ลูกอม ยาดม ยาหม่อง โตเกียวบานานา

ลูกอม ยาดม ยาหม่อง โตเกียวบานานา

อะไรคือสินค้าที่ถ้ามาไทย ไม่ซื้อไม่ได้ หรือมาแล้วไม่ซื้อกลับถือว่าไม่อินเทรนด์

สวัสดีครับเดือนสุดท้ายของปีแล้วนะครับ หลาย ๆ คนรวมถึงผมด้วย นึกว่าเราจะไม่มีโอกาสสัมผัส อากาศที่เย็นแล้ว เพราะเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมามีอากาศเย็นเพียงไม่กี่วัน แล้วก็ร้อนแต่ตั้งแต่วันอังคารที่ผ่านมาอากาศก็เย็นลง บางแห่งของประเทศไทยลงไปต่ำกว่า 10 องศา และหลาย ๆ คนก็เริ่มมีอาการฟุตฟิต (ไม่ใช่ฟอไฟนะครับ) แต่เป็นฟีดฟัด แพ้อากาศ น้ำมูกไหลไปตาม ๆ กัน

ผมก็ได้มีเพื่อร่วมงานท่านหนึ่งเอายาดมมาให้ดม (สงสัยผมดูเหมือนจะเป็นลม) ก็เลยแปลกใจด้วยรูปแบบของยาดม ซึ่งในอดีตนั้น เวลาเรามีอาการโดยแมลงสัตว์กัดต่อย เราก็ต้องทาถู ทาถู ด้วยยาหม่องไม่ว่าจะเป็นขาวหรือเหลืองก็ตาม แต่ยาดมที่ผมได้เห็นนั้นเป็นยาดมที่มีหน้าตาดูน่ารัก และทำให้ไม่รู้สึกแก่ในการที่จะหยิบขึ้นมาใช้

นอกจากนี้ หากเรามีเพื่อน ๆ ที่เดินทางไปต่างประเทศโดยเฉพาะในประเทศเมียนมาร์นั้น ของฝากที่ฮิตที่ซื้อมาฝากกันก็จะเป็นยาดมเหมือนกัน และเป็นยาดมกระปุกกลมๆ มีเครื่องยาอยู่ไม่มาก มีน้ำมันเคลือบอยู่ภายใน สูดดมแล้วคล่องจมูกดี

ส่วนในประเทศไทยนั้นมีพัฒนาการของยาดมต้ังแต่ ยาดมที่เป็นยาหม่อง ทั้งบาล์ม และน้ำ ยาดมที่เป็นหลอด ยาดมที่มีทั้งดมและน้ำ และยาดมที่มีที่นวด ! (อันนี้ของใหม่ เวลาบีบลงที่ผิวจะมีปุ่มนวด 3 ปุ่ม ถูกไปมา ยาดมจะออกมาตามที่บีบ สามารถนวดได้ คราวเดียวกัน หรือยาหม่องที่เป็นเจล หรือแท่ง (เหมือนลิปสติก)

การพัฒนาการด้านผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ นั้น เราสามารถมองสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวได้ ในการดำเนินการ ผลิต จำหน่าย ป้องกันความเสี่ยง และมองดูผู้บริโภคของเรานั้น นอกจากการบริหารความเสี่ยงต่าง ๆ ที่เราสามารถดำเนินการได้ด้วยตัวเองแล้วนั้น

การพัฒนารูปลักษณ์ภายนอกและการประชาสัมพันธ์ก็เป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะถ้าเรามี ของ สินค้า หรือบริการดี แต่ขาดการบรรจุให้ดูดี น่าสนใจ และมีการสื่อประชาสัมพันธ์แล้วนั้น สินค้านั้นก็จะไม่มีโอกาสให้ได้ลองกันดู และอาจทำให้สินค้านั้น ๆ ขายไม่ได้ด้วยซ้ำไป จากการพัฒนาการบรรจุภัณฑ์ของยาดมที่น่าสนใจ

