Home alone ทิ้งเด็กไว้ลำพัง ผิดกฎหมายนะจ๊ะ

Home alone ทิ้งเด็กไว้ลำพัง ผิดกฎหมายนะจ๊ะ

รู้กันดีว่า เราไม่ควรปล่อยเด็กให้อยู่ตามลำพัง แต่ในความเป็นจริง หลายครอบครัวก็ไม่ได้มีสิทธิเลือกมากนัก แล้วเรื่องนี้มีทางออกไหม?

แม้จะรู้กันดีว่า เราไม่ควรปล่อยเด็กให้อยู่ตามลำพัง แต่ในความเป็นจริง หลายครอบครัวก็ไม่ได้มีสิทธิเลือกมากนัก ทั้งเงื่อนไขเรื่องฐานะ หรือต่อให้มีเงินจ้างคนเลี้ยง แต่เราจะมั่นใจได้อย่างไร ว่า เด็กจะปลอดภัยที่เนอร์สเซอรี่

โดยเฉพาะทราบหรือไม่ว่า ตาม พรบ.คุ้มครองเด็ก 2546 หมวด 2 มาตรา 25 กำหนดว่า ผู้ปกครองต้องไม่กระทำการละทิ้งเด็กไว้  ณ สถานที่ใดๆ โดยไม่จัดให้มีการป้องกันดูแลสวัสดิภาพหรือให้การเลี้ยงดูที่เหมาะสม โดยผู้ใดฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามเดือนหรือปรับไม่เกินสามหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

ทางออกจากเรื่องนี้คืออะไร?

รศ.นพ.อดิศักดิ์ ผลิตผลการพิมพ์ ผู้อำนวยการสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า โดยหลักการแล้ว เด็กจะสามารถอยู่ได้ด้วยตนเองเมื่ออายุประมาณ12 ปี 

แต่เด็กต้องได้รับการฝึกฝน ได้รับการสอน จัดสิ่งแวดล้อมให้ปลอดภัย และได้รับการประเมินแล้วว่า สามารถอยู่ได้ตามลำพัง โดยผู้ปกครองต้องฝึกเด็กตั้งแต่อายุ 10 ปีขึ้นไป มีการฝึกการทดสอบการแก้ไขปัญหาต่างๆ รวมถึงกรณีฉุกเฉินด้วย ซึ่งเป็นลักษณะเด็กอยู่คนเดียว (Home Alone) 

แต่กรณีเด็ก 4 คนที่เป็นข่าวไม่ใช่ลักษณะเด็กอยู่คนเดียว แต่เด็กที่เป็นพี่คนโตวัย 11 ปีต้องดูแลน้องอีก 3 คน คุณตาเล่าว่า เหตุน่าจะเกิดจากพี่คนโตช่วยแม่ล้างจานอาจทำจานตกลงไปก่อน และจะเก็บจานอาหารที่ทำตกลงไป  ทำให้พลัดตก และน้องอีก 3 คน ก็พยายามที่จะช่วยเหลือพี่ทำให้ตาข่ายรับน้ำหนักไม่ได้ 

หากพี่ไม่เก็บจานหรือน้องใช้วิธีการเรียกเพื่อนบ้านมาช่วย เหตุการณ์ทั้งหมดอาจะไม่เกิดเช่นนี้ จึงแสดงให้เห็นว่าเด็กอยู่คนเดียวหรือเด็กที่ต้องดูแลน้องโดยไม่มีผู้ใหญ่อยู่ ต้องมีทั้งวุฒิภาวะ และต้องได้รับการฝึกฝน  

ทั้งนี้ สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็ก และ ศูนย์วิจัยเพื่อสร้างเสริมความปลอดภัยในเด็ก ได้จัดทำ “โครงการทักษะความปลอดภัย” ที่แบ่งตามอายุของเด็ก 10 ทักษะความปลอดภัยที่เด็กต้องเรียนรู้ในโรงเรียน 

