เป้าหมายใหม่ของการส่งเสริมการท่องเที่ยว : Lots in Thailand

เป้าหมายใหม่ของการส่งเสริมการท่องเที่ยว : Lots in Thailand

ใช่ค่ะ หัวข้อเรื่องนี้ไม่ได้สะกดผิดหรอกค่ะ Lots ไม่ใช่ Lost in Thailand

จริงอยู่ภาพยนตร์จีนเรื่อง Lost in Thailand ได้แนะนำประเทศไทยให้คนจีนรู้จักอย่างแพร่หลาย เกิดผลพวงคือ คนจีน โดยเฉพาะคนหนุ่มสาวจำนวนมากได้เข้ามาท่องเที่ยวตามรอยภาพยนตร์เรื่องนี้จนเต็มเมืองเชียงใหม่ เกิดปรากฏการณ์ของ Lots of (Ugly) Chinese in Thailand หนุ่มสาวเหล่านี้เข้ามาเที่ยวแบบเอกเทศ (Free individual tourits) ผจญภัยราคาถูกแบบมา 5 คน สั่งข้าวไข่เจียว 1 จาน โดยไม่ซื้ออย่างอื่น อยู่หอพักแบบ 200-500 บาทต่อคืน แล้วมาใช้สระว่ายน้ำสาธารณะถูกกว่าเช่าโรงแรมที่มีสระว่ายน้ำ เหมารถแดงก็ต่อแล้วต่ออีกจนรถติดต่อคิวกันเป็นสาย เช่ามอเตอร์ไซค์ขับกันแบบไร้ระเบียบ บางทีก็จอดกันดื้อๆ กลางถนน เข้ามาถ่ายรูปในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ตามโปรแกรมที่ “must do” แล้วก็ไปกินอาหารในโรงอาหารมหาวิทยาลัย เช่นที่คณะมนุษยศาสตร์ ปรากฏว่าเมื่อนักศึกษาพักเที่ยงลงมารับประทานนักท่องเที่ยวจีนจองโต๊ะไปหมดแล้ว การท่องเที่ยวแบบนี้ไม่ใช่การท่องเที่ยวที่มาช่วยกันกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย แต่เป็นการท่องเที่ยวที่แย่งชิงทรัพยากรจากคนท้องถิ่นและไม่เพิ่มรายได้ให้ธุรกิจท่องเที่ยว

ที่ภูเก็ต แค่ต้นปีมาถึงปัจจุบันก็มีนักท่องเที่ยวมากว่าล้านคนแล้ว ซึ่งนับว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวคุณภาพสูง กำลังถูกทัวร์จีนดับฝันของการเป็น world class มีทั้งทัวร์ศูนย์เหรียญ และทัวร์ที่มีแก๊งต้มตุ๋นชาวจีนมาดักรอฟันอยู่ ที่เกาะไข่นักท่องเที่ยวจีนเข้ามาจับปลาใส่ถุงพลาสติก ซึ่งก็เอาไปไม่ไกลก็ตายกันหมดนักท่องเที่ยวจีนเป็นปรากฏการณ์ใหม่ที่มาท่องเที่ยวแบบไม่มีฤดูกาล ในช่วงนี้เป็นเวลาที่เรียกว่า Low season นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะเป็นคนจีน ซึ่งก็นับว่าเป็นคุณประโยชน์ต่ออุตสาหกรรม ผู้เขียนก็อยากได้คนจีนมีคุณภาพมาเที่ยวมากๆ เอาแบบน่ารักๆ ไม่คุยกันตะโกนข้ามศีรษะ หรือข้ามหูจนหูชา เข้าห้องน้ำก็ไม่ชักโครก ฯลฯ ขอย้ำว่าจริงๆ เรื่องจีนรวยจีนจนไม่สำคัญ อยากได้จีนที่มีวัฒนธรรมนะคะ

ที่น่าเจ็บใจก็คือ ส่วนราชการของเราไม่ไปดูแลนักท่องเที่ยวที่ขับรถเช่าแบบเลอะเทอะเพ่นพ่าน ไม่มีใบขับขี่สากล ไม่สวมหมวกกันน็อคก็ไม่จับ เวลานี้นักท่องเที่ยวต่างชาติมาตายที่เมืองไทยเพราะขี่รถมอเตอร์ไซค์มากจนเดี๋ยวนี้ผีเฝ้าถนนที่เกาะต่างๆ เป็นผีฝรั่งไปหมดแล้ว อีกหน่อยก็จะมีผีจีนมาผสมโรง ทำให้ภาพลักษณ์ท่องเที่ยวเราตกต่ำ คนจีนบอกว่าเมืองไทยน่าเที่ยว เพราะทำอะไรที่ทำที่เมืองจีนไม่ได้

