ลัดคลองปานามา เยี่ยมบ้านนายพลนอริเอกา

ลัดคลองปานามา เยี่ยมบ้านนายพลนอริเอกา

คลองปานามา มีประวัติความเป็นมาอันยาวนาน เป็นคลองพิเศษที่ไม่เหมือนคลองอื่นในโลกนี้ เพราะใช้เป็นทางผ่านของเรือบรรทุกสินค้าจากทั่วโลก

คลองนี้มีประวัติการทำสงครามแย่งชิงกันถึง 18 ครั้ง รวมถึงครั้งล่าสุดกับนายพลมานูแอล นอริเอกา

เรียกว่า กว่าจะเป็นคลองปานามาในปัจจุบันนี้ คลองนี้ได้คร่าชีวิตผู้คนนับเป็นหมื่นๆ คน

คลองปานามาเป็นทางน้ำที่อยู่ระหว่างมหาสมุทรแปซิฟิกและทะเลแคริบเบียน มีความยาวประมาณ 50 ไมล์ มีสามด่านที่เป็นชุมทางใหญ่ ระยะทางการเดินเรือจากฝั่งหนึ่งไปอีกฝั่งหนึ่งใช้เวลาประมาณ 14-16 ชั่วโมง คลองปานามามีเรือสินค้ารอเข้าคิวเพื่อผ่านเข้าออกเป็นจำนวน 13,056 ลำต่อปีจากกว่า 70 ประเทศทั่วโลก ช่วงการทำงานในบริเวณนี้ทำกันแทบเกือบ 24 ชั่วโมงทีเดียว

เรือใหญ่ที่จะผ่านบริเวณนี้ ต้องมีการยกระดับน้ำเข้าออก ให้น้ำสูงถึง 15-20 เมตร เรือถึงจะผ่านได้ ได้เห็นเรือต่อแถวเรียงคิวเหมือนคนเดินเข้าคิวซื้อตั๋วหนัง ตั๋วละคร ต่อคิวรายยาวแบบสุดขอบฟ้า

ในยุคสมัยอดีต ช่วงน้ำลดการเดินเรือค่อนข้างลำบาก แต่ตอนนี้มีน้ำในเขื่อนที่กั้นเก็บไว้สำหรับการเดินเรือช่วงหน้าแล้งแล้ว

ก่อนจะขับรถผ่านไปเมืองโคลอนซึ่งเป็นเมืองของชุมชนชาวแอฟริกาจาไมกา ได้แวะไปเยือนชุมชนย่านไชน่าทาวน์ซึ่งเป็นเขตเมืองเก่าแก่ พบปะผู้คนซึ่งเป็นชาวจีนพูดภาษาสเปนได้อย่างคล่องแคล่วว่องไว

ถามไปถามมา เขาเกิดที่นี่ ปู่ย่าตายายอพยพเข้ามาเมื่อสมัย 70-80 ปี ทำมาค้าขายที่นี่และตั้งชุมชนคนจีนอยู่บนถนนชื่อ ถนนอเมริกากลาง ขายหมูย่างเหมือนที่ชาวจีนไทยฮกเกี้ยนทำขายที่จังหวัดตรัง ทำเป็ดย่างขายรสชาติเหมือนในปักกิ่งตรงแถวหน้าพระราชวังฤดูร้อน ทำหมูแดงเหมือนย่านไชน่าทาวน์ที่นิวยอร์ก

ยังได้แวะตลาดปลาที่ขายทั้งปลาสด ปลาย่าง ปลาแช่เกลือ ปลาแช่นมเปรี้ยวและปลาทอด นักท่องเที่ยวที่แวะเยือนที่นี่ได้ชิมอาหารสดตามร้านอาหารที่ขายปลาอยู่ริมทะเล กินไปดูทะเลไป เห็นนกแร้ง นกนางนวลจำนวนมากที่มากินปลาเหลือ ปลาค้างคืนซึ่งชาวบ้านทิ้งไว้ในแถบนี้

ได้ทดลองชิมปลาหมึกและกุ้งเย็นตัวเล็กผสมมะนาวแบบไม่สุกซึ่งขายดิบขายดีจนต้องแวะชิม

กินกันสดๆ เดินไป กินไป หมดแบบไม่รู้ตัว ของเขาอร่อยจริงเพราะเป็นของสดที่เพิ่งจับมาจากทะเล

