จบเรื่องผู้สมัครชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯกทม.ของพรรคประชาธิปัตย์

จบเรื่องผู้สมัครชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯกทม.ของพรรคประชาธิปัตย์

เจ้าของแชมป์เก่า ที่ล็อกสเปก คุณชายสุขุมพันธุ์ บริพัตร เรียบร้อยโรงเรียนสุเทพ เทือกสุบรรณ ไปเรียบร้อยแล้ว

0 ก็ถึงคิวของพรรคเพื่อไทย ที่จะทำความเข้าใจกับสมาชิกพรรค เรื่องการส่ง"คนนอก"อย่าง พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ที่เตรียมทิ้งตำแหน่ง รองผบ.ตร.และเลขาธิการ ป.ป.ส.มาลงผู้ว่าฯกทม.ในนามพรรคเพื่อไทย

0 เพราะเรื่องนี้ ยังมีแรงต้านของสมาชิกภาค กทม.กลุ่มหนุน "คุณหญิงหน่อย" สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ที่อารมณ์ค้าง และยังแรงไม่เลิก

0 จะว่าไปแล้ว เบื้องลึกเบื้องหลัง การตัดสินใจเลือก พล.ต.อ.พงศพัศ ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก สำหรับ "นายใหญ่ดูไบ" เพราะในโค้งเกือบสุดท้าย ที่จะต้องเคาะชื่อ ก็มีประเด็นที่หวิดทำให้ต้องเปลี่ยนแผนกันกลางคัน ด้วยปัจจัยเสี่ยง 3 ประการ อันได้แก่

0 หนึ่ง ผลสำรวจความนิยมส่วนตัวของ พล.ต.อ.พงศพัศ ที่พรรคได้ซุ่มทำ ปรากฏว่า ยังไม่ชนะ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ของพรรคประชาธิปัตย์ ชนิดที่จะวางใจได้

0 สอง กรณีปัญหาของ "มวลชนคนเสื้อแดง" แนวร่วมของพรรค ก็อาจทำให้มีปัญหาทั้ง 2 ด้าน คือ คนเสื้อแดงซึ่งอยู่ในพื้นที่ กทม.รอบนอก ไม่ได้เห็นดีเห็นงามกับการเลือก พล.ต.อ.พงศพัศ มากไปกว่า "คุณหญิงสุดารัตน์" และอีกด้าน คือ กระแสคนกทม.ในเขตเมือง รังเกียจกระแส"เสื้อแดง" ที่เป็นเนื้อเดียวกันกับพรรคเพื่อไทย

0 สาม เรื่องภาพพจน์ความเป็นตำรวจของ พล.ต.อ.พงศพัศ หาได้เป็นคะแนนบวกในยุครัฐบาลเพื่อไทย ที่ถูกมองว่าเป็นรัฐตำรวจ

0 ผลที่ออกมาดังนี้ ทำให้เกิดอาการลังเลภายในพรรค เพราะบรรดาแกนนำพรรค และนักยุทธศาสตร์ด้านการเลือกตั้งของพรรค ก็ยังหนักใจกับประเด็นเหล่านี้ แต่ปัญหาที่ใหญ่กว่านั้น คือ "ตัวเลือก" สำหรับพรรคในเวลากระชั้นชิดเช่นนี้ ก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้แล้ว

0 ขณะที่ ฟาก พล.ต.อ.พงศพัศ เอง ก็รับรู้สถานการณ์รอบด้านของตัวเองดี จนถึงกับขยับจะขอเปลี่ยนแผนเป็นการขอลงในนาม "ผู้สมัครอิสระ" โดยมีพรรคเพื่อไทยสนับสนุน เหมือนเมื่อครั้งที่พรรคเพื่อไทยเคยใช้วิธีนี้ ในการส่ง "ปวีณา หงสกุล" ลงสมัคร เมื่อปี 2547 ในการชิงกับ อภิรักษ์ โกษะโยธิน จากประชาธิปัตย์ ที่ลงสมัครครั้งแรก โดยเห็นว่าสถานการณ์ในวันนั้น ไม่เหมือนกับวันนี้ ที่กระแสนิยมประชาธิปัตย์เองก็ร่อแร่ โดยมั่นใจว่า ความดันทุรังส่ง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ที่กระแสไม่ดีนัก ก็ทำให้ตัวเองมีลุ้นสูง

0 แต่ พล.ต.อ.พงศพัศ ก็ได้แค่คิด เพราะมาถึงขนาดนี้ แล้ว "เพื่อไทย"ในฐานะที่เป็นพรรคใหญ่ ก็ไม่ยอมเสียเชิงพรรคแกนนำรัฐบาล สุดท้าย "นายใหญ่ดูไบ" ก็ไฟเขียวให้ไป "วัดดวง" กันในสนามเลือกตั้ง ชนิดที่ งานนี้ ทุ่ม(งบหลวง)ไม่อั้น

0 แถมยังมียุทธศาสตร์ ทั้งบนดินใต้ดิน ที่ปูเอาไว้แล้ว โดยเฉพาะการ ถล่มฝ่ายตรงข้าม โดยใช้คณะกรรมการภาคกทม.ของพรรค ที่ตั้งทีมงานไว้ 5 ชุด ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่แล้ว สำหรับประชาสัมพันธ์นโยบายของพรรคและจับผิดฝ่ายตรงข้าม ได้แก่

0 ชุดติดตามตรวจสอบผลงานระดับเขต ชุดติดตามตรวจสอบผลงานระดับผู้บริหารกทม. ชุดติดตามตรวจสอบการใช้งบประมาณของกทม. ชุดเผยแพร่ผลงานที่ย่ำแย่ของกทม. และชุดยุทธศาสตร์ปรับเปลี่ยนเพิ่มเติมโดยคนกทม.เพื่อคนกทม.เพื่อพัฒนากทม. ซึ่งผลงานของกรรมการทั้ง 5 ชุดนี้ เริ่มปรากฏในการเตะตัดกระแส ผู้ว่าฯสุขุมพันธุ์ ทีมผู้บริหารกทม.ของค่ายสะตอมาเป็นระยะ

0 ฉะนั้นเดิมพันครั้งนี้ ทั้ง 2 พรรคใหญ่ จึงประมาทกันไม่ได้ แม้แต่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผู้สมัครอิสระ อย่าปรามาสว่าเป็นแค่ "ไม้ประดับ" เพราะหากพลาดเมื่อไหร่ "ตัวตัดคะแนน" ก็อาจกลายเป็น "ตาอยู่"!..