อนาคตของอาเซียน เมกะเทรนด์...แห่งโอกาส

อนาคตของอาเซียน เมกะเทรนด์...แห่งโอกาส

อนาคตของอาเซียนที่จะเกิดการรวมตัวกันอย่างเต็มรูปแบบในปี 2558 ผมเองคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจะเป็น “เมกะเทรนด์..แห่งโอกาส”

ที่คุณผู้อ่านที่เป็นนักธุรกิจและนักลงทุนไม่ควรพลาด ผมจึงได้พยายามวาดภาพของอาเซียนในอนาคตแบบง่ายๆ ไว้ด้วยกัน 10 ภาพ ดังนี้ครับ

หนึ่ง ระบบ “หนึ่ง..วีซ่า สิบ..ประเทศ”

จะมีระบบ “หนึ่ง..วีซ่า สิบ..ประเทศ” เหมือนอย่าง “วีซ่าเช็งเกน (Shengen Visa)” ของบรรดาประเทศในกลุ่มยูโรโซน นั่นหมายถึงว่า นักท่องเที่ยวที่มาจากประเทศที่อยู่นอกกลุ่มอาเซียน จะขอวีซ่าเพียงครั้งเดียว ก็สามารถเที่ยวได้ทั้ง 10 ประเทศ ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้ว ด้วยตำแหน่งที่ตั้งของประเทศไทยที่อยู่ใจกลางของกลุ่มอาเซียน จึงน่าจะมีโอกาสที่จะมีนักท่องเที่ยวมาท่องเที่ยวมากที่สุด

สอง ระบบคมนาคมที่ยิ่งใหญ่ที่สุด..ในประวัติศาสตร์ของอาเซียน

จะมีการเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานครั้งประวัติศาสตร์ เช่น เส้นทางคมนาคม ถนน 4 เลน 8 เลน หรืออาจจะ 12 เลน รถไฟความเร็วสูงที่เชื่อมโยงไทยไปยังมาเลเซียและสิงคโปร์ และยังขึ้นเหนือไปยังกลุ่มประเทศ CLMV และประเทศจีน นอกจากนั้นยังมีการเชื่อมโยงระบบไฟฟ้า โครงข่ายอินเทอร์เน็ต และอีกมากมาย

สาม จำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น..เป็นทวีคูณ

เหตุการณ์ที่ผมคิดว่าจะต้องเกิดขึ้นกับบรรดาประเทศในกลุ่มอาเซียนอย่างแน่นอนก็คือ การไม่มีด่านตรวจคนเข้าเมืองหรือด่านศุลกากรกั้นกลางถนนระหว่างประเทศ เช่นเดียวกับประเทศในกลุ่มยูโรโซน โดยจะมีนักท่องเที่ยวจากกลุ่มประเทศอาเซียนจะมาเที่ยวเมืองไทยทางรถยนต์และรถไฟอีกเป็นจำนวนมาก ส่วนทางเครื่องบิน..ทุกเที่ยวบินที่บินภายในกลุ่มประเทศอาเซียน ก็จะมีลักษณะคล้ายๆ กับเที่ยวบินในประเทศเลย เพียงแต่รอรับกระเป๋าเดินทาง เมื่อเสร็จแล้วก็ออกไป ได้เลย

สี่ จาก “สินค้าไทย” กลายไปเป็น “สินค้าอาเซียน”

ตลาดของสินค้าไทยจะมีการขยายตลาดจากคนไทยในประเทศ 66 ล้านคน ไปเป็นประชาชนในกลุ่มอาเซียน 10 ประเทศที่มีประชากรมากกว่า 600 ล้านคน ดังนั้นคุณผู้อ่านที่เป็นนักลงทุนจึงควรคิดเสียแต่ตอนนี้ว่า สินค้าของบริษัทที่เราเข้าไปลงทุนนั้น สินค้าของบริษัทนั้นจะมีโอกาสกลายไปเป็น “สินค้าอาเซียน” หรือเปล่า? ถ้าใช่..ก็แสดงว่า คุณผู้อ่านอาจจะได้เห็นรายได้ของบริษัทที่เราถือหุ้นอยู่ เติบโตอย่างก้าวกระโดดในอนาคตอันใกล้นี้

ห้า ถึงเวลา “พลังอาเซียน” สำแดงฤทธิ์เดช

ภูมิภาคอาเซียนจะกลายเป็นทั้งแหล่งเงินทุนและเป้าหมายการลงทุนของไทย ซึ่งอาเซียนจะช่วยเพิ่มอำนาจต่อรองของไทยในเวทีโลก ดังนั้นโอกาสจึงเปิดขึ้นสำหรับบริษัทที่แข็งแรง ในขณะเดียวกันก็จะเป็นภัยคุกคามครั้งใหญ่...สำหรับบริษัทไทยที่ยังไม่แข็งแรง

หก โอกาสที่ไทยจะเป็น “ศูนย์กลาง”

