิดใจกว้างขึ้นอีกนิด และให้โอกาสมากขึ้นอีกหน่อย พนักงานจะสามารถพัฒนาความมั่นใจในตัวเองและความคิดของพวกเขา ในการเปลี่ยนแปลงปรับปรุงวิธีการทำงานมาเป็นความคิดดีๆ แบบสุดยอดยิ่งใหญ่ได้ในที่สุด

แต่ก่อนอื่นต้องทำให้กล้าก่อนค่ะ อย่าเริ่มด้วยการทำให้เขาเกร็งหรือกลัว ให้เขาเริ่มจากแง่มุมเล็กๆ ในงานชิ้นเล็กๆ ที่เขาทำอยู่ ด้วยการมองและใคร่ครวญว่าเขาจะมีหนทางเปลี่ยนแปลงงานของตนเอง หรือของเพื่อนร่วมงานได้อย่างไร ให้พนักงานผลัดกันช่วยคิด ช่วยให้คำแนะนำเพื่อนร่วมงาน ในการปรับปรุงจากเรื่องเล็กๆ ทำไปเรื่อยๆ ก็จะเห็นพัฒนาการทางความคิดมากขึ้น

ทั้งนี้ในระหว่างฝึกการให้คำวิจารณ์แก่ผู้อื่น ผู้ให้คำวิจารณ์ห้ามวิจารณ์อย่างเดียว แต่ต้องมีข้อเสนอแนะให้ด้วย เพื่อที่คนจะได้ไม่วิจารณ์อย่างพร่ำเพรื่อ แต่จะเป็นการวิจารณ์อย่างสร้างสรรค์มีหลักการ

รับคำวิจารณ์จากลูกค้า หลักจากฝึกรับคำวิจารณ์จากเพื่อนร่วมงานและหัวหน้าแล้ว ผู้บริหารควรสร้างโอกาศให้พนักงานทุกแผนก ไม่เฉพาะแผนกที่ต้องพบปะกับลูกค้าโดยตรงให้พบกับลูกค้าบ้าง หรือได้รับฟังข้อมูลความต้องการของลูกค้าเป็นครั้งคราว จากรายงานของฝ่ายการตลาดและการขาย จากนั้นก็ให้พวกเขานำข้อมูลจากลูกค้าไปตรึกตรองดูว่า จะนำข้อมูลนั้นไปใช้ในการทำงานของเขาอย่างไร เพื่อให้งานของเขาเป็นที่ถูกใจของลูกค้ามากขึ้น แทนที่หัวหน้างานจะเป็นคนบอกหรือสั่งให้พนักงานทำงานเสมอไป ให้พนักงานรับข้อมูลและไปคิดคนเดียวก่อนก็ได้ จากนั้นก็มารวมกลุ่มคิดกับเพื่อนในทีม เพื่อกลั่นกรองความคิดในระดับหนึ่งก่อน จากนั้นก็ให้นำเสนอให้หัวหน้างานได้วิเคราะห์วิจารณ์กันต่อ

หัดฝันกลางวัน และหาทางสร้างฝันให้เป็นจริง ถ้าผ่านขั้นตอนของการโยงการคิดให้เชื่อมโยงกับความต้องการของลูกค้าได้แล้ว ต่อไปก็คือหัดสร้างวิสัยทัศน์ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ต้องใช้ความสามารถมากพอสมควร เพราะการมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลและเป็นไปได้สำหรับองค์กร ต้องอาศัยความรู้รอบและรอบรู้ในธุรกิจขององค์กร และรู้จักสภาพแวดล้อมขององค์กรในเรื่องคู่แข่ง แนวโน้มเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองทั้งในและนอกประเทศเป็นอย่างดี

ทั้งนี้จากการที่เราได้ฝึกปรือพนักงานผ่านขั้นตอนต่างๆ มาแล้ว เขาน่าจะมีความพร้อมในเรื่องข่าวสารข้อมูลรอบตัวพอสมควร และย่อมมีความสามารถในการวิเคราะห์พอตัว ถึงเวลานี้ก็คือมองไปข้างหน้าโดยมีพื้นฐานข้อมูลจากอดีตและปัจจุบันเป็นตัวช่วย เสริมด้วยความกล้าและความมั่นใจที่จะก้าวออกจากกรอบของอดีตไปสู่อนาคตด้วย

แบบฝึกหัดสำหรับขั้นตอนนี้คือ หัดวาดฝันในตอนกลางวันทั้งๆ ที่ยังลืมตาอยู่นี่แหละ ฝันว่าองค์กรของเราในอนาคตน่าจะเดินไปทางไหน น่าจะผลิตหรือให้บริการสินค้าอะไรที่แปลกใหม่ไปกว่าเดิมได้บ้าง ใครควรจะเป็นลูกค้ากลุ่มใหม่ของเรา คำถามแบบนี้เป็นคำถามที่ผู้บริหารสามารถใช้ถามพนักงานที่ผ่านการฝึกมาหลายระดับ จนถึงระดับที่จะเป็นผู้บริหารระดับสูงนี่แล้ว ให้พนักงานวาดฝันมาให้ดูและอธิบายว่าจะมีหนทางสร้างฝันนั้นให้เป็นจริงได้อย่างไร และหากต้องการให้ฝันเหล่านั้นเป็นจริงได้เร็วยิ่งขึ้น ผู้บริหารอาจจัดการแข่งขันการสร้างวิสัยทัศน์ในองค์กรก็ได้ พนักงานจะได้แสดงวิสัยทัศน์ของพวกเขาให้เป็นที่ประจักษ์พร้อมแผนงานที่มีความเป็นไปได้สูง งานนี้ทั้งสนุก ท้าทายและเป็นประโยชน์กับทุกฝ่ายค่ะ

ขั้นตอนกิจกรรมและแบบฝึกหัดทั้งหลายที่ดิฉันนำเสนอติดต่อกันมา 3 สัปดาห์นี้จะสามารถเปลี่ยนแปลงพนักงานจากที่คิดไม่เป็น ไม่อยากคิด ให้กลายเป็นคนที่คิดสร้างสรรค์ และมั่นใจที่จะเปลี่ยนแปลงได้ ทั้งนี้ต้องอาศัยผู้บริหารที่อดทนมุ่งมั่นและไม่ย่อท้อ ในการใช้เวลาบ่มเพาะพนักงาน

กรุงโรมมิสามารถสร้างเสร็จในวันเดียวฉันใด การสร้างสรรค์พนักงานให้ทำงานเชิงรุก และมีวิสัยทัศน์ ก็ไม่สามารถสร้างได้ในวันเดียวหรือเดือนเดียวเช่นกันค่ะ