อยากผอม ... ไหม

อยากผอม ... ไหม

การเอาชนะใจตนเอง ไม่ยากเย็นอะไร เริ่มต้นที่แรงบันดาลใจ วางเป้าหมาย ลงมือปฏิบัติ วัดผล พัฒนาต่อเนื่อง สิ่งที่ได้รับก็คือ ความสุข

ผมจัด Course สั้นๆ สนุกๆในที่ทำงานให้กับพนักงานตามคำเรียกร้อง หลายคนสงสัยและตั้งคำถามว่า ทำไมผมดูผอมลงทุกวันๆ ทำอย่างไรจึงจะลดน้ำหนักได้แบบผม หลายคนได้โอกาสพูดคุยกับผมไปแล้ว แต่ก็ยังมีหลายคนที่ยังอยากรู้ รอบนี้จึงตัดสินใจจัดเป็นหลักสูตรอบรมฟังพร้อมๆ กันทีเดียวหลายๆ คน แต่มีเงื่อนไขให้ผู้เข้ารับการอบรมต้องปฏิบัติตาม อีกทั้งยังต้องเสียค่าเข้าฟังอีกท่านละ 300 บาท ครึ่งหนึ่งจะบริจาคเข้ามูลนิธิคุณแม่จินตนา อีกครึ่งหนึ่งจะเป็นเงินรางวัลสำหรับสามท่านแรกที่สามารถลดน้ำหนักได้สูงสุด และต้องได้มากกว่า 10% ของน้ำหนักตัว คนที่ทำไม่สำเร็จจะถูกปรับอีกคนละ 100 บาทเข้ามาสมทบเป็นเงินรางวัล โดยที่ทุกคนที่เข้าฟังต้องชั่งน้ำหนักตัวและบันทึกไว้ หลังสามเดือนผ่านไปทุกคนจะกลับมาชั่งน้ำหนักใหม่ว่าใครจะได้รางวัล

ที่จริงผมอยากเขียนบทความเรื่องนี้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา อยากเล่าเรื่อง “การเอาชนะใจตนเอง” แต่ก็ขอเลื่อนออกมาอีกสองเดือนมาเป็นวันนี้ เพื่อให้มั่นใจมากขึ้นว่าสิ่งที่ตนเองคิดว่าทำได้สำเร็จเป็นที่น่าพอใจและสามารถเป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่ผู้อื่นได้นั้น ผมสามารถรักษาระดับได้ดีอย่างต่อเนื่อง

ตั้งแต่ปลายๆ ปีที่แล้ว ผมลดน้ำหนักได้เดือนละ 3 กิโลกรัมติดต่อกันสี่เดือนโดยไม่มีสัปดาห์ไหนหรือวันไหนที่น้ำหนักจะกลับสูงขึ้น เรียกว่า ทำแนวรับ New Low ทุกวัน จากน้ำหนัก 82 กิโลกรัมตอนต้นเดือนตุลาคม น้ำหนักผมลดลงมาที่ 70 กิโลกรัมเมื่อสิ้นเดือนมกราคมและลงมาที่ 68 กิโลกรัมเมื่อถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ โดยรักษาระดับ 68-69 กิโลกรัมในเดือนมีนาคมจนถึงวันนี้

ง่ายนิดเดียวครับ อยากผอมต้องเอาชนะใจตนเอง มีหลักสำคัญๆ ง่ายๆ อยู่ไม่กี่ข้อ ดังนี้


