ทำอย่างไรให้มีรายได้มากกว่าเงินเดือน

ทำอย่างไรให้มีรายได้มากกว่าเงินเดือน

ผมเชื่อว่า ท่านเองก็สามารถสร้างรายได้ให้มากกว่าเงินเดือนของท่านเองได้ เพียงแค่ท่าน “ลงมือทำ” อย่างจริงจัง

ทำอย่างไร ชีวิตนี้ จึงมีสุข

มีรายได้ ให้หายทุกข์ หายเศร้าหมอง

มากกว่า ที่มีรายจ่าย เป็นก่ายกอง

เงินเดือน ฟองแฟบหาย ปลายเดือนจน

นี่คงเป็นบทกลอนประจำตัว “มนุษย์เงินเดือนมืออาชีพ” ไปเสียแล้วนะครับ

หลังจากที่ผมได้ไถ่ถามเพื่อนร่วมสายพันธุ์ “มนุษย์เงินเดือน” มากมายหลากหลายคน หลากอาชีพหลายตำแหน่ง ต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันในบทกลอนบทนี้ว่า “มันช่างซาบซึ้งตรึงตรา ในห้วงเวลาปลายเดือน ที่รายจ่ายมารุมเร้า รายเข้าไม่ค่อยมี เสียนี่กระไร”

มนุษย์เงินเดือนอย่างผมและเพื่อนๆ ไม่มีสิ่งใดมากกว่าการทำงาน 8-10 ชั่วโมงต่อวัน 6-7 วันต่อสัปดาห์ 50 สัปดาห์ต่อปี ห้ามขาด ห้ามลา ห้ามป่วย สุดท้ายเราแลกการทำงานด้วยหยาดเหงื่อแรงงาน ความคิด มันสมองทั้งหมด เพื่อ “เงินเดือนและโบนัสปลายปี” ได้รับมากน้อยแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับ อาชีพหน้าที่การงานตำแหน่ง ไปจนถึงบริษัทหรือองค์กรที่สังกัดอยู่ ถ้าเป็นบริษัทข้ามชาติ (คือทำงานชาตินี้รับเงินชาติหน้า) ก็จะได้รับเงินเดือนมากกว่าบริษัทสัญชาติไทย แม้ในตำแหน่งหน้าที่เดียวกันเสียด้วยสิ

เงินเดือนนั้นเองก็จำเป็นอย่างยิ่ง ต่อการดำรงชีพอยู่ในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา จนกระทั่งเข้านอน เราๆ ท่านๆ ต่างก็ต้องใช้จ่ายทางใดก็ทางหนึ่ง หากท่านไม่เชื่อลองนึกย้อนกลับไปตั้งแต่ท่านตื่นขึ้นมาจากเตียง ท่านแปรงฟัน ล้างหน้า ทำธุระ สวมเสื้อผ้า ทานอาหาร เดินทางไปทำงาน ทานข้าวเที่ยง จิบกาแฟถ้วยโปรด หรืออะไรต่อมิอะไร ท่านก็ต้องแลกมาด้วย “เงิน” ที่มาจากเงินเดือนในบัญชีของท่านเสียทั้งสิ้น ผมเคยถูกถามคำถามแปลกๆ จากเพื่อนสนิทที่ทำงานร่วมกับผมว่า “นายรู้ไหม ตอนไหนที่นายไม่ต้องใช้เงิน” ตอนนั้นผมก็งงเป็นไก่ตาแตก แต่เมื่อเพื่อนของผมเฉลยออกมาผมถึงกับ ... เพื่อนผมตอบมาว่า “ก็ตอนทำงานไง ไม่ต้องใช้เงิน แต่เราหาเงิน ฮา ฮา ฮา” มิน่าเล่า เพื่อนผมคนนี้จึงไม่เคย ขาด ลา มาสาย วายชีวาเลย ก็เพราะมันไม่อยากใช้เงินในเวลาที่ควรต้องหาเงินน่ะสิ

จริงๆ เราก็รู้อยู่แล้วว่า “เงินเดือน” มันสำคัญต่อการเจริญเติบโตของร่างกาย จิตใจ และ สมุดบัญชี แต่ท่านเชื่อหรือไม่ครับ เงินเดือนหาใช่สิ่งเดียวที่เราสามารถเพิ่มตัวเลขในสมุดบัญชีได้ ยังมีอีกมากมายหลายสิ่งที่ท่านสามารถใช้เพิ่มตัวเลขในบัญชีของท่านแทนเงินเดือน ในขณะที่ท่านยังทำงานประจำอยู่ที่เดิม รับเงินเดือนตามปกติ เพียงแค่ท่านอ่านบทความนี้ให้จบ ท่านก็จะพบคำตอบของคำถามที่ว่า

“ทำอย่างไรให้มีรายได้มากกว่าเงินเดือน” อย่างแน่นอน

ช่องทางสร้างรายได้ให้มากกว่าเงินเดือน เรียงตามความเหนื่อยจากมากไปน้อย

1. ใช้กายทำงาน - ทำงานนอกเวลา

ลูกน้องของผมคนหนึ่งทำงานในบริษัทมานานกว่า 10 ปี ตลอดระยะเวลาที่ทำงานที่เดียวกันกับผมมา ไม่เคยทำสิ่งใดผิดพลาดเลย เว้นเสียแต่ ผิดพลาดที่มาทำงานที่นี่ ...

ท่านคงจะสงสัยว่า ทำไมผมถึงคิดเช่นนั้น ทำงานมาด้วยกันแท้ๆ เขาไปทำอะไรให้ขัดข้องหมองใจผมหรือ

ก็เปล่าครับ เพียงแต่สิ่งที่ผมมองว่าผิดพลาดคือ เรื่องมันเป็นอย่างนี้ครับ

ทุกๆ เย็นหลังจากลูกน้องคนนี้เลิกงานไปแล้ว เขาจะรีบตรงดิ่งกลับไปบ้านของเขา ไปเข็นรถเข็นออกมาจากในบ้าน ไปไว้ที่หน้าปากซอยบ้านของเขาครับ จากชุดที่ใส่ไปทำงาน เปลี่ยนมาเป็นชุดคนขายก๋วยเตี๋ยว ใช่ครับ ลูกน้องของผมขายก๋วยเตี๋ยวหน้าปากซอยบ้านของเขา ทุกคืนหลังเลิกงานตลอดระยะเวลา 10 ปีที่รู้จักกันมาเลยครับ ผมและเพื่อนๆ ไปอุดหนุนลูกน้องผมเป็นประจำ อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้ครับ เป็นก๋วยเตี๋ยวที่อร่อยที่สุดตั้งแต่ผมเคยทานมา และไม่ใช่เพราะผมคิดไปเองคนเดียวนะครับ แต่ลูกค้าที่มาที่ร้านแน่นตั้งแต่หม้อต้มน้ำซุปยังไม่ทันเดือด จนกระทั่งปิดร้านตอนกลางคืนเพราะเส้นหมดบ้าง หมูหมดบ้าง ซุปหมดบ้าง และที่ผมกล่าวไว้ก็ไม่มีผิดครับ ผมว่าลูกน้องผมคนนี้น่าจะมาเอาดีด้านการเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยวจะดีกว่าทำงานประจำแบบผมเสียอีก ก็ผมลองคำนวณดูแล้ว ขายวันละ หลายร้อยชาม ชามละหลายสิบบาท แค่ช่วงกลางคืน เขาก็มีรายได้เข้ามาแล้ว หลายพันบาท เดือนๆ หนึ่งไม่ต้องคิดเลยครับ ผมว่ามากกว่าเงินเดือนของผมที่เป็นหัวหน้าเขาเสียอีก

