เร่ง "ฟื้นเชื่อมั่น" ต่างชาติ อีกฟันเฟืองเคลื่อนเศรษฐกิจ
พลันที่รายชื่อทีมที่ปรึกษาเศรษฐกิจ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ประกาศออกมา ได้รับเสียงแซ่ซ้องยอมรับ
จากเอกชนในหลายภาคส่วน เพราะ "เชื่อมือ" ชื่อชั้นบรรดากูรูเศรษฐกิจทั้งหลายเหล่านี้ นำโดย ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ,นายณรงค์ชัย อัครเศรณี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ
เท่าที่สอบถาม ภาคเอกชนยังคาดหวังต่อทันทีว่า บุคคลเหล่านี้จะเข้ามามีส่วนในการขับเคลื่อนเครื่องยนต์เศรษฐกิจ ผ่านสมองของพวกเขา ในการผลักดันอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) โดยเฉพาะในช่วง "ครึ่งหลัง" ของปีนี้ ให้ "ดีกว่า" ที่หลายสำนักพยากรณ์คาดไว้ก่อนหน้านี้
โดยเมื่อ 19 พ.ค. (ก่อนเหตุการณ์ยึดอำนาจ 3 วัน) สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) รายงานจีดีพีไตรมาสแรกของปีนี้ว่า "ติดลบ 0.6%" เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และปรับประมาณการจีดีพีปีนี้ เหลือ 1.5-2.5% จากเดิมคาดว่าจะเติบโต 3-4% จากเหตุการณ์การเมืองในประเทศที่ยืดเยื้อมาตั้งแต่ปลายปี 2556
ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน ดัชนีหุ้นในกลุ่มรับเหมา และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ยังขานรับ การมาของ คสช. เพราะอย่างน้อยทำให้ก็ทำให้พวกเขามองเห็น "กรรมการ" ที่จะเข้ามายุติความขัดแย้งของคนในชาติ มองเห็นทิศทางการขับเคลื่อนโครงการขนาดใหญ่ (เมกะโปรเจค) วงเงินกว่า 2 ล้านล้าน โครงการค้างท่อจากรัฐบาลชุดก่อน มองเห็นภาวะเงินกำลังจะหมุนไป ทำให้ "กำลังซื้อ" ปรับตัวดีขึ้นในอนาคต
นับเป็น "สิ่งดีๆ" ทางธุรกิจที่เริ่มเกิดขึ้น ในบางมุมมองของคนในชาติ ที่มาพร้อมกับการเชิญ 7 องค์กรธุรกิจ ร่วมกับกำหนดแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ
ทว่า...หลังจากนี้ การเรียกความเชื่อมั่นต่างชาติ ยังเป็นเรื่องที่ต้อง "เดินต่อ" ในสปีดที่ติดจรวด
สอดคล้องกับทัศนะของ "สุพันธุ์ มงคลสุธี" ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ที่กล่าวไว้ว่า นี่คือภารกิจเร่งด่วนอันดับต้นๆ ที่ต้องดำเนินการตามมาตรการระยะสั้น ที่ภาคเอกชนจะนำเสนอ คสช.ในสัปดาห์หน้า
นั่นเพราะไทยยังคงพึ่งพารายได้จากการส่งออกสินค้า ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ เป็นสัดส่วนมากถึง 70 กว่า% ของจีดีพี
จีดีพีจะไปในทิศทางไหน ? ตัวเลขส่งออกคือ "ดัชนี" สำคัญในการชี้วัด
แม้ว่า กระทรวงพาณิชย์ จะยังคง "กัดฟัน" ไม่ปรับอัตราขยายตัวการส่งออกปีนี้ไว้ที่ 5% สวนทางกับตัวเลขส่งออกเดือนเมษายนที่ประกาศวานนี้ (28 พ.ค.) ว่า ยังคงหดตัว 0.9% ก็ตาม
เมื่อเป็นเช่นนี้ การฟื้นความเชื่อมั่นของคู่ค้า นักลงทุนต่างชาติ จึงเป็นเรื่องที่ไม่อาจมองข้าม นั่นเพราะคู่ค้าในหลายประเทศ โดยเฉพาะ "ตลาดสหรัฐ" ตลาดหลักในการส่งออกสินค้าไทย เริ่มแสดงความกังวล ต่อการสั่งซื้อ (ออเดอร์) สินค้าจากไทย โดยเฉพาะในระยะ 2-3 เดือนจากนี้ ว่าเมื่อสั่งสินค้าไปแล้ว จะได้รับสินค้าตรงเวลาหรือไม่ จากปัญหาทางการเมืองของไทยเป็นสำคัญ ผู้บริหารบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง การันตี ข้อมูลนี้ เนื่องจากฐานการผลิตสินค้ากระจายอยู่ทั่วโลก
ไม่สั่งจากไทย ก็สั่งจากฐานผลิตอื่นได้
นี่คือการบริหารความเสี่ยง (Risk Management) ทางธุรกิจ จาก Political Crisis โดยแท้..!!!