ประเทศไทย...ในสายตาต่างชาติ

ประเทศไทย...ในสายตาต่างชาติ

"หากการเจรจาไม่เกิดขึ้น...หากนายกรัฐมนตรีไม่ลาออก...หากกปปส.ไม่ยุติการชุมนุม ทำนายล่วงหน้าได้เลยว่า

ความรุนแรงของประเทศ นอกจากไม่ลดลงแล้ว มีแนวจะขยายเพิ่มมากขึ้น และที่ไม่สามารถประเมินได้คือหลังจากนี้ประเทศไทยจะเดินไปสู่ทิศทางไหน"

นับตั้งแต่ 30 ก.ย.2556 จากเหตุการณ์ที่รามคำแหง จนถึงวันอาทิตย์ที่ 23 ก.พ.ที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตแล้ว 20 คนบาดเจ็บแล้ว 720 คนและยังมีผู้บาดเจ็บที่ยังพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล 32 ราย

คำถามอยู่ที่ว่า..ปรากฏการณ์ที่กำลังตึงเครียดและหากปล่อยให้เป็นเช่นวันนี้ โอกาสที่จะมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจะมีเพิ่มมากขึ้น

ซึ่งล่าสุดเลขาธิการยูเอ็น เรียกร้องให้ยุติความรุนแรงในไทยที่บานปลายโดยทันที วอนทุกฝ่ายหันหน้าเจรจาในเชิงสร้างสรรค์เพื่อยุติวิกฤติที่เกิดขึ้น ด้านยูนิเซฟเรียกร้องไม่ให้นำเด็กร่วมชุมนุม "ยิ่งลักษณ์"ลั่นอยู่เพื่อรักษาประชาธิปไตย น้ำตาคลอกปปส.ไล่ล่า ไม่ให้มีที่ยืน ด้านญาติผู้เสียชีวิตผ่านฟ้าฯ ฟ้องนายกฯ-ศรส.แล้ว

สถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองจนนำไปสู่การก่อเหตุรุนแรงขึ้นทั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร(กทม.) และตามต่างจังหวัด จนส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ทำให้สหประชาชาติ ต้องออกมาเรียกร้องให้ทุกฝ่ายในประเทศไทยยุติความรุนแรง

บัน คี มูน เลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ได้ประณามการทำให้ความรุนแรงในไทยบานปลายในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การใช้อาวุธโจมตีกลุ่มผู้ประท้วง ที่ทำให้มีเด็กเสียชีวิตด้วย

นายบัน ย้ำข้อเรียกร้องให้ยุติความรุนแรงโดยทันที และขอให้รัฐบาลนำตัวผู้ก่อเหตุมาลงโทษ และว่า ไม่ควรมีฝ่ายใดใช้ความรุนแรงในการแก้ไขความแตกต่างและความขัดแย้งทางการเมือง เขาพร้อมให้ความช่วยเหลือทุกวิถีทางที่เป็นไปได้ ขอให้ทุกฝ่ายเคารพสิทธิมนุษยชนและหลักนิติธรรม หาทางป้องกันไม่ให้เกิดเหตุร้ายอีก เปิดการเจรจาอย่างสร้างสรรค์เพื่อหาทางยุติวิกฤติและเดินหน้าการปฏิรูป

ขณะที่สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น รายงานสถานการณ์ความรุนแรงในประเทศไทยว่า ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้ประณามการใช้ความรุนแรงต่อฝ่ายตรงข้ามของเธอเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 คน ในจำนวนนี้เป็นเด็ก 3 คน และได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องดำเนินการหาผู้กระทำผิดโดยเร็วและไม่มีข้อยกเว้น

การเสียชีวิตล่าสุดทั้งที่ราชประสงค์และ จ.ตราด ถือเป็นการขัดจังหวะการประท้วงต่อต้านรัฐบาลที่ดำเนินมานาน 3 เดือน ซึ่งกลุ่ม กปปส.ประกาศจะต่อสู้ต่อไป และมีการประกาศในหน้าเฟซบุ๊คของกลุ่ม เพื่อขอรับบริจาคโลหิตตามโรงพยาบาลหลายแห่ง เพื่อช่วยเหลือผู้บาดเจ็บจากเหตุระเบิดที่ราชประสงค์

ด้านองค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ(ยูนิเซฟ) ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ทุกฝ่ายทั้งรัฐบาล แกนนำประท้วงทั้งฝ่ายที่สนับสนุนและต่อต้านรัฐบาล ตลอดจนพ่อแม่ผู้ปกครอง นำเด็กๆ ออกห่างจากสถานที่ชุมนุมประท้วงทุกแห่ง หลังเกิดเหตุรุนแรงทางการเมืองล่าสุดซึ่งส่งผลให้มีเด็กเสียชีวิต 3 รายและบาดเจ็บสาหัสอีก 2 ราย

“ยูนิเซฟประณามเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นซึ่งส่งผลให้เด็กๆ ต้องมาเสียชีวิตและบาดเจ็บอย่างเศร้าสลดโดยไม่มีเหตุอันควรใดๆ เลย เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ทุกฝ่ายต้องหันมาปกป้องคุ้มครองเด็กๆ จากอันตราย ยูนิเซฟเรียกร้องพ่อแม่ผู้ปกครองไม่นำเด็กเข้าไปในสถานที่ชุมนุมประท้วง และกันเด็กๆ ให้ออกห่างจากพื้นที่โดยรอบ”

หลังจากนี้...เชื่อว่าประเทศไทย จะถูกจับตาจากนานาชาติเพิ่มมากขึ้น เพราะนี้คือสถานการณ์ที่ไม่ปกติและประเทศไทยจะไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว !