อนาคตเสื้อแดง

อนาคตเสื้อแดง

ผมไม่ใช่เสื้อแดงและไม่ใช่เสื้อเหลือง เพราะทั้งเสื้อแดงและเสื้อเหลืองต่างก็มีจุดดีและจุดด้อยไปคนละอย่าง

แต่หากจะให้ผมเลือกหรือจำเป็นต้องเลือกระหว่างการเป็นเสื้อเหลืองกับเสื้อแดงแล้ว ผมเลือกที่จะเป็นเสื้อแดงมากกว่า เพราะมีหลักการส่วนใหญ่ตรงกับรสนิยมทางการเมืองของผม เช่น ต่อต้านรัฐประหาร ต่อต้านความไม่เป็นธรรมในสังคม เชื่อในพลังเสียงของประชาชนที่ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งในหลักการพื้นฐานที่ว่าทุกคนเท่าเทียมกัน ฯลฯ

แต่ก็มีหลายๆ อย่างที่ไม่เห็นด้วยกับเสื้อแดง คือ

1) ไม่เห็นด้วยที่จะต้องมีสายการบัญชาการหรือจัดให้มีองค์กรใหญ่โต เพราะการกำเนิดของเสื้อแดงนั้นเป็นการมารวมตัวกันของผู้คนหลายกลุ่มหลายเหล่าที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมและทนเห็นความ อยุติธรรมไม่ได้ มีทั้งผู้อ่านหนังสือไม่ออกไปจนถึงศาสตราจารย์ดอกเตอร์ มีทั้งยาจกจนถึงเศรษฐี ที่สำคัญก็คือ แดงก็มีหลายโทน (Tone ) หรือหลายเฉด (Shade) มีทั้งแดงขวัญชัย แดงรักเชียงใหม่ 51 ฯลฯ การชุมนุมที่โบนันซาเขาใหญ่นั้นเป็นตัวอย่างได้ดีถึงความไม่พอใจของแดงหลายๆ กลุ่มที่ถูกปฏิบัติอย่างไม่เท่าเทียมกันจากผู้จัด ทั้งๆ ที่เป็นการชุมนุมเรียกร้องความเป็นธรรม ฉะนั้น การปล่อยให้เป็นการรวมตัวอย่างเป็นธรรมชาติทางการเมืองจึงเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุด ตัวอย่างเช่น การเคลื่อนไหวของ บก.ลายจุด /ม.เที่ยงคืน /กลุ่มปฏิญญาหน้าศาล /กลุ่ม ครก. 112 /เครือข่ายบ้านชุ่มเมืองเย็น ฯลฯ

2) ไม่เห็นด้วยที่แกนนำเสื้อแดงไปรับตำแหน่งทางการเมือง (ข้อนี้คงทำใจยากหน่อย) เพราะคุณต้องเลือกเอาระหว่างการเป็นผู้นำมวลชนที่ติดดินกับการเป็นขุนนางที่ใส่สูทตัวละเป็นหมื่น ไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรี ที่ปรึกษาฯ ส.ส. สว. ฯลฯ ซึ่งไม่ได้หมายความว่าแกนนำจะรับตำแหน่งทางการเมืองไม่ได้ ความหมายของผมก็คือ รับได้แต่ต้องยุติบทบาทการเป็นแกนนำ ไม่ใช่ถ่างขากั๊กอยู่อย่างนี้ ทำให้พลังต่อรองของเสื้อแดงลดลงกลายไปเป็นเพียงเบี้ยให้แกนนำที่เป็นขุนนางไพร่และพรรคเพื่อไทยเดิน

3) ไม่เห็นด้วยที่จะต้องสนับสนุนพรรคเพื่อไทยไปเสียทุกเรื่อง ต้องกล้าที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล หากเห็นว่ากระทำการไม่ถูกต้อง เช่น เกี้ยเซี้ยกับอำมาตย์และทหารจนเกินเหตุ ฯลฯ ที่สำคัญที่สุดคือการปล่อยให้คนเสื้อแดงตัวเล็กตัวน้อยที่ออกมาชุมนุมยังคงถูกจับกุมคุมขังอยู่ในเรือนจำโดยไม่กล้าที่จะออกกฎหมายนิรโทษกรรม ทั้งๆ ที่สามารถทำได้เพียงแต่ออกเป็นพระราชกำหนดเท่านั้น ซึ่งคงเป็นเพียงประเทศเดียวในโลกที่นักโทษทางการเมืองคือฝ่ายเดียวกับรัฐบาล ที่น่าเศร้าที่สุดก็คือการสังเวยชีวิตในเรือนจำของวันชัย รักสงวนศิลป์ส่งท้ายปีเก่าที่ผ่านมา

