ขุนศึกลาวพวน

ขุนศึกลาวพวน

อะไรก็เกิดขึ้นได้ในแผ่นดินสยาม เมื่ออดีตนายทหารใหญ่ วัย 92 ปี นั่งแถลงข่าวในนาม "คณะรัฐบุคคล" ขอให้ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์

นำเสนอร่างพระบรมราชโองการ พึ่งพระบารมีแก้วิกฤติประเทศเหมือนเมื่อ 40 ปีที่แล้ว

ทหารเก่าไม่มีวันตายคนนี้คือพล.อ.สายหยุด เกิดผล อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด ซึ่งก่อนหน้านั้น ได้ร่วมกับอดีตนายทหารรุ่นน้อง และนักวิชาการอิสระ พยายามเสนอทางออกของบ้านเมืองมาหลายหน

พล.อ.สายหยุด เกิดผล เป็นชาวหาดเสี้ยว อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย จึงสืบเชื้อสายเผ่า"ลาวพวน"หรือ"ไทยพวน"มาจากบรรพบุรุษ

ปี 2518 ชาวลาวพวนได้ร่วมกันจัดตั้ง "ชมรมไทยพวนแห่งประเทศไทย" ก็ได้เชิญ พล.อ.สายหยุด เกิดผล มาเป็นที่ปรึกษา และเป็นผู้ที่เสนอให้เรียกขาน "ลาวพวน" เป็น "ไทยพวน" ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา

คนรุ่นหลังอาจจะคุ้นเคย "พล.อ.สายหยุด" ในฐานะประธานเครือประชาชนเพื่อการเลือกตั้ง หรือเรียกย่อๆ ว่า "พีเน็ต" แต่ผลงานที่สำคัญในอดีตของนายทหารใหญ่คือ การปลุกปั้นองค์กรปราบคอมมิวนิสต์

จะว่าไปแล้ว นายทหารยุคสงครามเย็น ต่างก็ผ่านสมรภูมิรบในสงครามอินโดจีน, สงครามมหาเอเชียบูรพา, สงครามเกาหลี, สงครามเวียดนาม และสงครามลับในลาว

ปี 2508 พล.อ.สายหยุด ในฐานะเจ้ากรมยุทธการทหารบก ได้มีส่วนร่วมในการจัดตั้ง "กองบัญชาการป้องกันและปราบปรามคอมมิวนิสต์" (บก.ปค.) หลังจากพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย(พคท.) ประกาศแนวทางการต่อสู้ด้วยอาวุธในเขตชนบท

ปี 2512 พคท.แถลงจัดตั้งกองทัพปลดแอกประชาชนแห่งประเทศไทย (ทปท.) รัฐบาลจอมพลถนอม กิตติขจร จึงแปรสภาพ "บก.ปค." เป็น "กองอำนวยการป้องกันและปราบปรามคอมมิวนิสต์" (กอ.ปค.) โดย พล.อ.สายหยุด มีตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการประสานงาน กอ.ปค.

ปี 2517 สัญญา ธรรมศักดิ์ นายกรัฐมนตรี ได้มีคำสั่งแต่งตั้ง พล.อ.เล็ก แนวมาลี รัฐมนตรีกลาโหม เป็นประธานปรับปรุงการทำงานของ กอ.ปค. จึงกลายเป็น "กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน" (กอ.รมน.) มาจนถึงทุกวันนี้

เมื่อเปลี่ยนเป็น กอ.รมน.แล้ว พล.อ.สายหยุด ก็มีตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการ กอ.รมน. มีบทบาทเชิงลึกในการจัดตั้งองค์กร "นวพล"

ตอนแรก "นวพล" เป็นหน่วยงานจัดตั้งทางอุดมการณ์ของรัฐ เน้นการต่อสู้ทางความคิด ไม่ยึดแนวตาต่อตา ฟันต่อฟันแบบกลุ่มกระทิงแดง

แต่ย่างเข้าสู่ปี 2519 "นวพล" ก็ถูกขุนศึกสายเหยี่ยวลากเข้าไปเป็นแนวร่วมต้านคอมมิวนิสต์ ที่มีกลุ่มลูกเสือชาวบ้าน และกลุ่มกระทิงแดงเป็นแกนกลาง

นักวิชาการสมัยนั้น จัดให้ พล.อ.สายหยุด เป็นขุนศึกสาย "พิราบ" เพราะมีภาพลักษณ์เป็นนายทหารสายวิชาการ ซึ่งก่อนหน้าจะเป็น กอ.รมน. นายทหารใหญ่ได้วิพากษ์การทำงานที่ล้มเหลวขององค์กรปราบคอมมิวนิสต์อย่างตรงไปตรงมา

ที่น่าสนใจ การก่อเกิดของคณะรัฐบุคคล ทำให้ พล.อ.สายหยุดได้กลับมาทำงานร่วมกับดร.ปราโมทย์ นาครทรรพและศ.ดร.ชัยอนันต์ สมุทวณิชอีกครั้ง

40 ปีที่แล้ว "ปราโมทย์-ชัยอนันต์" เป็นนักวิชาการหนุ่มที่ช่วยงานรัฐบาลสัญญา ธรรมศักดิ์ และเป็นตัวเชื่อมประสานระหว่างกลุ่มปัญญาชนหัวก้าวหน้า(เสรีนิยม) กับกลุ่มขุนศึกที่มีส่วนสำคัญในการทำรัฐประหารเงียบยึดอำนาจรัฐบาล "ถนอม-ประภาส"

"ปราโมทย์-ชัยอนันต์" จึงคุ้นเคยกับนายทหารสายพิราบอย่าง พล.อ.สายหยุด และเป็นความสัมพันธ์อันทอดยาวมาจนถึงคณะรัฐบุคคล

ด้วยความที่เป็นกลุ่มแกนคณะรัฐบุคคล มีบทบาททางการเมืองในช่วงสุญญากาศ หลังเหตุการณ์ 14 ตุลา จึงมี "รอยจำ" เกี่ยวกับการแก้ไขวิกฤตชาติ ด้วยพระบารมี

พ.ศ.2557 พวกเขาจึงเสนอทางออกของประเทศ โดยการอ้างอิงถึง "โมเดล 14 ตุลา" และเชื่อว่าพระบารมีปกเกล้าชาวประชา จะนำพาไทยกลับมาร่มเย็นเป็นสุข