เร่งเดินเครื่องระบบราชการ

เร่งเดินเครื่องระบบราชการ

ทิศทางเศรษฐกิจไทยหลังการประกาศกฎอัยการศึกจะเป็นอย่างไร ยังเป็นประเด็นที่ต้องจับตา

ที่แน่ๆ ผลพวงจากปัญหาการเมืองในช่วงผ่านมา ได้ส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจไทยในปีนี้แล้ว เพราะเครื่องยนต์ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจเกือบทุกด้านได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าวไปหมด ไม่เว้นแม้แต่ภาคการส่งออก ที่เป็นเครื่องยนต์สำคัญต่อระบบเศรษฐกิจ ก็ยังได้รับผลกระทบทางอ้อม เพราะผู้สั่งซื้อไม่มั่นว่า จะได้รับสินค้าตามกำหนดระยะเวลาหรือไม่

ด้านการบริโภค และ การลงทุน ไม่ต้องพูดถึงในแง่การขยายตัวที่ดี หลายภาคการผลิตชะลอการลงทุน ที่ลงทุนไปแล้วก็ขายสินค้าไม่ออก ดัชนีชี้วัดสำคัญ คือ ยอดการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในภาพรวมที่ขยายตัวในอัตราชะลอ โดยเฉพาะภาษีมูลค่าเพิ่มจากการนำเข้าสินค้าทุน เพื่อมาผลิตและบริโภคในประเทศ รวมถึง การส่งออกนั้น ในระยะ 2 ไตรมาสที่ผ่านมา ต่ำกว่าเป้าหมายไปแล้วประมาณ 8 พันล้านบาท ตลอดทั้งปี ยอดนำเข้าสินค้าทุนจะเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับสถานการณ์การเมืองเป็นสำคัญ

เมื่อเครื่องยนต์ทั้ง 3 รายการ ทำงานได้ไม่เต็มที่ เครื่องยนต์ที่สำคัญที่จะพอพยุงเศรษฐกิจได้ในเวลานี้ คือ เครื่องยนต์ด้านภาครัฐ ผ่านการเบิกจ่ายงบประจำและงบลงทุน ระยะ 7 เดือนที่ผ่านมา เครื่องยนต์นี้ ถือว่า ทำงานได้ดีระดับหนึ่ง โดยในส่วนของงบประจำนั้น ผลเบิกจ่ายอยู่ที่ 59% สูงกว่าเป้าหมายเล็กน้อย หรือ 2.36% แต่ในส่วนของงบลงทุนนั้น เบิกจ่ายได้ที่ 40% ต่ำกว่าเป้าหมาย 5.92%

เหตุผลสำคัญที่ทำให้งบประจำเบิกจ่ายได้ตามเป้า ส่วนหนึ่ง คือ การเร่งรัดให้ส่วนราชการเร่งเบิกจ่ายงบอบรม ประชุมและสัมมนา จากเดิมที่กำหนดใช้จ่ายในช่วงปลายปี ส่วนการเบิกจ่ายงบลงทุนที่ล่าช้าเพราะเป็นช่วงรัฐบาลรักษาการ ไม่สามารถอนุมัติงบลงทุนที่เกิน 1 พันลัานบาทได้ ส่วนงบที่เกิน 100 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 100 ล้านบาท สามารถทำได้ แต่หลายส่วนราชการไม่กล้า เพราะกังวลต่อการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล ซึ่งงบส่วนนี้มีจำนวนหลายหมื่นล้านบาท

กระทรวงการคลังตั้งคณะทำงานขึ้นมาหนึ่งชุด เพื่อทำหน้าที่ในการดูแลและพยุงเศรษฐกิจ มีผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจและการคลังเป็นประธาน และมีตัวแทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรวมถึง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จุดที่คณะทำงานชุดนี้จะโฟกัส คือ เร่งรัดเบิกจ่ายงบลงทุน เร่งรัดให้แบงก์รัฐปล่อยสินเชื่อ และติดตามแก้ไขปัญหาลูกหนี้ที่มีแนวโน้มที่จะเป็นหนี้เสียอย่างใกล้ชิดแล้ว ในส่วนของภาคชนบทจะเร่งรัดการเบิกจ่ายในส่วนของงบประมาณจากกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ที่มีเงินอยู่ในกองทุนนี้ ประมาณ 1 แสนล้านบาท ที่จะสามารถเบิกจ่ายมากระตุ้นเศรษฐกิจในภาคชนบทได้ด้วย

ในส่วนของผู้ประกอบธุรกิจที่ต้องการเงินกู้ เพื่อใช้ในการหมุนเวียนหรือลงทุนนั้น จะให้บรรษัทค้ำประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เข้าไปดูแล ในการช่วยค้ำประกันเงินกู้ ในกรณีที่ลูกค้ามีหลักประกันไม่เพียงพอต่อการกู้ รวมถึง จะขอให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม นำเงินที่มีอยู่ประมาณ 300 ล้านบาท มาอุดหนุนเบี้ยประกันในปีแรกให้กับลูกค้าเอสเอ็มอีที่ขอค้ำประกันเงินกู้จาก บสย.ด้วย

เมื่อการเมืองรังแต่จะสร้างปัญหาให้แก่ระบบเศรษฐกิจ ระบบราชการเท่านั้น ที่จะทำหน้าที่ในการประคองไม่ให้เศรษฐกิจไทยล่มจมไปตามการเมือง การตั้งคณะทำงานชุดดังกล่าว อาจจะเรียกได้ว่า ช้าไปด้วยซ้ำ แต่ก็ดีกว่าไม่ทำอะไร หวังเพียงว่า ระบบราชการจะทำงานอย่างเต็มที่ ไม่ปล่อยเกียร์ว่าง เพื่อรอดูว่า รัฐบาลหน้าจะเป็นพรรคการเมืองใด