ตลาดปลาแห่งนี้ขายกันถึง 4-5 โมงเย็นก็จะปิด เพราะเปิดขายกันมาตั้งแต่ตี 5 ส่วนวันอาทิตย์จะเปิดเฉพาะร้านอาหารเท่านั้น

นอกจากอาหารทะเลสด ยังได้เห็นผลไม้จำพวกมังคุด เงาะ ลำไย ลางสาด น้อยหน่าให้รับประทานบ้าง แต่รสชาติเป็นแบบธรรมชาติของป่าที่ชาวบ้านเอาจากป่ามาขาย มิได้ทำเป็นเกษตรกรรมแบบบ้านเรา

ที่น่าสนุกอีกอย่าง คือ ร้านตัดผมที่ตั้งอยู่ริมทางเท้าเป็นจำนวนมาก ร้านเหล่านี้ตัดถูก ตัดเร็ว ได้ทรงตามที่ต้องการ และเปิดเพลงเสียงดังสนั่นลั่นฟ้า เพื่อเรียกความสนใจว่า ร้านนี้สามารถตัดผมตามที่ลูกค้าต้องการ

ชุมชนตลาดสดนี้เป็นย่านของชาวพื้นเมืองรวมถึงเป็นดินแดนที่รักใคร่นายพลนอริเอกา เป็นเขตแดนที่ไม่ยอมสยบให้กับทหารอเมริกาตอนที่รัฐบาลอเมริกาบุกเพื่อคุ้มครองเขตคลองปานามา บรรยากาศยังเป็นแบบเมืองเก่าสมัยยุคสเปนล่าอาณานิคม มีร่องรอยอดีตที่รุ่งเรือง

มาซื้อของในประเทศนี้ไม่ต้องแลกเงิน เพราะเขาใช้เงินเหรียญยูเอสในการซื้อขายสินค้า

สำหรับชุมชนเมืองใหม่ไม่ห่างจากเขตเมืองเก่าไปมากนัก ได้เห็นตึกสูงสวยงามไม่ต่างกับเมืองไมอามีบีชที่เอาแบบโครงสร้างมาจากอเมริกา ที่นี่มีตึกคล้ายตึกเอ็มไพร์สเตทที่นิวยอร์ก แต่ของเขาเป็นแบบกระจกแก้วเกือบทั้งหมด ดูสวยงามดี ตั้งอยู่ใจกลางเมืองมองเห็นได้ชัดเจนก่อนเข้าเมือง

ความเป็นอยู่ของผู้คนในละแวกเมืองเก่าและเมืองใหม่นี้ก็ต่างกันราวฟ้ากับดินเลย คนในเมืองนี้เวลานั่งรถแท็กซี่นิยมแชร์กันบ้างตามระยะทาง จอดรับผู้โดยสารที่เป็นทางผ่าน รับไม่เกินสามคนที่ไปทางเดียวกัน ค่ารถค่าราก็หารกันไป ถือเป็นการประหยัดน้ำมันในตัวเพราะน้ำมันประเทศนี้ราคาแพง

หนึ่งแกลลอนประมาณ 4 เหรียญกว่าๆ เท่ากับราคาน้ำมันที่ขายอยู่ที่นิวยอร์ก

ประเทศเขามีประชากรไม่มาก แต่มีหลากหลายเผ่าพันธุ์ ทั้งสเปน แอฟริกา พื้นเมือง ฝรั่งขาว และชาวเอเชีย ไม่มีทหารรักษาแนวชายแดน มีแต่เจ้าหน้าที่รัฐและเมืองที่ทำงานกันตามหน้าที่กันไป มีอาหารหลากหลายให้รับประทาน ความปลอดภัยตามท้องถนนค่อนข้างสูง คนผิวสีที่นี่ไม่ใช่เป็นเรื่องของความน่ากลัวเหมือนที่งมงายในสมัยอดีตอีกต่อไป

การเดินทางครั้งนี้สิ้นสุดด้วยความประทับใจ ได้มิตรพื้นเมืองท้องถิ่นเพิ่มขึ้นตามเฟซบุ๊ค ได้ชมภูมิประเทศ ผู้คน และรสชาติอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารทะเลที่อยู่ในเขตเมืองเก่าที่รับประกันว่า อร่อยลืมไม่ลง สมแล้วที่คลองปานามามีชื่อเสียงก้องโลก ผู้คนอยากได้เป็นเจ้าของ เพราะทำให้เราได้ซื้อของจากทั่วโลกเร็วขึ้นและถูกลงจนถึงทุกวันนี้