ช่องทางแรกที่ผมขอนำเสนอเลยครับคือ “ใช้กายทำงาน - ทำงานนอกเวลา” คุณสามารถใช้เวลาก่อนทำงาน หรือ หลังเลิกงาน ในการประกอบอาชีพเสริมเริ่มจากเล็กๆ น้อยๆ ก่อนเลยครับ ใช้ทักษะที่ติดตัวจากรุ่นพ่อแม่มาก็ได้ หรือมาเรียนรู้เอาใหม่ก็ได้ครับ ทำทุกวัน อาศัยความขยันหมั่นเพียร ก็แทนที่จะเอาเวลาเหล่านี้ไปใช้เงิน ก็มาหาเงินซะ จากนั้น เปลี่ยนเพื่อนร่วมงาน หัวหน้า ลูกน้อง ชวนพวกเขามาเป็น “ลูกค้า” ก็ไม่น่าจะแปลกอะไรครับ เช่น ขายเสื้อผ้าตามตลาดเปิดท้าย ขายอาหาร หรืออาจจะไปเป็นพนักงานเสิร์ฟตามร้านอาหาร ก็เป็นสิ่งที่เพิ่มรายได้ให้มากกว่าเงินเดือนอีกช่องทางหนึ่งนะครับ

2. ใช้ความสามารถทำงาน - ทำงาน ไม่ประจำ

ช่องทางที่แล้ว ผมเสนองานประจำ ทำทุกวันแต่ทำนอกเวลางาน ช่องทางนี้แตกต่างจากช่องทางแรก คือ ใช้ความสามารถทำงาน แต่ไม่ต้องทำทุกวัน ทำเป็นเหมือนงานอดิเรกครับ ว่างก็ทำ ไม่ว่างก็ไม่ทำ

เพื่อนของผมคนหนึ่ง เธอเป็นผู้หญิงรูปร่างท้วม หน้าตาจิ้มลิ้ม พูดจาดี ไพเราะเพราะพริ้ง เธอเป็นเลขาให้กับเจ้านายของผมเองครับ เธอขยันทำงานมากๆ สามารถจัดการนัดหมาย เวลาประชุม หรือแม้กระทั่ง งานส่วนตัวบางอย่างของนายได้แบบไม่มีจุดบกพร่องเลย แต่ผมว่า งานที่ทำแล้วเธอทำได้ดีที่สุด คือ ใช้มือครับ

มือของเธอก็ใช่ว่าจะงดงามเหมือนดารานางแบบโฆษณามือทั่วไปนะครับ มือของเธอยังคงท้วมตามรูปร่างของเธอ แต่เธอใช้มือทั้งสองข้าง กับงานเย็บปักถักร้อย สารพัดชนิดครับ ไม่ว่าจะเป็น โครเชต์ นิตติ้ง งานปักผ้า ทำตุ๊กตา เย็บลูกปัด พับกระดาษ ฯลฯ เธอทำได้ทุกอย่างที่มือคู่นั้นจะสามารถทำได้ ผมและเพื่อนๆ ยังงงว่า มือของพวกเราทำได้แค่ จับปากกา กดแป้นพิมพ์ และ หยิบแก้วเครื่องดื่ม มาดื่ม เท่านั้น ไม่น่าเชื่อว่า เธอจะสามารถใช้มือของเธอทำอะไรได้มากมายมหาศาลขนาดนั้น

