UEFAและ FIFA แพ้คดีให้ถ่ายทอดสดการแข่งฟุตบอลทางฟรีทีวี

UEFAและ FIFA แพ้คดีให้ถ่ายทอดสดการแข่งฟุตบอลทางฟรีทีวี

สหภาพยุโรป ได้ออกข้อกำหนด Council Directive 89/552/EEC of 3 October 1989 เป็นกฎเกณฑ์ในการติดตามกำกับดูแลการให้บริการออกอากาศแพร่ภาพโทรทัศน์

ในสหภาพยุโรป เพื่อให้การบริการเป็นไปโดยเสรี และเพื่อการปกป้องสิทธิของผู้ชม ข้อกำหนดฉบับนี้ให้อำนาจประเทศสมาชิกที่จะกำหนดมาตรการที่สอดคล้องกับกฎระเบียบของสหภาพยุโรป ที่จะกำหนดข้อห้ามไม่ให้รายการโทรทัศน์ที่ประเทศนั้นเห็นว่าเป็นรายการที่มีความสำคัญมากต่อสังคม ถูกกำหนดให้ออกอากาศหรือถ่ายทอดสดได้เฉพาะสถานีโทรทัศน์ที่ได้รับสิทธิรายใดรายหนึ่งเพียงรายเดียวเท่านั้น ซึ่งจะทำให้สังคมส่วนใหญ่ไม่สามารถติดตามชมรายการโทรทัศน์นั้นได้จากการออกอากาศของสถานีโทรทัศน์ที่ออกอากาศฟรี หรือได้ดูช้ากว่าที่ควร ทั้งนี้ ประเทศสมาชิกนั้นจะต้องกำหนดบัญชีรายการโทรทัศน์ดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้แล้วแจ้งให้คณะกรรมาธิการสหภาพยุโรปทราบ

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ รายการโทรทัศน์ใดเป็นรายการที่มีความสำคัญที่ประชาชนส่วนใหญ่ควรได้รับชม ตามที่กำหนดไว้ในบัญชี จะต้องให้ออกอากาศหรือถ่ายทอดสดรายการนั้นทางสถานีโทรทัศน์ที่ออกอากาศฟรีหรือฟรีทีวี ได้ด้วย จะให้ออกอากาศเฉพาะสถานีที่ได้รับลิขสิทธิ์เพียงรายหนึ่งรายใดเพียงรายเดียวไม่ได้ คือ จะทำให้เกิดภาวะจอดำสำหรับรายการโทรทัศน์นั้นทางฟรีทีวีไม่ได้

ประเทศเบลเยียม และสหราชอาณาจักร ได้จัดทำบัญชีรายการโทรทัศน์ที่เห็นว่ามีความสำคัญมากต่อสังคม ที่จะให้ออกอากาศเฉพาะสถานีที่ได้รับสิทธิรายใดรายหนึ่งเพียงรายเดียวไม่ได้ไว้รายการโทรทัศน์เหล่านั้น รวมถึงการถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก การแข่งขันฟุตบอลโลก และการแข่งขันยูโรคัพด้วย และได้แจ้งให้คณะกรรมาธิการยุโรปทราบตามขั้นตอนแล้ว

สหพันธ์สมาคมฟุตบอลแห่งยุโรป (Union of European Football Association : UEFA) เป็นองค์กรกำกับดูแลการแข่งขันฟุตบอลของยุโรป มีหน้าที่ส่งเสริมสนับสนุนวงการฟุตบอลของยุโรป เป็นผู้จัดการแข่งขันฟุตบอลระหว่างประเทศที่สำคัญในยุโรป การแข่งขันที่สำคัญคือ การแข่งขัน ยูโรเปี้ยนคัพ ปัจจุบันเรียกว่าการแข่งขัน UEFA Champion League