Inspiration แรงบันดาลใจที่เกิดจากการไปงานศพแทบทุกสัปดาห์ เลือกเอาครับ หัวใจ เบาหวาน มะเร็ง ผู้คนที่จากไปก่อนเวลาอันควรล้วนแล้วแต่จากไปพร้อมกับโรคร้ายๆเหล่านี้ที่เกิดจากพฤติกรรมการกินอยู่แบบปัจจุบัน เวลาป่วยเป็นไข้หวัดก็ใช้เวลานานหลายสัปดาห์ และลงท้ายก็ต้องหายาแก้อักเสบมาทาน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของตับในระยะยาว ขึ้นบันไดไม่กี่ชั้นก็เหนื่อยเมื่อยล้า หัวใจเต้นแรง เหนื่อยหอบ ขอนั่งหายใจก่อนถึงจะพูดไหว ความจำเสื่อมก่อนวัย ลืมโน่นนี่นั่นตลอดเวลา โทรศัพท์ถืออยู่ที่มือ แว่นที่ใส่อยู่กะตา แต่ก็ยังเดินหาอยู่นาน ในทางกลับกันมองไปยังคนที่มีสุขภาพดี กระฉับกระเฉง Keep Fit ตลอดเวลา คอเลสเตอรอลต่ำ น้ำตาลไม่สูง เลือดไม่ข้น ไขมันไม่จับในเส้นเลือด ไม่ลงพุง เดินเหินมีความคล่องตัว เป็นหวัดสามวันหาย เหล่านี้พอจะเป็นแรงบันดาลใจได้หรือไม่

Goal เป้าหมายที่เห็นผลได้ชัดเจนอยู่ที่น้ำหนักตัว จากแรงบันดาลใจที่ต้องการมีสุขภาพดี ไม่ได้ตั้งใจจะลดความอ้วนแต่อย่างใด คอยปรับเป้าหมายใหม่ให้ลดลงมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างเช่น เดิมทีตั้งเป้าไว้ที่ 75 กิโลกรัมจาก 82 กิโลกรัม เมื่อทำได้แล้วก็ขยับเป้าเป็น 70 กิโลกรัม วันนี้ตั้งเป้าหมายใหม่ที่ 65 กิโลกรัมซึ่งอาจจะใช้เวลานานกว่าในช่วงแรก

Implementation แนวทางปฏิบัติได้จัดเป็น 2 เรื่องคือ เรื่องกินกับเรื่องออกกำลังกาย ทั้งสองเรื่องนี้ต้องการความตั้งใจและระเบียบอย่างมากในการเอาชนะใจตนเอง ส่วนตัวเชื่อว่า การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินมีผลกับการลดน้ำหนักมากกว่าการออกกำลังกายเป็นสัดส่วนถึง 70:30

เรื่องกินก็มีหลักง่ายๆ สองข้อ สิ่งที่ไม่กินกับสิ่งที่กิน สิ่งที่ไม่กินก็มี น้ำอัดลม น้ำหวานน้ำชงทุกชนิด ของหวาน กะทิ เค้ก ขนมปัง ขนมกรุบกรอบ ไอศครีม อาหารทอด Fast Food เครื่องในสัตว์ สัตว์ปีก รวมทั้งเลี่ยงการรับประทานอาหารนอกบ้าน สิ่งที่กินก็ให้เน้นหนักที่ ผัก ผลไม้ ธัญพืช ข้าวกล้อง ลดการปรุงแต่งอาหารให้ได้มากที่สุด แต่ใช้วิธีต้มตุ๋นนึ่ง หากจะมีอาหารผัดก็ให้ใช้น้ำมันรำข้าวแต่น้อย ปรุงรสด้วยเกลือไอโอดีนจากทะเลเพียงอย่างเดียว เลี่ยงการใช้ซอสปรุงรสทุกชนิด รับประทานปลา หมู สัปดาห์ละสามครั้ง ที่จริงแล้วก็แทบจะเป็นการรับประทานอาหารในแบบของ Macrobiotics ส่วนการออกกำลังกาย ในช่วงเดือนแรกๆ เดินสัปดาห์ละสามเช้า ครั้งละ 30 นาที ขอแค่ตั้งใจให้มีเหงื่อหยดจนเสื้อเปียกก็เป็นที่พอใจ ในวันหยุดสุดสัปดาห์ก็เพิ่มว่ายน้ำไปกลับไม่หยุด 30 นาที เวลาเดินหรือว่ายน้ำ ให้กำหนดระบบหายใจเข้าออกเป็นจังหวะสม่ำเสมอจะได้สมาธิดีมาก

