ใครเป็นมนุษย์เงินเดือน ยกมือขึ้น !

ใครเป็นมนุษย์เงินเดือน ยกมือขึ้น !

สวัสดีครับอากาศช่วงนี้ในกรุงเทพฯร้อนขึ้น ซึ่งบางวันหากใครอยู่บนท้องถนนก็จะสัมผัสความร้อนที่สูง อาจจะถึง 40 องศากันเลยทีเดียว

และดูเหมือนสภาพการจราจรก็จะติดขัดกันมาก ไม่ว่าจะไปจากไหนไปไหน

หากเรายังพอจำได้ เมื่อหลายปีก่อนมีภาพยนตร์เรื่องหนึ่งชื่อเรื่อง “มนุษย์เงินเดือน” ไม่แน่ใจว่าใครได้มีโอกาสดูบ้างครับ ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้หากเป็นมนุษย์เงินเดือนดูก็จะอดอมยิ้มไม่ได้ ซึ่งเหมาะสมที่จะดูและเข้าใจทั้งมนุษย์เงินเดือนที่เป็นหัวหน้าและลูกน้อง แต่สำหรับเจ้าของกิจการ ไม่ว่าใหญ่หรือเล็ก SME หรือ Big Corporate ผมว่าถ้าได้ดูก็จะเข้าใจมุมๆ หนึ่งของลูกน้องหรือทีมงาน ทั้งมิติของสภาพที่เป็นอยู่ ความหวัง แรงบันดาลใจ หรืออื่น ๆ ที่สามารถเรียนรู้ได้จากการสื่อผ่านเรื่องราวนะครับ

บ่อยครั้งเราดูการเงินที่เกี่ยวข้องกับบริษัท หรือความอยู่รอดของบริษัท ค่าเงิน ดอกเบี้ย ความเสี่ยง โอกาส และการเปลี่ยนแปลง ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ต้องเตรียมตัวเพื่อรับมือ อีกด้านคือการเงินส่วนบุคคล ไม่ว่าจะเป็นฐานะนายจ้าง ลูกจ้าง แม่บ้าน บุคคลทั่วไป การเงินส่วนบุคคลนั้นต้องมีการวางแผน

แต่อีกด้านหนึ่งหากเราอยู่ในกลุ่มที่ถูกเรียกว่ามนุษย์เงินเดือนนั้น คงต้องถามคำถามกับตัวเองเหมือนกันว่า จะวางแผนการจัดการการเงินของตัวเองอย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดภาวะติดขัด หรือ หายใจไม่ออกได้บ่อยเกินไป ลองคิดตามกันนะครับว่ามีอะไรบ้างที่เราต้องทำเพื่อไม่ให้เกิดภาวะดังกล่าว

เป้าหมายในชีวิต : คงจะไม่แปลกที่ต้องตรวจสอบความต้องการของตัวเองว่าเป้าหมายในชีวิต หรือเป้าหมายในสถานะปัจจุบันคืออะไร อยากมีชีวิตอยู่แบบไหน ที่ไหน เพราะในชีวิตของแต่ละท่านนั้น บางคนทำงานตั้งแต่เรียนยังไม่จบ

บางคนเรียนจบเริ่มทำงานกับองค์กรไทย บางคนองค์กรต่างประเทศ ซึ่งหากเราต้องการมีชีวิตที่เรียกว่าไม่ลำบากยามแก่นั้น การวางเป้าหมายในอนาคต และการวางแผนการจัดการเงินส่วนตัว และการใช้เงินในแต่ละวันต้องมีการจัดการตั้งแต่วันนี้ อยากมีบ้าน ที่ดิน คอนโด อสังหาริมทรัพย์ต่าง ๆ เป็นของตนเอง การใช้ชีวิตในปัจจุบันต้องการเป็นอย่างไร พออยู่ได้ กำลังดี หรือให้สบาย

