เมื่อ messenger กำลังจะตกงาน

เมื่อ messenger กำลังจะตกงาน

ผมเชื่อว่า ท่านผู้อ่านที่ติดตามข่าวสารโดยเฉพาะเรื่องของเทคโนโลยีต่างๆ น่าจะคุ้นเคยกับคำว่า drone หรือ Unmanned Aerial Vehicle

ที่ภาษาไทยแปลว่า "อากาศยานไร้พลขับ" กันดีนะครับ ทำความเข้าใจกันง่ายๆ สำหรับท่านที่ไม่คุ้นเคย drone เป็นเครื่องจักรกลชนิดหนึ่งที่มีลักษณะเป็นอากาศยานที่บังคับด้วยคลื่นวิทยุหรือคลื่นความถี่ที่ผู้บังคับจะบังคับจากแท่นควบคุมคล้ายๆ กับเฮลิคอปเตอร์บังคับที่เราเห็นวางขายตามแผนกของเล่น รวมไปถึงอากาศยานสมองจักรกลที่ถูกพัฒนาขึ้นมาให้มีความฉลาดพอที่จะบังคับควบคุมตัวเองได้ตามคำสั่งที่ถูกป้อนโปรแกรมเข้าไปโดยผู้ทำการควบคุม

เมื่อไม่ถึงสิบปีมานี้ drone เป็นอะไรที่ใหม่มาก โดยมักจะเป็นอุปกรณ์อากาศยานที่ถูกใช้ในทางการทหารและการสอดแนมโดยประเทศที่เป็นเจ้าเทคโนโลยีสงครามอย่างสหรัฐอเมริกา รวมถึงถูกนำไปใช้ "ติดอาวุธ" โจมตีเป้าหมายในภูมิประเทศหรือบริเวณที่เสี่ยงอันตรายต่อการใช้อากาศยานที่มีพลขับ

นอกเหนือไปจากทางการทหารแล้ว โดยมาก drone มักจะถูกใช้ในกิจกรรมบางอย่างที่นับเป็นกิจกรรมที่มีความเสี่ยงและอาจเป็นอันตรายต่อตัวบุคคลที่จำเป็นจะต้องเข้าไปอยู่ในพื้นที่นั้นๆ เช่น การสำรวจพื้นที่กันดาร การสำรวจเหมือง หรือการใช้ drone สำรวจความเสียหายที่เกิดจากภัยธรรมชาติ เช่น น้ำท่วมหรือไฟป่าต่างๆ เพื่อเป็นเครื่องมือในการให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการกู้ภัยและการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

แต่ในปัจจุบันด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และราคาส่วนประกอบต่างๆ ที่ถูกลงและหาได้ง่ายขึ้น ทำให้ได้เห็น drone ที่มีความซับซ้อนทางเทคโนโลยีและวิศวกรรมไม่สูงมากนัก พัฒนาขึ้นโดยผู้ผลิตที่ไม่ได้อยู่ในอุตสาหกรรมอาวุธยุทโธปกรณ์ ถูกนำมาใช้แพร่หลายมากขึ้นในหลากหลายธุรกิจและอุตสาหกรรม โดยเฉพาะธุรกิจขายปลีกที่ขนาดของผลิตภัณฑ์ไม่ใหญ่มาก โดยเล็งเห็นว่าสามารถนำ drone มาใช้งานในเชิงพาณิชย์ เช่น "การบริการส่งของ" จากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง

ช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เราได้เห็นผ่านตามาบ้างกับข่าวการส่งของโดย drone จากร้านค้าไปยังผู้บริโภค ซึ่งต้องยอมรับว่าเป็น stunt หรือประเด็นที่ถูกนำมาสร้างความตื่นเต้นในเชิงประชาสัมพันธ์มากกว่า เพราะต้องยอมรับกันว่า drone เป็นนวัตกรรมที่แม้แต่ประเทศเจ้าแห่งเทคโนโลยีอย่างสหรัฐฯ ยังต้องกุมขมับในเรื่องตัวบทกฎหมายที่จะออกมาควบคุมการใช้งาน drone เหล่านี้ รวมถึงความท้าทายเรื่องของกฎหมายที่เกี่ยวกับน่านฟ้าต่างๆ ทำให้การใช้งานในประเภทนี้ยังไม่แพร่หลายมากนัก

นอกเหนือจากนี้แล้ว ยังมีประเด็นเรื่องของราคาวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ที่นำมาใช้ในการผลิต ซึ่งอาจยังไม่คุ้มค่าในการนำมาใช้งานในลักษณะนี้ อย่างไรก็ตาม ผมเชื่อว่าอีกไม่นานเรื่องของต้นทุนการผลิตจะไม่ใช่ประเด็นสำคัญอีกต่อไป เมื่อราคาของถูกลงๆ เรื่อยๆ จากความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ก็มีข่าวประชาสัมพันธ์หนึ่งที่สร้างความตื่นเต้นให้กับโลกธุรกิจขายปลีกและผู้บริโภคพอสมควร นั่นคือการที่ Jeff Bezos CEO ของ amazon.com ออกมาพูดถึงความตั้งใจที่จะนำ drone มาใช้เป็นเครื่องมือในการส่งของให้ลูกค้าอย่างเป็นจริงเป็นจัง เพื่อตอบโจทย์การให้บริการที่รวดเร็วภายใน 1 วันของ amazon กับบริการที่เรียกว่า Prime Air ของ amazon เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งของให้ถึงมือลูกค้าภายใน 30 นาที โดยจะเป็นจริงในอีกไม่เกิน 5 ปีจากนี้

ผมเห็นว่า เป็นเรื่องที่เป็นไปได้อย่างสูง ถ้าเราลองศึกษาถึงธุรกิจของ amazon ที่นำเอานวัตกรรมทางเทคโนโลยีมาช่วยในการจัดเก็บสินค้าและรับคำสั่งซื้อจากลูกค้าผ่านเว็บไซต์อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด ณ ตอนนี้ เรียกได้ว่าไม่มีใครสู้ได้

อย่างไรก็ตาม การออกมาพูดถึงการใช้ drone ในการส่งของ amazon ในครั้งนี้ ดูจะเป็นการชี้โพรงให้กระรอกอยู่พอสมควร ท่านผู้อ่านลองนึกภาพสิครับว่า ถ้าหากวันหนึ่งร้านค้าปลีกรายใหญ่อย่าง Target หรือ Wallmart นำไอเดียนี้ไปใช้ในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจของตนเองบ้าง เพราะการขายของผ่านทางอินเทอร์เน็ตทุกรายก็ทำได้อยู่แล้ว เพียงแต่ยังไม่มีใครยืนยันความรวดเร็วและความสะดวกได้อย่าง amazon ซึ่ง drone อาจเป็นทางออกหนึ่งที่ช่วยแก้ปัญหานี้ได้

เราคงต้องมาดูกันล่ะครับว่า ในอีก 5 ปีจากนี้ บรรดา messenger ส่งเอกสารหรือส่งของต่างๆ จะตกงานกันหรือไหม !!?