สหพันธ์ฟุตบอลระหว่างประเทศ (International Federation Association Football) หรือ FIFA คำย่อจากภาษาฝรั่งเศส ซึ่งมีสมาคมฟุตบอลของประเทศทั่วโลกเป็นสมาชิก และเป็นองค์กรที่กำกับดูแลการแข่งขันฟุตบอลของโลก มีหน้าที่ส่งเสริมสนับสนุนวงการฟุตบอลของโลก เป็นผู้จัดการแข่งขันฟุตบอลระดับโลก ที่นิยมและรู้จักกันแพร่หลายคือการแข่งขันฟุตบอลโลก รายได้สำคัญมาจากการขายลิขสิทธิ์การแข่งขันฟุตบอลโลกโดยเฉพาะ การแข่งขันรอบรองสุดท้ายและรอบชิงชนะเลิศ

เมื่อปี 2550 FIFA ได้ยื่นฟ้องคณะกรรมาธิการสหภาพยุโรป ต่อศาลทั่วไปแห่งสหภาพยุโรป (General Court of the European Union) ซึ่งถือได้ว่าเป็นศาลชั้นต้นของสหภาพยุโรป ขอให้พิพากษาเพิกถอน บัญชีรายการโทรทัศน์บางส่วน ที่เบลเยียมจัดทำขึ้นและคณะกรรมาธิการสหภาพยุโรปได้ให้การรับรอง ตามข้อกำหนดของสหภาพยุโรปดังกล่าว เป็นคดีที่ T-385/07 โดยโต้แย้งว่าการแข่งขันฟุตบอลโลกที่ควรถือเป็นรายการสำคัญมากที่ประชาชนเบลเยียมน่าจะได้รับชมการถ่ายทอดสดทางฟรีทีวีด้วย ควรจะเป็นเฉพาะการแข่งขันรอบรองชนะเลิศ รอบชิงชนะเลิศ และการแข่งขันนัดที่เบลเยียมลงแข่ง เท่านั้น ไม่ควรกำหนดให้การแข่งขันทุกนัดอยู่ในบัญชีนี้ด้วย และต่อมาในปี 2551 FIFA ได้ยื่นฟ้อง คณะกรรมาธิการสหภาพยุโรป ต่อศาลทั่วไปแห่งสหภาพยุโรป ขอให้พิพากษาเพิกถอน บัญชีรายการโทรทัศน์บางส่วน ที่สหราชอาณาจักรจัดทำขึ้นและคณะกรรมาธิการสหภาพยุโรปได้ให้การรับรอง เป็นคดีที่ T-68/08 ด้วย โดยโต้แย้งทำนองเดียวกันกับกรณีของประเทศเบลเยียม

ส่วน ในปี 2551 UEFA ก็ได้ยื่นฟ้องคณะกรรมาธิการสหภาพยุโรป ต่อ ศาลทั่วไปแห่งสหภาพยุโรป (General Court of the European Union) ขอให้พิพากษาเพิกถอนบัญชีรายการโทรทัศน์บางส่วน ที่สหราชอาณาจักรจัดทำขึ้น และคณะกรรมาธิการสหภาพยุโรปได้ให้การรับรอง เป็นคดีที่ T- 55/08

ผลการพิจารณาคดีปรากฏว่าศาลทั่วไปแห่งสหภาพยุโรปยกฟ้องคดีที่ FIFA และUEFA เป็นผู้ฟ้องทั้งสามคดี

ต่อมาเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2554 ทั้ง UEFA และ FIFA ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลยุติธรรมแห่งสหภาพยุโรป (Court of Justice of the European Union) ซึ่งอาจถือได้ว่าเป็นศาลปกครองสูงสุดและศาลรัฐธรรมนูญแห่งสหภาพยุโรปก็ได้ โดยขอให้ยกคำพิพากษาของศาลทั่วไปแห่งยุโรปและเพิกถอนบัญชีรายการโทรทัศน์ดังกล่าวบางส่วนตามที่ได้ยื่นฟ้องไว้ โดยคดีที่ UEFA ยื่นอุทธรณ์ เป็นคดีที่ C-201/11 P และที FIFA ยื่นอุทธรณ์ เป็นคดีที่ C-204/11 P และ C-205/11 P

