กรุงเทพฯ ถนนอาหาร เมืองแห่งวัดวาอาราม

กรุงเทพฯ ถนนอาหาร เมืองแห่งวัดวาอาราม

ในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนปีก่อน มีโอกาสไปเยี่ยมเมืองไทยในช่วงสั้นๆ ถือเป็นการหลบความวุ่นวายหลังพายุแซนดี้ที่นิวยอร์ก

พร้อมอยู่ในช่วงการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา

ทุกครั้งที่มากรุงเทพฯ จะเห็นทุกตรอกซอกซอยเต็มไปด้วยแผงลอย รถเข็น ร้านค้า ผักสดที่วางขายอยู่เรียงราย

ลงจากเครื่องบินได้แวะร้านขนมบนถนนสุขุมวิท ไปรับประทานปาท่องโก๋ที่ขึ้นชื่อลือชา พร้อมขนมจีนแกงเขียวหวาน ตามด้วยผัดไทยจานโปรด ปาท่องโก๋นุ่มใน เวลากัดเข้าไปข้างนอกจะกรอบดี แป้งข้างในจะนุ่มละมุนมาก เลือกจิ้มสังขยา นมเนย มีให้เลือกตามใจชอบ ชอบแบบไหนก็เลือกกันไป

หลังรับประทานเสร็จ ก็เดินเล่นอยู่บริเวณนั้น พอตกกลางคืน ได้แวะไปซอยสุขุมวิท 38 เพื่อดูสีสันของอาหารตอนกลางคืน ตั้งแต่เจ้าขนมหวานรสเด็ดที่ขายมาหลายสิบปี มีให้เลือกหลากหลายมากมาย ตั้งแต่ แปะก๊วย โป้วเกี้ย เต้าทึง ทับทิมกรอบ มะพร้าวกะทิ หากรับประทานทับทิมกรอบก็ต้องกินคู่กับมะพร้าวกะทิ น้ำกะทิอบควันเทียนหอมหวน ขนาดเดินอยู่ริมถนนยังได้กลิ่น อร่อยจริงอร่อยปลอมก็ไปทดลองกันเอง

แต่เมนูเด็ดสุดๆ ของเจ้านี้ หากสั่งไอศกรีมกะทิสดไข่แข็ง ชื่อแปลกแต่อย่าตกใจ เพราะไข่มันแข็งจริงๆ ไข่ข้างในเป็นไอศกรีม เป็นไอศกรีมหวานบวกกับไข่แดง เพิ่มความมันทานอร่อย แถมยังใส่เครื่องได้ 3 อย่าง พร้อมมีบัวลอยไข่หวาน ขนมปังเย็น อร่อยทุกอย่าง เสร็จแล้วมาทานต่อข้าวเหนียวมะม่วง บอกเจ้าของว่า ไม่อยากได้ข้าวเหนียวเยอะ คนทำบอกว่า มั่นใจหรือ เดี๋ยวจะเสียใจไปตลอดชีวิต

ข้าวเหนียวมูนเจ้านี้มากับมะม่วงน้ำดอกไม้ เจ้าของร้านคุณแมวที่ตั้งอยู่ต้นซอย บอกเคล็ดลับว่า ความหอมหวานของมะม่วงน้ำดอกไม้ขายได้ตลอดปี เจ้าของร้านจะเป็นผู้คัดสรรมะม่วงจากสวนเจ้าประจำที่ส่งมาให้ตลอดทั้งปี

การขนส่งแบบทะนุถนอมไม่บอบช้ำ วิธีการปอกมะม่วงของร้านนี้ ปอกได้รวดเร็วทันใจ กินสดๆ คู่กับข้าวเหนียวมูนที่หุงจากหัวกะทิสดจนได้เนื้อที่สวยมันเงาหากแต่ไม่แฉะจนเกินไป ราดน้ำกะทิที่คั้นและปรุงสดใหม่ทุกวัน ตามด้วยเมล็ดถั่วเหลืองมันๆ ทำให้คนกินที่อยู่ต่างประเทศแวะมาเมืองไทย ไม่มีทางลืมบ้านเกิดได้เลย

มื้อเที่ยงวันพฤหัสบดี มีโอกาสที่ร้านลูกอิน (Look In) เป็นร้านอาหารที่อยู่ในซอยสุขุมวิท 58 โดยมีลักษณะเป็นตึกแถว 2 ชั้น มีโต๊ะรวมๆ น่าจะไม่เกิน 15 โต๊ะ และจะมีโต๊ะเล็กๆ ที่อยู่นอกร้าน โต๊ะเล็กๆ ที่อยู่หน้าครัว

เห็นพ่อครัวใหญ่ในชุดขาวหลายคนปรุงอาหารอยู่อย่างขวักไขว่ ร้านนี้มีการจัดโต๊ะที่สวยงาม ที่รองจาน ช้อน ส้อม มีด และแก้วน้ำทรงสูงด้วย เมนูอาหารของทางร้านดูแล้วดูตื่นตาตื่นใจ เพราะเป็นเมนูอาหารอิตาลีผสมกับเมนูอาหารไทย ร้านนี้โดดเด่นเห็นชัดคือ "ห้องครัว" เจ้าของร้านตั้งใจออกแบบเพื่อให้ลูกค้าได้เห็นกรรมวิธีในการทำพิซซ่าอย่างใกล้ชิด โดยการใช้กระจกมาติดตั้งระหว่างห้องครัวและโต๊ะอาหาร และระหว่างรออาหารก็ดูพ่อครัวใหญ่ทำพิซซ่าไปเพลินๆ ส่วนชั้นบนนั้นก็จะมีชั้นไวน์เรียงรายเต็มกำแพงอยู่

ก่อนจะกลับบ้าน เจ้าของร้านได้ให้น้ำพริกขิงท่านย่า สูตรต้นตำรับหม่อมเจ้าหญิงสุลัภวัลเลง วิสุทธิ ติดไม้ติดมือมาฝากชาวนิวยอร์ก

วันศุกร์มื้อเที่ยงกลับมาที่สีลม แวะไปที่ร้านเชียงกรีล่า อยู่ในซอยธนิยะ ร้านนี้มีพายเผือก ตัวไส้รสชาติไม่หวาน กลิ่นเผือกหอมนุ่มกลมกล่อม ส่วนแป้งพายด้านนอกนั้นกรอบกำลังดี เคี้ยวไม่เหนื่อย เสียงไม่รบกวนชาวบ้าน ด้านนอกมีเมล็ดแตงโมคลุกมา กรุบกรอบได้ดี วันนั้นเมนูที่สั่งเป็นกุ้งมังกรหม้อไฟ มีหม้อน้ำซุปมาให้ลวกด้วย ส่วนตัวเนื้อจะหั่นมาแล้ววางบนน้ำแข็งเรียบร้อย

ถ้าอยากจะกินดิบๆ ก็เชิญได้เลย ร้านนี้เขาจัดน้ำจิ้มโชยุและวาซาบิมาให้พร้อมๆ กับเนื้อใสของกุ้งมังกร รสชาติเนื้อหวานแบบธรรมชาติ เวลาสั่งกุ้งมังกร เขาจะเอาเลือดกุ้งไปทำเยลลี่แช่เย็น มาเสิร์ฟซึ่งเราสามารถสั่งให้เขาเอาเสิร์ฟเป็นแก้วๆ ลอยมาในน้ำสไปร์ท สดชื่นรสชาติแปลกดี

พี่ๆ ที่ไปร่วมรับประทานเล่าให้ฟังว่า สมัยก่อนเลือดกุ้งมีไว้ให้รับประทานเฉพาะพวกอำมาตย์สมองดีเท่านั้น แต่ ณ วันนี้ มีเงิน รูดบัตรก็รับประทานได้ พอนั่งรับประทานไปสักพัก พนักงานก็จะเอาหัวกุ้งเดิมออกมาตั้งโชว์ แล้วบอกให้ไปปรุงอาหารเป็นอีกเมนูหนึ่งให้เรา กลายเป็นเมนูอาหารก๋วยเตี๋ยวคั่วกุ้งมังกร

ร้านนี้จะเอาเส้นใหญ่ไปผัดกับน้ำมัน ใส่ไข่ ก้านคะน้าซอยเล็กๆ และจะไม่ใส่ตังฉ่าย แต่จะไปใส่หัวไชโป๊วสับแทน ทำให้ก๋วยเตี๋ยวคั่วจานนี้มีความหวานน่ารับประทานไม่เหมือนร้านจีนทั่วๆ ไป เพราะความกรุบกรอบและความหวานจากก้านคะน้าพร้อมหัวไชโป๊วทำให้รับประทานอย่างอร่อย จนลืมคิดถึงร้านอาหารจีนที่นิวยอร์ก

ถัดมาอีกวันหนึ่งเป็นวันเสาร์ (Saturday Night Life) เป็นมื้อเย็นอยู่ในซอยต้นสน ชื่อร้านอาหารเจียนนี่ (Gianni Ristorante) เจียนนี่ ฟาฟว์โร เป็นเจ้าของร้านพ่อครัวอิตาเลียนที่โด่งดังและเป็นที่นับถือในฝีมือมากที่สุดคนหนึ่งของคนมีอันจะกินในย่านนี้

เมนูของเขามีทั้งอาหารตำรับดั้งเดิมและที่ปรุงแต่งอย่างสร้างสรรค์ อาหารเรียกน้ำย่อยที่เยี่ยมยอดมากที่สุด คือ ตับห่านย่างคลุกซอสน้ำส้มราสพ์เบอรี่ ส่วนทาร์ทาร์ทูน่าแดงราดน้ำมันมะกอกเอ๊กซ์ตราเวอร์จินกับหอมแดงก็น่าลองเช่นกัน

พาสต้าน่าอร่อยมีให้เลือกสารพัดชนิด ตั้งแต่พาสต้าเกลียวกับรากูต์เนื้อแกะไปจนถึงราวิโอลีไส้เนยแข็งริคอตตากับผักโขมในซอสเนยใส่ใบเสจ สำหรับจานหลักขอแนะนำปลาโซลม้วนใส่ไส้กุ้งมังกรและผักราดซอสพริกหวาน รสชาติกุ้งกับปลาเข้ากันได้อย่างดี กินแล้วเห็นสวรรค์อยู่รำไร

อาหารประเภทเนื้อจานเด่นมีทีโบนสเต๊กเนื้อย่างเตาถ่านตำรับฟลอเรนซ์ ปิดท้ายรายการด้วยเค้กไอศกรีมราดซอสราสพ์เบอรี่อร่อยจับใจ Gianni เป็นร้านอาหารอิตาเลียนแท้ๆ ที่ใส่ใจทุกรายละเอียด บรรยากาศหรูหราสง่างามมีสไตล์ ไม่เพียงแต่รสชาติอาหารอิตาเลียนแบบดั้งเดิมที่ต้องเป็นเลิศแล้ว ยังคำนึงถึงคุณภาพของอาหารไม่ว่าจะเป็นกรรมวิธีในการปรุงที่ใช้ความรู้และวิทยาการใหม่ๆ รวมไปถึงวัตถุดิบที่คัดสรรมาอย่างดีส่งตรงจากประเทศอิตาลียังเมืองไทยอาทิตย์ละ 2 ครั้ง

พอถึงวันอาทิตย์ตั้งใจว่าจะเข้าวัดเข้าวา ทำบุญทำทาน ถือศีลภาวนา ก็เลยเลือกเดินเข้าชมที่วัดโพธิ์ แถวๆ สนามหลวง หรือวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหารซึ่งเป็นวัดแห่งหนึ่งที่สำคัญของประเทศไทย มีเนื้อที่ 50 ไร่ 38 ตารางวา อยู่ด้านทิศใต้ของพระบรมมหาราชวัง จัดเป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรมหาวิหาร และเป็นวัดประจำรัชกาลในรัชกาลที่ 1 แห่งราชวงศ์จักรี เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาวัดโพธาราม วัดเก่าที่เมืองบางกอกครั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นวัดหลวงข้างพระบรมมหาราชวัง