ผมเคยคุยกับเธอว่า เธอเริ่มยังไง เธอเล่าว่า เธอเริ่มทำงานฝีมือพวกนี้ตั้งแต่เรียนมัธยมปลาย พอเข้ามหาวิทยาลัย ก็เป็นประธานชมรมเย็บปักถักร้อย เคยส่งแข่งประกวดความคิดสร้างสรรค์ได้ที่หนึ่งของภาคเหนือ เริ่มทำงานฝีมือเป็นงานอดิเรก แล้วจำหน่ายในราคาไม่แพงจนเกินไป จนมาทำงานที่นี่ หลังเลิกงานเธอก็กลับบ้านไปทำงานฝีมือ เสร็จถ่ายรูปเอาไปลง Website Facebook Instagram หลายครั้งที่มีชาวต่างชาติติดต่อมาซื้อสินค้าของเธอ บ้างไปใช้ บ้างไปขาย บ้างให้ช่วยสอนทาง Skype บ้างก็เปิดสอนเป็นหลักสูตรไปเลย

ผมถามถึงรายได้ต่อเดือนในการนำงานฝีมือเหล่านี้ไปสร้างรายได้ ผมฟังแล้วถึงกับตกใจไม่หายว่า มันมากกว่าที่ผมหาได้ 3 เดือน เสียด้วยซ้ำ ที่ยังแปลกใจไม่หายถึงทุกวันนี้ว่า ทำไมเธอยังทำงานประจำอยู่ได้ ทั้งที่รายได้ขนาดนั้น

ช่องทางที่ 2 นี้ ค่อนข้างจะต้องค้นหาความสามารถเฉพาะตัวสักเล็กน้อย ในการนำทักษะ ความสามารถที่มี ถึงแม้ว่าไม่ได้มีทักษะแบบพรสวรรค์ หรือ ขั้นเทพก็ตาม แต่ผมว่ามันก็ยังสามารถสร้างรายได้ให้กับท่านอยู่พอสมควรเชียว นั่นขึ้นอยู่กับ ความชอบ การฝึกฝน และ ลูกค้าเป้าหมายอีกด้วย อาทิเช่น งานฝีมือทั้งหลาย หรือ งานแบบไม่ประจำ ที่รับเป็นจ๊อบๆ เช่น งานเขียน Website งานออกแบบ เป็นต้น

3. ใช้หัวทำงาน - ทำงานแบบ ไม่ต้องทำงาน

ช่องทางในการสร้างรายได้ให้มากกว่าเงินเดือนช่องทางนี้ คือการใช้ความคิด ทำงานแทน ร่างกาย และ จะว่าไปใช้ความสามารถค่อนข้างสูงในช่วงแรก แต่เมื่องานเสร็จ ตัวชิ้นงานนั้นจะสามารถสร้างรายได้ให้กับเราได้ตลอดไปจวบจนยังมีคนสนใจในงานของเรานั้นอยู่

รุ่นพี่ของผมจากรั้วมหาวิทยาลัยเดียวกัน เขาเป็นคนชอบวางแผน ชอบใช้ความคิด ริเริ่มสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ให้กับกลุ่มของเราอยู่เสมอๆ หลังจากที่ไม่ได้เจอกันนานมาก ผมไปพบเจอรุ่นพี่ ในงานหนังสือแห่งหนึ่ง เรามีโอกาสได้พูดคุยกันถึงงานประจำที่ทำ เขายังทำงานประจำกับบริษัทของญาติเขา มาโดยตลอด แต่ที่ผมจะเล่าให้ทุกท่าน คงไม่เกี่ยวกับงานประจำมากนัก เพราะผมว่าทุกวันนี้หากเขาไม่ได้ทำงานอะไร เขาก็ยังมีรายได้เข้ากระเป๋า ทุกเดือน

รุ่นพี่ของผม วาดภาพการ์ตูนประกอบงานเขียน ให้กับสำนักพิมพ์ชื่อดังแห่งหนึ่งของประเทศ มีผลงานวาดภาพประกอบมาแล้วหลายสิบเล่ม และวันที่ผมไปพบครั้งนั้น เขากำลังจะเข้าไปคุยกับ บก. เรื่องรวมเล่มผลงานของเขาตั้งแต่ทำงานนี้มาผมแทบไม่น่าเชื่อว่า รุ่นพี่ของผมที่เคยวาดรูปให้ผมดู แบบของเสื้อรุ่นที่พี่เขาจะส่งไปออกแบบ จะกลายมาเป็นนักวาดภาพประกอบหนังสือมือดีของเมืองไทย