4) ไม่เห็นด้วยที่จะต้องเชื่อฟังรัฐบาลว่าใจเย็นๆ ขอพักเรื่องอื่นไว้ก่อน อาทิเช่น การแก้รัฐธรรมนูญ การ “คืนอำนาจ” สู่ท้องถิ่น เช่น ร่าง พรบ.เชียงใหม่มหานคร เป็นต้น ฯลฯ โดยขอให้รัฐบาลอยู่รอดและเอาทักษิณกลับบ้านให้ได้ก่อน ซึ่งอันที่จริงแล้วในช่วงนี้เป็นช่วงที่รัฐบาลสามารถทำอะไรได้หลายๆ อย่างแต่ไม่ทำ เพราะไม่ว่าฝ่ายทหารก็เข็ดขี้อ่อนขี้แก่จากการรัฐประหาร 19 กันยาที่ล้มเหลวจนถูกด่าไปทั้งเมืองเพราะเป็นการไปปลุกผีทักษิณขึ้นมาอีก มิหนำซ้ำยังต้องมาพะวงหน้าพะวงหลังกับคดีสลายการชุมนุมที่มาถึงตัวเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ส่วนอำมาตย์ก็น้ำยาเจือจางเต็มทีดังจะเห็นได้จากม็อบเสธอ้ายที่นกกระจอกไม่ทันกินน้ำก็โกยแนบ (ข่าวทางลับบอกว่าเสธอ้ายทนหิวข้าวไม่ไหวเลยประกาศสลายการชุมนุมน่ะ หุ หุ) ศาลรัฐธรรมนูญก็ถอยร่นจนแทบไม่มีที่ยืนในกรณีมาตรา 68 ของรัฐธรรมนูญเมื่อเจอพลังเสื้อแดงเข้าไปจึงต้องมีคำวินิจฉัยว่าไม่เข้าข่าย แต่ก็ยังไม่วายวางระเบิดเวลาไว้ในกรณีประชามติจนทำให้ฝ่ายรัฐบาลและรัฐสภาอุจจาระขึ้นสมองกันเป็นแถว

5) ไม่เห็นด้วยที่จะต้องจัดให้มีการชุมนุมใหญ่โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรุงเทพเพราะแทนที่จะดีกลับถูกชาวบ้านชาวช่องด่าเสียเปล่าๆ เพราะไปทำให้รถติด แต่เห็นด้วยที่จะให้มีการชุมนุมในแต่ละจังหวัดหรือแต่ละชุมชนในที่สาธารณะที่ไม่กีดขวางทางจราจรทำให้เสียแนวร่วมโดยใช่เหตุ ยิ่งบ่อยยิ่งดีจะได้มีความต่อเนื่องและแสดงให้เห็นถึงความตื่นตัวทางการเมือง

6) ไม่เห็นด้วยที่สื่อแดงทั้งหลายทั้งแดงเข้มและแดงอ่อนๆ จะไปกีดกันความเห็นต่างกับของตนเอง เช่น การปลดรายการของจอม เพชรประดับ หรือถอดละครเหนือเมฆ (แม้บางคนจะเรียกว่า “ยกเมฆ” ก็ตาม) เป็นต้น ทั้งนี้ ก็เพื่อให้โทรทัศน์ที่บ้านจะได้ดูกันได้หลายๆ คน ไม่ใช่ต้องหนีไปดูทีวีใครทีวีมันเช่นทุกวันนี้ และหากทั้งบ้านมีเครื่องเดียวก็ต้องทนดูเครื่องของผู้เป็นใหญ่ในบ้านเป็นผู้กำหนด ซึ่งก็แล้วแต่ว่าในบ้านนั้นใครคือผู้เป็นใหญ่ที่แท้จริง

7) ไม่เห็นด้วยที่เสื้อแดงทั้งหลายจะต้องเลือกคนที่พรรคกำหนดให้เป็นผู้สมัครเสมอไป ตัวอย่างที่ดีก็คือการที่เสื้อแดงสันกำแพงและหลายๆ ที่เริ่มเรียกร้องให้มีการหยั่งเสียงหรือการเลือกตั้งเบื้องต้น (primary หรือ caucus) แทนการกำหนดตัวผู้ลงสมัครจากเบื้องบนลงมา (Top - Down) และปฏิเสธที่จะลงคะแนนให้หากไม่ผ่านกระบวนการเบื้องต้นมาก่อน

อารมณ์และพฤติกรรมทางการเมืองนั้นเปลี่ยนแปลงได้เสมอ ไม่มีอะไรคงทนถาวร ดังคำกล่าวที่ว่า “ไม่มีมิตรแท้ และศัตรูถาวรทางการเมือง” ฉันใด หากเสื้อแดงยังคงมีการรวมกลุ่มและจัดตั้งกันแบบนี้ และหากยังมีความสัมพันธ์กับพรรคเพื่อไทยในลักษณะปัจจุบันนี้ อีกไม่นานก็ถึงคราวเสื่อมถอย

แต่หากมีการปรับปรุงระบบความสัมพันธ์ดังที่กล่าวไว้ข้างต้นตามความเห็นของผมในฐานะกัลยาณมิตรแล้วไซร้ ความยั่งยืนสถาพร ก็จะบังเกิดขึ้น และเมื่อนั้นประชาธิปไตยที่มีความหมายว่าอำนาจอธิปไตยที่ประชาชนเป็นใหญ่ก็จะเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง

หากยังก้าวข้ามไม่พ้นกับยศถาบรรดาศักดิ์ที่เขาหยิบยื่นให้ ก้าวข้ามไม่พ้นการเป็นเจ้าของคนเสื้อแดงที่ถึงแม้จะตายเป็นศพไปแล้วยังตามไปบงการว่าจะให้สวดข้ามปีหรือไม่ให้สวดข้ามปีอยู่อีก ความเสื่อมย่อมเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

ไม่มีใครทำลายพลังของคนเสื้อแดงได้หรอกครับเพราะเป็นพลังบริสุทธิ์จากทุกชนชั้นที่ทนไม่ได้กับความไม่เป็นธรรมในสังคม เว้นเสียแต่ว่าเสื้อแดงจะทำลายตนเอง ด้วยการเห็นแก่ลาภยศสรรเสริญและการกล่าวโจมตีสาดโคลนทะเลาะกันของมวลชนเสื้อแดงเท่านั้นเอง