ที่ใต้พระแท่นประดิษฐานพระพุทธเทวปฏิมากร พระประธานในพระอุโบสถ เป็นที่บรรจุพระบรมอัฐิของพระองค์ท่านไว้

วัดโพธิ์ถือเป็นวัดที่มีพระเจดีย์มากที่สุดในประเทศไทย โดยมีจำนวนประมาณ 99 องค์ พระเจดีย์ที่สำคัญ คือ พระมหาเจดีย์ 4 รัชกาล พระมหากษัตริย์ในราชวงศ์จักรีทุกพระองค์ทรงถือว่า วัดโพธิ์ เป็นพระอารามหลวงที่มีความสำคัญมาก และทรงถือเป็นพระราชประเพณีที่จะทรงบูรณะซ่อมแซมวัดนี้ทุกรัชกาล นอกจากนี้วัดโพธิ์ยังเป็นเสมือนมหาวิทยาลัยแห่งแรกของไทย เพราะเป็นแหล่งรวบรวมวิชาความรู้ด้านต่างๆ ทั้งประวัติศาสตร์ วรรณกรรม และการแพทย์

ยูเนสโก ได้ขึ้นทะเบียนจารึกวัดโพธิ์จำนวน 1,440 ชิ้นเป็นมรดกความทรงจำโลกของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเมื่อเดือนมีนาคม 2551 และวันที่ 16 มิถุนายน 2554 ทางยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกความทรงจำโลกในทะเบียนนานาชาติ จำนวน 5 หมวด ได้แก่ หมวดประวัติศาสตร์ อาทิ จารึกรัชกาลที่ 1 เรื่องสร้างวัดพระเชตุพนฯ และเรื่องพระธาตุนครน่าน รายการปฏิสังขรณ์วัดพระเชตุพนฯ ถอดจากโคลงดั้น รายการแบ่งด้านปฏิสังขรณ์ถอดจากโครงหมวดพระพุทธศาสนา ได้แก่ จารึกเรื่อง พระสาวกเอกทัคคะ จารึกเรื่องอุบาสกเอกทัคคะ จารึกเรื่องอุบาสิกาเอกทัคคะ จารึกเรื่องอศุภ 10 และญาณ 10 จารึกเรื่องฎีกาพาหุง จารึกเรื่องพระพุทธบาท จารึกเรื่องธุดงค์ 13 จารึกเรื่องชาดก ตอนนิทานกถา จารึกเรื่องมหาวงศ์ จารึกเรื่องนิรยกถา จารึกเรื่องเปรตก หมวดวรรณคดี อาทิ จารึกเรื่องนารายณ์ 10 ปาง และเรื่องเบื้องต้นรามเกียรติ์ จารึกเรื่องสิบสองเหลี่ยม หมวดทำเนียบ ได้แก่ ทำเนียบสมณศักดิ์ ทำเนียบหัวเมืองขึ้นกรุงสยาม และหมวดประเพณี ได้แก่ จารึกเรื่องเมืองมอญกวนข้าวทิพย์ จารึกเรื่องมหาสงกรานต์ จารึกริ้วกระบวนแห่กฐินพยุหยาตราทางสถลมารค

การกลับมากรุงเทพฯ ครั้งนี้ ถึงแม้เป็นช่วงสั้นๆ ได้กิน ได้เที่ยว ทั้งอร่อยปาก และสุขใจ การได้กลับบ้านเกิดเมืองนอนนานๆ ครั้ง ทำให้รู้ว่าเมืองไทยของเราเป็นสวรรค์ของอาหารจริงๆ ความสุขที่สัมผัสได้ด้วยลิ้น
ผมว่าผมและคนไทยโชคดี