พี่เขาเล่าให้ฟังว่า ช่วงไหนที่ไม่มีงานเข้ามา แกก็จะวาดภาพไปเรื่อยเปื่อย มีวันหนึ่งเปิดเว็บไซต์เห็นสำนักพิมพ์หนึ่งรับสมัครนักวาดภาพประกอบหนังสือ แกเลยส่งผลงานเข้าไปเสนอ บก.เห็นแล้วชอบใจก็เรียกไปคุยด้วย แล้วบอกว่า หากวาดภาพประกอบให้หนังสือ 1 เล่ม จะได้เปอร์เซ็นต์จากราคาปก ก็เอาไปคูณกับจำนวนเล่มที่ผลิตแต่ละครั้ง เช่น ราคาปก 200 บาท สมมุติได้ 5 % จากราคาปก ก็จะได้เล่มละ 10 บาท ผลิตครั้งละ 3,000 เล่ม ก็ได้ไป 30,000 บาท ผลิตกี่ครั้งก็คูณจำนวนเล่มเข้าไป

ผมมานั่งคำนวณภายหลัง จากผลงานที่พี่แกวาดมา นั่นหมายถึงว่า แกวาดครั้งแรกครั้งเดียว หากหนังสือเล่มนั้นขายดี ผลิตหลายรอบ แกก็ไม่ต้องวาดใหม่อีก ใช้ภาพเดิม ขายเล่มเดิม แต่ได้รายได้จากมันสมองของแกล้วนๆ แบบนี้ผมเรียกว่า “ทำงานแบบไม่ต้องทำงาน” น่าสนใจมากๆ

ช่องทางที่ 3 ในการสร้างรายได้ให้มากกว่าเงินเดือน อาจต้องอาศัยทักษะ ความสามารถ ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ การหมั่นฝึกฝน อดทน ค่อนข้างสูง แต่ผมว่าก็คุ้มกับการลงมือทำ เพราะอย่างกรณีรุ่นพี่ของผม ทำครั้งเดียว มีรายได้ยาวจนยังมีคนสนใจในงานของเรานั้นอยู่ เหมือนดั่ง ศิลปิน นักเขียน นักแต่งเพลง หรืออีกหลากหลายงาน ที่ใช้เพียงความคิดของตนเองสามารถสร้างรายได้ให้กับตนเองได้มากกว่าเงินเดือน หลายเท่าตัวทีเดียว

4. ใช้เงินทำงาน - ลงทุน

คงปฏิเสธไม่ได้ว่า คนทำงานปัจจุบันนี้ ให้ความสนใจกับการลงทุนมากขึ้นกว่าคนยุคก่อนๆ หลายเท่าตัว อาจเพราะการให้ความรู้ ความเข้าใจ และบางทีรวมไปถึง ความง่ายในการลงทุน ก็มีส่วนทำให้คนทำงาน ให้ความสนใจที่จะเรียนรู้และลงมือกันอย่างจริงจังมากขึ้น

หัวหน้าของผมท่านหนึ่ง เธอเป็นคนน่ารัก นิสัยดี มีการศึกษาสูง ทำสิ่งใดทำจริง เป็นคนเด็ดเดี่ยว และการตัดสินใจของเธอ นำพาผลงานมาสู่หน่วยงานของเธอนับครั้งไม่ถ้วน และเธอยังคงรักงานที่ทำ ไม่แพ้ลูกน้องทุกคนที่เธอดูแลอยู่อย่างสม่ำเสมอ เป็นเจ้านายที่ทุกๆ แผนกอิจฉา อยากมาอยู่เป็นลูกน้องด้วย