แว่วข่าวมาว่าผู้ประกอบการจะขอให้ยกเลิกวีซ่าคนจีน โอยไม่ไหวแล้วค่ะ ถ้าเหมาเข่งกันเข้ามาแบบไม่มี selectivity ก็อย่ามากันดีกว่า ถ้ามามากๆ คนไทยทนไม่ไหว อัธยาศัยแบบยิ้มสยามก็เริ่มจะหายไปแล้ว

ขณะนี้สถิตินักท่องเที่ยวต่างชาติก็ทะลุเป้าไปแล้วกระทรวงท่องเที่ยวน่าจะเปลี่ยนเป้าหมายใหม่มาพัฒนา อปท. และธุรกิจท่องเที่ยว ไม่ใช่ไปโอ๋นักท่องเที่ยวโดยไม่สนใจคนท้องถิ่น อย่าลืมว่าคนท้องถิ่นเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้ง แว่วว่าจะทำศาลท่องเที่ยวให้เป็นพิเศษ ไม่ต้องทำละค่ะ ไปจับมาเฟียรัสเซีย ร้านอัญมณีปลอม และแท็กซี่ผีที่เอาต่างชาติไปฟัน จะดีกว่า

ธุรกิจท่องเที่ยวเป็นธุรกิจที่ใหญ่มากในประเทศไทย รวมห่วงโซ่ทั้งหมดแล้วประมาณ 15% ของจีดีพีทีเดียว ผู้เขียนเคยศึกษา 14 อุตสาหกรรมในห่วงโซ่ในจังหวัดเชียงใหม่ พบว่า อุตสาหกรรมโรงแรมเล็กกว่าอุตสาหกรรมภัตตาคารอาหารมาก อุตสาหกรรมนำเที่ยวยิ่งเล็กกันไปใหญ่ เพราะฉะนั้นก็ไม่แปลกใจเลยว่าราชภัฏที่ลงทุนในด้านอาหาร (catering) เช่น สวนดุสิตถึงรุ่ง

ในปัจจุบันมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ของเราลงทุนผิดที่ ส่วนใหญ่สอน Tourism development คือ พัฒนาการท่องเที่ยว แทนที่มุ่งสอน Hospitality (อาหารและโรงแรม) ซึ่งผลิตมาเท่าไหร่ก็ไม่พอใช้ ยิ่งเปิด AEC ยิ่งมีความต้องการใช้มาก และโอกาสที่โรงแรม ภัตตาคารจะ franchise ออกไปก็จะมากขึ้น

บทบาทสำคัญของกระทรวงท่องเที่ยว ควรเป็นการจัดการห่วงโซ่อุตสาหกรรม เป็น supply management รวมทั้งประสานกับการจัดการเรียนการสอนที่ตอบรับความต้องการในภาคธุรกิจ ไม่ใช่การทำ marketing ซึ่ง ททท. ทำได้ดีอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เป็นผู้ดูแลแหล่งท่องเที่ยวตัวจริง

ปัจจุบันภาคเศรษฐกิจท่องเที่ยวได้มาเป็นเสาหลักของเศรษฐกิจไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และนับวันก็จะมีความสำคัญมากขึ้น รัฐบาลต้องเลือกตลาดและไม่หลงใหลได้ปลื้มกับตัวเลขจำนวนนักท่องเที่ยว จุดนั้นถ้าจะมีต้องจัดการก็คือ จะกรองนักท่องเที่ยวได้อย่างไร ภารกิจหลักของกระทรวงท่องเที่ยวฯ คือ สร้างกติกาและสนับสนุนการใช้ทรัพยากรท่องเที่ยวอย่างฉลาด มีการดูแลประสานงานด้านความปลอดภัย และสุขอนามัย ทั้งด้านการขนส่ง ชีวิต ทรัพย์สิน และสุขอนามัยของทั้งคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว ควรให้นักท่องเที่ยวต่างชาติประกันชีวิตก่อนมาเที่ยวด้วยเงินของตนเอง ไม่ใช่เอาเงินภาษีของคนไทยไปประกันให้นักท่องเที่ยว สนับสนุนให้ธุรกิจท่องเที่ยวที่มีธรรมาภิบาลเฟื่องฟูในประเทศไทย ท้ายที่สุดก็คือดูแลคนไทยในท้องถิ่นที่มีนักท่องเที่ยวมากให้อยู่อย่างปกติสุขเพื่อจะได้มีกำลังใจต้อนรับขับสู้นักท่องเที่ยว

อยากได้ Lots of Good Tourism Business ค่ะ ไม่ใช่แค่ Lots of Tourists !!!

อย่าลืมรัฐบาลไทยเป็นของคนไทย เพื่อคนไทย ไม่ใช่รัฐบาลเพื่อนักท่องเที่ยวต่างชาติ ช่วยกัน email ความรู้สึกของคนไทยที่อยู่ในแหล่งท่องเที่ยวและส่งข้อมูลผ่าน Website ด้วยนะคะ เดี๋ยวรัฐจะหาว่าผู้เขียนคิดไปคนเดียว