Evaluation วัดผลด้วยการชั่งน้ำหนักวันเว้นวันในช่วงเวลาเดียวกันกับเครื่องชั่งน้ำหนักเครื่องเดิมเป็นประจำและบันทึกไว้ในโทรศัพท์มือถือ การวัดผลนี้เป็นแรงจูงใจให้มีกำลังใจที่จะปฏิบัติต่อเนื่อง หากมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นในครั้งใดก็ให้ลดปริมาณอาหารในวันต่อไป ตามด้วยการตรวจเลือดดูผลของ น้ำตาล LDL HDL ค่าทำงานของตับไต ฯลฯ ทุกๆปีผลของคอเลสเตอรอลของผมจะอยู่ที่ 210-220 mg% แต่ปีนี้ผลลดลงมาที่ 139 mg% เข็มขัดที่เคยใส่รูสุดท้ายต้องขยับเข้ามาใส่ที่รูแรก กางเกงก็นำไปแก้จากเอว 36 นิ้วให้เป็น 33 นิ้ว

Continuous Improvement ปรับปรุงตั้งแนวรับใหม่เรื่อยๆ Higher Goal พร้อมกับวิธีการ Implement ที่ปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เช่นกัน อย่างการกิน ในช่วงแรกอาจจะยังทานข้าวกล้องในปริมาณมากแต่ก็ค่อยๆ ลดลงจนมื้อเย็นเปลี่ยนเป็นผักลวกหรือผักสลัด และไม่กินหลังหนึ่งทุ่มไปแล้ว หากรู้สึกโหยในช่วงบ่ายๆ ก็ให้ทานผลไม้ หรือ ธัญพืช จำพวก ถั่วเขียว ถั่วแดง ลูกเดือย เม็ดบัว เลี่ยงผลไม้รสหวานที่ให้แคลอรี่สูงอย่าง กล้วยหอม ทุเรียน ขนุน มะม่วงสุก ละมุด ลำไย ลิ้นจี่ ตกดึกรู้สึกหิวก็ทานเป็นโยเกิร์ต น้ำผึ้งผสมมะนาว น้ำสมุนไพรจำพวก มะตูม กระเจี๊ยบ รากบัว ใช้น้ำผึ้งแทนน้ำตาล และเมื่อน้ำหนักลดลง ความสามารถในการออกกำลังกายก็จะเพิ่มมากขึ้น จากที่เคยเดินสัปดาห์ละสามครั้งก็ให้เดินทุกวัน จากครั้งละ 30 นาทีก็ให้เพิ่มเป็น 45 นาที และเดินทั้งเช้าและเย็น

Achievement ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามเป้าหมาย และผลพลอยได้อีกมากมายอย่าง ระบบขับถ่าย ผิวพรรณ หวัดหายเร็ว พลังใจ สติ ความจำ ฯลฯ การเปลี่ยนวิถีชีวิตในการลดละเลิกในสิ่งผิดทั้งไขมันเทียม สารปรุงแต่งทั้งรส กลิ่น สี สารเคมีทั้งจากยาและอาหารที่ถูกจัดการเพื่อธุรกิจมากกว่า สุดท้ายยังได้ฝึกเป็นคนพิจารณาและลดอารมณ์ร้อนได้ดีอีกด้วย

การเอาชนะใจตนเองให้ได้ในแต่ละเรื่อง ไม่ได้ยากเย็นอะไร หากต้องเริ่มต้นที่แรงบันดาลใจ วางเป้าหมาย ลงมือปฏิบัติ วัดผล พัฒนาต่อเนื่อง สิ่งที่ได้คือ ความสุข วันนี้ใครที่กำลังคิด เลิกเหล้า บุหรี่ นอนดึก เที่ยวกลางคืน เข้าทำงานสาย เป้าหมายทางธุรกิจ ... เชิญครับ