อุปนิสัยของเธอในเรื่องความเด็ดเดี่ยว เอาจริงเอาจัง ยังคงติดตัวของเธออยู่ แม้กระทั่งหลังเลิกงาน ผมเคยพาเพื่อนไปทานข้าวร้านอาหารแห่งหนึ่ง เป็นร้านอาหารที่มีอาหารรสชาติอร่อย บรรยากาศดี มีเพลงร้องสด ในทำเลที่ไม่ไกลจากที่ทำงานมากนัก ผมบังเอิญไปพบกับเธอเข้า เธอนั่งทานข้าวอยู่ที่โต๊ะด้านในๆ กับเพื่อนๆ รุ่นราวคราวเดียวกับเธอ และผมเจอเธอตอนที่เธอกับผมสวนทางกันระหว่างทางไปห้องน้ำ

เธอเล่าให้ฟังทีหลังว่า เธอหุ้นกับเพื่อนหลายคนเปิดร้านอาหารนี้ขึ้นมา เพราะเห็นว่าเป็นทำเลที่ดี และจังหวะที่เหมาะสม แรกๆ เพื่อนสนิทของเธอมาชวน เธอก็ยังลังเลอยู่ จนกระทั่งเธอมาดูทำเล ดูแบบของร้าน ดูผู้บริหาร ผู้จัดการ รวมไปถึง มาลองคุยๆ กับเชฟประจำร้าน เธอก็ตัดสินใจลงทุนด้วยเงินก้อนโตพอสมควร กับเพื่อนๆ สนิทๆ ของเธอ ผมมารู้ภายหลังว่า ร้านนี้เปิดมาหลายปี มีลูกค้าแน่นร้านทุกวัน โดยเฉพาะวันศุกร์-เสาร์ และวันที่มีบอล แต่ผลเคยลองมากับเพื่อนแล้วในวันธรรมดา ลูกค้าก็ยังเยอะอยู่ดี

ผมเองก็ไม่ได้ถามถึงผลประกอบการของร้าน และเงินปันผลที่หัวหน้าของผมได้ แต่ผมคาดเดาว่า มันน่าจะพอสมน้ำสมเนื้อ เมื่อดูจากปริมาณลูกค้าที่หลั่งไหลกันมาแบบไม่ขาดสาย

ช่องทางสุดท้ายนี้ ท่านอาจจะติดกับคำว่า “ลงทุน” ต้องเป็นตัวเงินหรือไม่ ผมว่าเงินเป็นส่วนหนึ่งที่ใช้ในการลงทุน ผมพบเห็นบางกิจการลงทุนด้วย “เครือข่าย” บางแห่งลงทุนด้วย “ความสามารถ” บางที่ลงทุนด้วย “ปัญญา” แต่ผมว่าหากท่านมีสิ่งใดเป็นจุดขายได้ ท่านก็สามารถลงทุนให้เกิดผลกำไรงอกงาม มากกว่าเงินเดือนที่ท่านได้ ก็เป็นได้

จะอย่างไรก็แล้วแต่ นี่เป็นเพียง 4 ช่องทางที่ทำให้รายได้ของท่านมากกว่าเงินเดือนของท่าน ณ ปัจจุบัน เป็นเพียงช่องทางที่สามารถสร้างให้เกิดขึ้นจริงได้ และผมเชื่อว่า ท่านเองก็สามารถสร้างรายได้ให้มากกว่าเงินเดือนของท่านเองได้ เพียงแค่ท่าน “ลงมือทำ” อย่างจริงจัง บางช่องทางต้องอาศัยเงิน บางช่องทางอาศัยความรู้ ความสามารถ และ บางช่องทางต้องอาศัย “เวลา” เวลาในการลงมือทำ เวลาในการรอคอยผลของมัน แต่สุดท้าย ขึ้นอยู่กับเวลาเดียว “เวลาในการเริ่มต้น” เริ่มเถิดครับ เพื่อการมีรายได้ที่มากกว่าเงินเดือน