อีกด้านหนึ่ง หลาย ๆ คนเวลาเดินทางไปต่างประเทศมักจะมีคำถามว่าไปประเทศนี้ ประเทศนั้น เมืองนี้ เมืองนั้น จะซื้อของอะไรมาฝากดี ซึ่งผมสังเกตว่ากว่าครึ่งของคนที่ไปประเทศญี่ปุ่นก็จะต้องซื้อขนมอบนิ่มๆ มีไส้ตรงกลาง รสชาติกลาง ๆ ที่เรียกว่า “Tokyo Banana” หรือ “โตเกียวบานานา” มา หรือหลังๆก็ซื้อ “Hokkaido Potatoes” หรือ มันฝรั่งฮอกไกโด

เราเคยถามตัวเองหลายครั้ง แล้วถ้าฝรั่ง ญี่ปุ่น จีน หรือ ใครต่อใครมาประเทศไทย อะไรคือสินค้าที่ถ้ามาไทย ไม่ซื้อไม่ได้ หรือ ถ้ามาแล้วไม่ซื้อกลับถือว่าไม่อินเทรนด์ ! นอกจากนี้สินค้าบางอย่างที่ขายทั้งในสนามบิน และร้านค้าในต่างประเทศนั้น ล้วนแล้วแต่มีการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่ดูดี สะอาด น่ารับประทาน (จินตนาการว่าถ้าได้ ซื้อมา เอามาแกะ และทานน่าจะอร่อย) ซึ่งสินค้าของเราหลายอย่างนั้นอร่อย แต่หน้าตาบรรจุภัณฑ์ดูไม่เรียบร้อย หรือไม่ชักชวนมากนัก

การเปลี่ยนแปลงด้านต่างๆ ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันหลายๆ อย่างนั้น โดยเฉพาะการผลิตและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพดี แต่การพัฒนาด้านบรรจุภัณฑ์และภาพรวมของสินค้าเรานั้น ถ้าหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและองค์กรการศึกษาต่าง ๆ ให้ความสำคัญและให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการต่าง ๆ มากขึ้น ก็อาจจะทำให้สินค้าที่มีคุณภาพของเราที่ดีอยู่แล้ว มีโอกาสในการจำหน่าย หรือขายไปที่ประเทศอื่น ๆ ได้มากขึ้น

คนไปสิงคโปร์ ซื้อ หมูแผ่น หมูหย็อง หรือแม้แต่ข้าวโพดคั่ว ยาหม่องตราเสือ
คนไปญี่ปุ่น ซื้อ Hokkaido Potatoes, Tokyo Banana, Kyoto Green Tea
คนไปเวียดนาม ซื้อ กาแฟ G7, กระเป๋า Ipa-Nima
คนไปเมียนมาร์ ซื้อ ยาดม ชาสำเร็จรูป
คนไปอินโดนีเซีย ซื้อ กาแฟขี้ชะมด Luwak Coffee

แล้วประเทศไทยของเรา เราอยากให้เค้าซื้ออะไร และทำอย่างไรให้เราสามารถ ทำให้ของเราที่มีคุณภาพดีอยู่แล้วขายได้ด้วยตัวเอง และผู้บริโภคเป็นผู้ร้องหา ถามว่าจะหาซื้อได้จากที่ไหน

การเงินและการจัดการความเสี่ยงเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ แต่การทำการจัดการรูปแบบ ลักษณะ ภาพลักษณ์ ของสินค้า และบรรจุภัณฑ์เป็นเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กัน เพราะนั่นอาจทำให้ของที่ดี ๆ หนึ่งชิ้น อาจจะดูแล้วไม่น่าใช้เลยสำหรับกลุ่มลูกค้าที่เราต้องการ แล้วเราในฐานะคนไทย ลองคิดเล่น ๆ ดูครับว่า เราจะเอาอะไรไปสู้ เราเอา Bangkok ……อะไรดีครับ