เลือกความถนัด : ในแต่ละวัน แต่ละคน ต้องยอมรับว่าเราคงคาดหวัง หรือ ต้องการให้ทุกคนเป็นเหมือนกันคงไม่ได้ เราคงไม่สามารถบอกได้ว่าคนอื่น ๆ ลงทุนเก่ง กำไรเยอะ และเราจะต้องทำได้เหมือนกัน อันนี้คงไม่ถูก เพราะแต่ละคนมีความถนัดและความชอบที่ไม่เหมือนกัน

เมื่อหลายปีก่อน ในวงสนทนาหลายๆ วง บางวงก็พูดถึงการลงทุนในตลาดหุ้น บางวงก็พูดถึงการลงทุนในทองคำ หรือบางวงก็ซื้อคอนโดให้เช่า ซึ่งในแต่ละการลงทุนนั้น และบ่อยครั้งเราก็จะได้รับทราบข้อมูลว่า การลงทุนของแต่ละท่านในแต่ละด้านนั้น สร้างกำไร หรือผลตอบแทนได้ดีถึงดีมาก และทำให้เราเองก็รู้สึกและบอกแนวกล่าวโทษกับตัวเองว่า ... ทำไมเราไม่ทำแบบเค้า ถ้าเราเอาเงินไปลงทุนแบบเค้าคงรวยแล้ว …

แต่ที่แน่ ๆ คนส่วนใหญ่จะเล่าถึงการลงทุนที่ได้กำไร และมีคนไม่มากนักจะเล่าถึงการลงทุนที่ขาดทุน หรือเสียหาย นอกจากนี้ในภาวะหรือวงรอบธุรกิจ (Business Cycle) ที่เราอยู่นั้นเป็นเรื่องที่สำคัญ ในภาวะเศรษฐกิจขาขึ้นลงทุนอะไรก็ได้กำไร ในภาวะเศรษฐกิจขาลง ลงทุนอะไรก็มีโอกาสขาดทุนทั้งนั้น

ในความถนัดที่เรามีนั้นก็ต้องแสวงหาความเชี่ยวชาญเพิ่มเติมขึ้นด้วย ซึ่งบ่อยครั้งมีคนแนะนำลงทุนโน้น ลงทุนนี้ แต่สิ่งที่ผู้แนะนำมักไม่ได้บอกคือ เมื่อไหร่จะต้องเปลี่ยนการลงทุน หรืออยู่ในภาวะที่อาจจะขาดทุนได้ เพราะในสินทรัพย์ที่เราลงทุนนั้น ไม่ว่าจะเป็นหุ้น ทอง ที่ดิน คอนโด ล้วนแล้วแต่มีวงรอบธุรกิจของตัวเองทั้งสิ้น และในวงรอบธุรกิจนี้นั้นก็จะมีช่วงขาขึ้น ขาลง หรือ ทรง ๆ อยู่เสมอ

วางแผนและทำตามแผน : ถ้าเราเลือกได้ว่าต้องการอะไรในอนาคต เราถนัดหรือต้องการถนัดอะไร ต่อไปก็ต้องวางแผนและทำตามแผนที่จะทำไว้ และที่สำคัญคือต้องมีวินัยในการเดินตามแผน ซึ่งหากเรามองสภาพที่เป็นหรือมนุษย์เงินเดือนนั้น ลักษณะที่น่าสนใจที่แตกต่างจากผู้ประกอบการรายย่อยคือ มนุษย์เงินเดือนมีรายได้ที่ได้รับเป็นประจำ (ต้องตั้งใจทำงานไม่งั้นอาจไม่มีรายได้ก็ได้นะครับ)

มีรายได้ไม่ผันผวน (มีเงินเดือนหรือค่าครองชีพที่พึงจะได้เป็นปริมาณที่พอ ๆ กันในแต่ละคราว เพิ่มเติมบ้างในแต่ละปี หรือขึ้นอยู่กับผลการดำเนินการของบริษัทในปีนั้นๆ) ซึ่งเราต้องนำเอารายได้ประมาณการที่เราพึงจะได้ มาวางแผนและทำตามแผน เช่น ถ้าเรามีความถนัดในการลงทุนในตลาดเงินตลาดทุน เราต้องถามตัวเองว่าภาวะปัจจุบันลงทุนในอะไรดี ลงตอนไหนของปี เดือน หรือ วัน และช่วงไหนต้องเปลี่ยนการลงทุนจากทรัพย์สินชนิดหนึ่งไปอีกชนิดหนึ่ง