ไทยมีโอกาสที่จะเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว และการบินอย่างมาก เพราะว่าตำแหน่งที่ตั้งของไทยที่อยู่กลางอาเซียน ซึ่งจะส่งผลให้ไทยโดดเด่นในเรื่องการจัดการประชุมต่างๆ การแสดงนิทรรศการ ศูนย์กระจายสินค้า การบริการด้านการแพทย์และสุขภาพ การท่องเที่ยว การคมนาคม ในขณะเดียวกันอุตสาหกรรมบางประเภทของไทยก็จะได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเป็นหลัก เช่น ภาคการเกษตร ก่อสร้าง อุตสาหกรรมสิ่งทอ เป็นต้น

เจ็ด “ภาษาอังกฤษ” จะเป็นภาษาที่เชื่อมอาเซียน

ภาษาอังกฤษจะเป็นภาษาที่สำคัญอย่างมาก สิ่งแวดล้อมต่างๆ ในประเทศไทยจะมีการใช้ภาษาอังกฤษมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นป้ายบอกทางต่างๆ บิลบอร์ด โปสเตอร์ หนังสือพิมพ์ สื่อต่างๆ จะมีการใช้ภาษาอังกฤษมากขึ้น ธุรกิจโรงเรียนสอนภาษาก็จะเกิดขึ้นอีกมากมาย หลากหลายหลักสูตร

แปด “หัวเมือง” ตามชายแดน...จะมีบทบาทขึ้นอย่างมาก

เนื่องจากบทบาทของด่านศุลกากรชายแดนที่มีน้อยลงมาก อาจส่งผลให้ระบบการขนส่งมีการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ ผมเองมองว่าการค้าชายแดนจะมีบทบาทลดลง เนื่องจากสินค้าจะเสียเวลาตรวจสอบบริเวณด่านศุลกากรตามชายแดนลดลง ดังนั้นการขนส่งสินค้าและการท่องเที่ยวน่าจะเชื่อมโยงไปยังหัวเมืองใหญ่ที่อยู่ใกล้ชายแดนมากกว่า ทำให้การค้าขายบริเวณหัวเมืองที่อยู่ใกล้ชายแดนน่าจะมีแนวโน้มคึกคักขึ้นอีกมาก

เก้า แรงงานต่างชาติ...ท่วมประเทศ แรงงานไทย...ตกงาน

ผมเคยศึกษาปัญหาแรงงานในทวีปยุโรป ซึ่งพบว่าบรรดาคนงานจากประเทศในฟากฝั่งยุโรปตะวันออก ได้ย้ายถิ่นฐานเข้ามาทำงานในประเทศในฝั่งยุโรปตะวันตก และทำให้ประชาชนในประเทศฝั่งยุโรปตะวันตกของตนเอง..ตกงาน ผมมองว่าเหตุการณ์เดียวกันจะเกิดขึ้นในบ้านเรานั่นคือ เมืองไทยจะไม่ขาดแรงงานที่ไร้ฝีมืออีกต่อไป เพราะแรงงานต่างชาติจะเคลื่อนย้ายเข้ามาเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นพม่า ลาว กัมพูชา จะเข้ามาทำงานในไทยมากขึ้น และคนเหล่านี้ก็จะมาแย่งงานคนไทยบางส่วนด้วยเช่นกัน

สิบ ปัญหาสังคมจะเพิ่มขึ้น...เป็นเงาตามตัว

ปัญหาสังคมจะรุนแรงขึ้นมากถ้าไม่ได้รับการวางแผนที่ดี เนื่องจากจะมีปัญหาเกิดขึ้นอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นปัญหาการแบ่งชนชั้น ปัญหาชุมชนแออัดและสลัมจะเกิดขึ้นอีกมากมายจากจำนวนคนที่เข้ามาอยู่ในเมืองมากขึ้น แม้ว่าเศรษฐกิจจะมีแนวโน้มดีขึ้นก็ตาม แต่ด้วยสภาพการแข่งขันที่รุนแรง ผู้คนต้องแย่งกันทำมาหากิน..แย่งกันใช้จ่าย ปัญหาการกระทบกระทั่งในสังคมก็จะสูงขึ้น ซึ่งมักจะตามมาด้วยปัญหาอาชญากรรมที่มากขึ้นและรุนแรงขึ้น สถิติการก่ออาชญากรรมก็จะเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว

ดังนั้น สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตของอาเซียน จึงจะต้องมีการเตรียมพร้อมเพื่ออนาคตจากบรรดาของผู้นำทั้งสิบประเทศตั้งแต่วันนี้ ทำให้นึกถึงคำพูดของ จิม โรห์น (Jim Rohn) นักธุรกิจชาวอเมริกันที่เคยกล่าวไว้ว่า “Happiness is not something you postpone for the future; it is something you design for the present.” แปลตามความได้ว่า “ความสุขไม่ใช่...การที่คุณจะผัดวันประกันพรุ่งอยู่ตลอดเวลา แต่เป็นสิ่งที่คุณจะต้องเตรียมตัวไว้ตั้งแต่บัดนี้”