โดยพฤติกรรม Home Alone จะเริ่มสอนตอนอายุ 10 ปี ให้เด็กเรียนรู้เรื่องการตัดสินใจ การแก้ปัญหาฉุกเฉิน การถูกล่อลวง เป็นต้น ฉะนั้น เหตุฉุกเฉินมีอีกหลายกรณีไม่ใช่เรื่องเด็กตกตึกเท่านั้น ดังนั้น ต้องช่วยกันสร้างแนวคิดให้สังคมหันมาสนใจ โดยต้องยกระดับความรู้สึกร่วมรับผิดชอบให้เพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ ปัจจุบัน ยังมีหน่วยงานที่มีหน้าที่ให้ความช่วยเหลือ คือ บ้านพักเด็ก ซึ่งมีครบทุกจังหวัด แต่ไม่เพียงพอรองรับได้ไม่หมด

สิ่งที่พยายามเรียกร้องคือ การคุ้มครองเด็กระดับท้องถิ่น ซึ่งอยู่ระหว่างการพัฒนา เพื่อให้ท้องถิ่น ชุมชน ไม่ต้องส่งเด็กมาที่บ้านพักเด็กซึ่งมีเพียง 1 แห่งต่อ 1 จังหวัด โดยจะต้องมีการผลิตนักพัฒนาเด็กและครอบครัวชุมชนให้เกิดขึ้น เพื่อเป็นศูนย์ในการดูแลเด็กกลุ่มเปราะบาง กลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงในช่วงวันหยุด ช่วงเวลากลางคืน ซึ่งเป็นแนวคิดในการพัฒนาเพื่อขยายงานในการคุ้มครองเด็กของบ้านพักเด็กให้ลงถึงชุมชนได้

“กรณีเด็ก 4 คน ควรจะถูกค้นพบปัญหาได้ตั้งแต่เพื่อนบ้าน ไม่ใช่เห็นว่าพี่เป็นเด็กดีสามารถดูแลน้องได้ ซึ่งในความเป็นจริงเด็กอายุ 11 ปี ไม่ควรดูแลน้องถึง 3 คน ตามลำพัง เพื่อนบ้านต้องโทรแจ้ง 1300 เพื่อให้เข้าไปช่วยเหลือ โรงเรียนที่มีกระบวนการเยี่ยมบ้านเด็ก เมื่อครูพบว่าเด็กนักเรียนของตนเองอายุ11 ปี ต้องอยู่บ้านตามลำพังข้ามคืน โดยต้องดูแลน้องถึง 3 คนและยังดูแลน้องที่มีเด็กอายุต่ำสุด 5 ขวบอีก ครูต้องไปเยี่ยมบ้านและต้องตัดสินใจให้การช่วยเหลือเด็ก 

ดังนั้น การลงสำรวจพื้นที่โดยเจ้าหน้าที่ของบ้านพักเด็ก และรวมถึงโรงเรียนที่มีกระบวนการให้ครูเยี่ยมบ้านเด็ก มีความจำเป็นมากเมื่อพบเด็กอยู่คนเดียวตามลำพัง ต้องดูแลน้องตามลำพังกลางคืน หรือเพื่อนบ้านต้องโทรแจ้ง 1300 เพื่อแจ้งเจ้าหน้าที่ โดยเจ้าหน้าที่ต้องจัดการวิเคราะห์ปัญหาจะให้การช่วยเหลืออย่างไร เพราะขณะนี้ มีเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กเท่านั้นที่ทำหน้าที่นี้ซึ่งไม่เพียงพอ ฉะนั้น ต้องสร้างให้มีเจ้าหน้าที่พัฒนาเด็กและครอบครัวท้องถิ่น หรือ อาจจะใช้ระบบเพื่อนบ้านเข้ามาช่วย แต่อย่างไรจะต้องไม่ให้เด็กอยู่ตามลำพังต้องมีการจัดการเกิดขึ้นอย่างเป็นระบบ” รศ.นพ.อดิศักดิ์ กล่าว

เช่นกันกับกรณีพบเห็นหรือสงสัยว่า เด็กถูกทำร้าย สามารถโทรแจ้งที่เบอร์ 1300 ได้ทันที

•••••••••••••••••

ข้อมูลจากการแถลงข่าว โดยสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับ ศูนย์วิจัยเพื่อสร้างเสริมความปลอดภัยและป้องกันการบาดเจ็บในเด็ก โรงพยาบาลรามาธิบดี และสำนักสนับสนุนสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัว สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)