ศาลยุติธรรมแห่งสหภาพยุโรป (Court of Justice of the European Union) ได้มีคำพิพากษาทั้งสามคดี เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2556 ยกคำอุทธรณ์ทั้งของ UEFAและ FIFA ทั้งสามคดี ด้วยเหตุผลสำคัญโดยสรุปคือ การจัดทำบัญชีรายการโทรทัศน์ที่เบลเยียมและอังกฤษ เห็นว่ามีความสำคัญมากต่อสังคม ที่จะให้ออกอากาศเฉพาะสถานีที่ได้รับสิทธิรายหนึ่งรายใดไม่ได้ ซึ่งรวมถึงการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยยูโร และการแข่งขันฟุตบอลโลกด้วยนั้น แม้จะถือได้ว่าเป็นการขัดแย้งต่อเสรีภาพในการให้บริการ เสรีภาพในการแข่งขัน และสิทธิในทรัพย์สิน (ลิขสิทธิ์) ก็ตาม แต่ก็เป็นเรื่องสมเหตุสมผลเมื่อคำนึงถึงความมุ่งหมายที่จะปกป้องคุ้มครองสิทธิของสาธารณชนในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารและให้ประชาชนส่วนใหญ่สามารถรับชมรายการดังกล่าวได้อย่างทั่วถึงทางฟรีทีวี

ในประเด็นดังกล่าว ศาลยุติธรรมแห่งสหภาพยุโรป ชี้ด้วยว่า การจัดทำบัญชีรายการโทรทัศน์ที่เห็นว่ามีความสำคัญมากต่อสังคมที่จะออกอากาศ เฉพาะสถานีที่ได้รับสิทธิรายใดรายหนึ่งไม่ได้ เป็นสิทธิในการใช้ดุลพินิจและการพิจารณาตัดสินใจของประเทศสมาชิกโดยลำพัง บทบาทของคณะกรรมาธิการยุโรปในเรื่องนี้มีจำกัดเฉพาะที่ทบทวนถึงผลกระทบต่อเสรีภาพตามกฎหมายสหภาพยุโรปเท่านั้น

บทส่งท้าย สิทธิในการออกอากาศหรือถ่ายทอดสดรายการทางโทรทัศน์ หากพิจารณาตามกฎหมายลิขสิทธิ์ ก็ต้องถือว่าการออกอากาศหรือการถ่ายทอดรายการโทรทัศน์เป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ อันเป็นสิทธิของปัจเจกชน จึงเป็นความชอบธรรมของเจ้าของลิขสิทธิ์ที่จะให้หรือไม่ให้ผู้ใดออกอากาศหรือถ่ายทอดสดก็ได้ แต่ถ้าหากพิจารณาตามแนวคิดตามหลักของกฎหมายมหาชน ที่ปัจจุบันประเทศไทยให้ความสำคัญและมีความตื่นตัวกันมาก สิทธิของปัจเจกชนไม่ใช่สิทธิที่เด็ดขาดสมบูรณ์เหนือประโยชน์ของชนส่วนใหญ่ ที่เรียกกันว่าประโยชน์สาธารณะ เพราะต้องคำนึงถึงและต้องนำประโยชน์ของชนส่วนใหญ่ในสังคมอันจะทำให้สังคมอยู่ร่วมกันได้โดยปกติสุขมาชั่งน้ำหนักพิจารณาด้วย การดำเนินการใดที่แม้จะเป็นการขัดกับสิทธิที่เป็นสิทธิของปัจเจกชน แต่ถ้าเป็นประโยชน์ต่อสาธารณชนมากกว่าประโยชน์ของปัจเจกชนคนใดคนหนึ่ง ประโยชน์สาธารณะนั้น ก็ย่อมอยู่เหนือประโยชน์ของปัจเจกชนนั้น แนวคิดตามหลักของกฎหมายมหาชน ดังกล่าวจะเห็นได้ชัดเจนจากคำพิพากษาของศาลยุติธรรมแห่งสภาพยุโรปในคดีทั้งสามนี้