iPhone 5s

iPhone 5s

นับว่าตลาดสมาร์ทโฟนยังคงคึกคักไม่หยุด เมื่อล่าสุด iPhone 5s และ 5c เพิ่งเปิดตัวไปวันที่ 10 กันยายน ที่ผ่านมา

หลังจากโดน Samsung ตัดหน้าออก Product ใหม่ไปก่อน เพียง 1 สัปดาห์ ซึ่งก็เป็นแข่งขันทางการตลาดที่ค่อนข้างดุเดือดแบบที่นักการตลาดชอบทำกัน แต่สำหรับผู้บริโภคอาจไม่ค่อยจะรู้สึกว่าจะมีฝ่ายใดได้เปรียบ เสียเปรียบทางการตลาด หรือใครจะทำยอดขายได้มากมายกว่าใครหรือไม่

ในฐานะผู้นำสมาร์ทโฟนอันดับ 1 จะออก Product ใหม่แต่ละครั้งก็มักถูกจับตามองเป็นพิเศษ ยิ่งหลังจาก ยุคหลัง สตีฟ จ๊อบส์ จากไปแล้ว ยิ่งมีโจทย์ที่ยากขึ้นเป็นพิเศษ เพราะคนมีความคาดหวังอยากเห็น Product ที่พัฒนาอย่างชัดเจน เหมือนครั้งที่ สตีฟ จ๊อบส์ ทำไว้คือ ต้องเป็น Product ที่สามารถเปลี่ยนโลกได้ อย่างที่ทำมาตั้งแต่ iPod ต่อมาเป็น iPhone และ iPad ที่ถือว่าเป็นสร้างนวัตกรรมที่สะเทือนโลกจริงๆ

ที่ผ่านมา คงไม่มีใครเคยคิดว่า Nokia ที่เป็นเจ้ายักษ์ใหญ่ครองตลาดโทรศัพท์มือถือทั่วโลก มายาวนาน จนกระทั่งสามารถเป็นผู้กำหนดราคาตลาดได้ (Market leader) ทั้งยังเป็นผู้นำในทุก Segment แต่สถานการณ์กลับพลิกโดน iPhone จาก Apple มานำโด่งได้ด้วยนวัตกรรมที่เหนือกว่า เปลี่ยน Concept ของการใช้โทรศัพท์ เปลี่ยนพฤติกรรมของคนทั้งโลก ให้หันมาใช้สมาร์ทโฟน ส่งผลให้มีผู้ผลิตแอพพลิเคชั่นรายใหม่ๆ ขึ้นมามากมาย

ทั้งนี้ การโหลดแอพพลิเคชั่นผ่าน App Store ของ Apple ยิ่งทำให้เกิดแอพพลิเคชั่นที่จะมาเอื้อประโยชน์และอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้สมาร์ทโฟนในด้านต่างๆ หลากหลาย อาทิ ช่วยในการทำงาน ความบันเทิง เกมส์ นอกจากนี้ ยังเป็นการสร้างสังคมบนโลกออนไลน์ ที่ไม่ได้มีแค่บน Desktop เท่านั้น แต่กลายเป็นอยู่กับตัวเราตลอดเวลาบนสมาร์ทโฟน นั่นเอง

iPhone 5S ใช้ระบบปฏิบัติการไอโอเอส 7 (iOS 7) ที่จะมาพร้อมกับแอพพลิเคชั่นเริ่มต้นที่เสริมเข้ามาใหม่ คือ iPhoto, iMovie, Pages, Numbers และ Keynote ให้ใช้งานฟรีสำหรับผู้ที่ซื้อเครื่องใหม่ที่มาพร้อมกับ ไอโอเอส 7 โดยเปิดให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดกันตั้งแต่ในวันที่ 18 กันยายนนี้ ทำให้มีลูกเล่นเพื่อความสนุกสนานเพิ่มขึ้น สำหรับ iPhone 5s ทาง Apple ได้บรรจุชิพประมวลผลใหม่ คือ A7 แบบ 64 บิต นับเป็นโทรศัพท์มือถือ 64 บิตเครื่องแรกของโลก มีขนาดเท่าชิพ A6 ของไอโฟน 5 แต่เร็วขึ้น 2 เท่า รองรับ Open GP ES 3.0. และ Open GL/ES 3.0 ทำให้สามารถแสดงผลกราฟิกของแอพพลิเคชั่นต่างออกมาได้ในระดับสูง