ในทุกทรัพย์สินมีช่วงขาขึ้นและช่วงขาลงทั้งนั้น มีทั้งที่มีสภาพคล่องสูงและที่มีสภาพคล่องน้อยกว่า การลงทุนและทำตามแผนและทำความเข้าใจโอกาสที่จะกำไร และโอกาสที่จะขาดทุนนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ทำไม่ได้

หมั่นตรวจสอบจุดหมายของตัวเองและสิ่งที่ต้องทำ : การตรวจสอบจุดหมายทั้งระยะสั้นและระยะยาว เพื่อทำการปรับปรุงและแต่งตัดสิ่งที่ต้องทำนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะในประเทศ และในโลกนี้นั้น ไม่ได้มีเราอยู่คนเดียว และปัจจัยต่าง ๆ มักจะไม่ได้เกิดจากที่เราควบคุมได้เสมอไป บางครั้งประเทศโน้นมีปัญหา ประเทศนั้น มีการขยายตลาดมาในประเทศไทย ซึ่งหากเราไม่มีการทำความเข้าใจในการจัดการการเงินส่วนตน และสิ่งที่ตนเองได้ไปลงทุนแล้วนั้นก็จะเป็นการยากที่จะได้ผลสัมฤทธิ์ตามที่ตนเองต้องการและแย่ไปกว่านั้นอาจทำให้ขาดทุนมีเงินไม่พอต่อการดำรงชีพในอนาคต

ในคราวนี้ผมคงไม่ได้บอกว่าถ้าเราเป็นมนุษย์เงินเดือนเราต้องลงทุนอะไร ลงทุนเมื่อไหร่ เพราะในการลงทุนหรือจัดการเงินส่วนตนนั้นเรื่องที่สำคัญนั้นคงต้องแบ่งเป็น 2 ช่วง คือ หลักการและแนวทางในระยะยาว และอีกด้านการลงทุนและการจัดการระยะสั้น ซึ่งหากเรามีการวางแผน เลือกสิ่งที่ต้องการ หรือ ถนัด และหมั่นจัดการตรวจสอบปรับแต่งเสมอนั้น การลงทุนในระยะสั้นว่าลงทุนอะไรก็จะมีทางเลือกให้ได้เลือกเอง

สิ่งที่สำคัญอีกเรื่องคือ หากเราเข้าใจและลงทุนในอะไรก็ตามที่เราเลือก การหาทางออกหรือทางเลือกอื่น ๆ ในภาวะที่อาจจะขาดทุน หรือไม่เป็นไปตามที่คิดนั้น ก็จะหาทางออกได้ดีขึ้น การขาดทุนหรือได้กำไรน้อยที่เกิดจากการตัดสินใจของตนเองนั้นน่าจะดีกว่าการขาดทุนหรือได้กำไร จากการตัดสินใจของคนอื่น เพราะเราคงเสียใจมากกว่า ถ้าเราเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงขาดทุน หรือทำไมไม่เป็นไปตามที่คิด เพราะเราไม่เข้าใจและไม่ได้จัดการเอง

การเป็นมนุษย์เงินเดือนนั้น เรื่องการเงินคงไม่มีความหวือหวานัก มีรายได้อยู่อย่างสม่ำเสมอ การจัดการเงินของมนุษย์เงินเดือนเป็นเรื่องที่สำคัญ และต้องเริ่มตั้งแต่ต้น เพื่อให้ไม่สายเกินไปที่จะไปถึงจุดหมายทางการเงินที่ตั้งใจไว้ การลงทุน การเลือกทรัพย์ การหมั่นจัดการเป็นเรื่องที่สำคัญ และบางครั้งบางคราว บางท่านอาจจะเลือกที่จะไม่เป็นมนุษย์เงินเดือนก็ได้ ซึ่งถ้าจัดการแต่เนิ่นๆ ก็จะสามารถทำได้ตามต้องการ