นอกจากนี้ iPhone 5s ยังมีชิพประมวลผลการเคลื่อนไหว 'M7' ช่วยประมวลผลอัตราความเร็ว, ระบบไจโรสโคป และข้อมูลเข็มทิศ ทำให้ตอบสนองการแสดงข้อมูลของแอพพลิเคชั่นสำหรับออกกำลังกายและสุขภาพก้าวสู่ยุคใหม่ได้ เช่น ไนกี้ พลัส มูฟ เป็นต้น

ความพิเศษของ iPhone 5s มีกล้อง 8 ล้านพิกเซล เซนเซอร์รับภาพใหญ่ขึ้น 15% โดยเพิ่มขนาดพิกเซล เป็น 1.5 ไมครอน ที่มีชิ้นส่วนเลนส์ 5 ชิ้นเคลือบหน้าเลนส์แบบแซฟไฟร์คริสตัล ความกว้างรูรับแสง ได้มากขึ้น ระบบออโตโฟกัส แอพพลิเคชั่นกล้องตั้งค่าสมดุลสีขาวอัตโนมัติ และเปิดช่องรับแสงก่อนที่ผู้ใช้จะถ่ายภาพ หากผู้ใช้ต้องการถ่ายภาพ ระบบจะสั่งงานให้กล้องถ่ายภาพแบบมัลติ และเลือกภาพที่คมชัดที่สุดออกมา

นอกจากนี้ ยังมีระบบแสงแฟลชใหม่เรียกว่า 'True Tone' ที่มีทั้งแฟลชโทนสีร้อนและเย็น เพื่อช่วยลดการเพี้ยนของสีในภาพ ส่วนโหมดถ่ายภาพแบบ 'Burst mode' จะสามารถถ่ายภาพ 10 เฟรมต่อวินาที (fps) ตราบเท่าที่นิ้วของผู้ใช้ยังชี้ที่ชัตเตอร์ และระบบถ่ายภาพแบบสโลโมชั่น 120 เฟรมต่อวินาทีด้วย และยิ่งไปกว่านั้น Apple ยังนำเสนอระบบรักษาความปลอดภัยใหม่ของ iPhone 5s คือ Touch ID หรือระบบสแกนลายนิ้วมือ ซึ่งมีความละเอียดในการอ่านลายนิ้วมืออยู่ที่ 500 พิกเซลต่อนิ้ว (ppi) โดยสแกนใต้หนังกำพร้า และอ่านค่าได้ 360 องศาซึ่งถือได้ว่าเป็นไฮไลท์สำคัญของ iPhone 5s เลยทีเดียว

ผมยังคงยืนยันครับว่า ไม่ว่าเทคโนโลยีจะก้าวไปไกลแค่ไหน คุณก็ต้องเลือกให้เหมาะกับการใช้งานของคุณและใช้ให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุดจึงจะถือว่าใช้งานอย่างคุ้มค่า แต่สำหรับคนที่มองหาโอกาสในการทดลองสิ่งใหม่ หรือต้องการนวัตกรรมเหล่านี้มาเป็นเครื่องมือช่วยเพิ่มศักยภาพในการทำงาน ก็ต้องถือว่าสมาร์ทโฟนโดยเฉพาะรุ่นนี้อาจตอบโจทย์เหล่านี้นะครับ แต่สำหรับคุณสมบัติและความสามารถในการสแกนลายนิ้วมือของ iPhone 5s ตัวนี้ ผมเห็นหลายคนวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมออนไลน์ว่าอาจกลายเป็นจุดอ่อนมากว่าจุดแข็งครับ

เพราะแค่เผลอหลับไปแฟนเอานิ้วเรามาสแกนความลับทั้งหลายในโทรศัพท์ของเราก็จะถูกเปิดเผยจนหมดสิ้น !!!!