เกิร์ลกรุ๊ปยุคบิทคอยน์

เกิร์ลกรุ๊ปยุคบิทคอยน์

ญี่ปุ่นขึ้นชื่อเรื่องการผลิตไอดอลกรุ๊ปที่มีคอนเซปท์แปลก ๆ ออกมา ล่าสุดคือ สาว ๆ วง Virtual Currency Girls ที่จะมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลที่กำลังเป็นของใหม่ในตลาดการเงินขณะนี้

สาวๆ ทั้ง 8 คนในวง Virtual Currency Girls หรือ Kasotsuka Shojo ในภาษาญี่ปุ่น จะสวมหน้ากากที่มีขนยาวฟู แสดงโลโก้เป็นตัวแทนของสกุลเงินที่แตกต่างจากที่เคยมีมา ไม่ว่าจะเป็น บิทคอยน์ อีเธอเรียม และริปเปิล

เพลงเปิดตัวของพวกเธอคือ The Moon, Cryptocurrencies and Me ที่มีเนื้อร้องท่อนหนึ่งว่า “ระวังพาสเวิร์ดของคุณให้ดี อย่าใช้อันเดิมล่ะ” (Be careful about your password! Don't use the same one!) เพื่อเตือนถึงอันตรายของการแลกเปลี่ยนด้วยสกุลเงินดิจิทัล และ “อย่าประเมินตลาดนี้ต่ำไปนัก” (Don’t underestimate the market!)

พวกเธอสวมชุดแบบสาวใช้ (แบบที่เคยเห็นในการ์ตูนญี่ปุ่น) และสวมหน้ากากนักมวยปล้ำที่มีพู่ฟูๆ ตรงหูทั้งสองข้าง รวมถึงมีสัญลักษณ์ของสกุลเงินดิจิทัลต่างๆ อยู่บนหน้ากากทั้งแปด ซึ่งสาวๆ วง Virtual Currency Girls กำลังกลายเป็นปรากฏการณ์สะท้อนความบ้าคลั่งในสกุลเงินดิจิทัลของวงการเพลงป๊อบที่กระจายไปทั่วทั้งญี่ปุ่นรวมถึงส่วนอื่นๆ ในโลกตอนนี้ด้วย

 

n-bitcoingirls-z-20180111

 

สาวๆ กลุ่มนี้เปิดตัวมาภายใต้บริษัท ซินเดอเรลลา อคาเดมี (Cinderella Academy) บริษัทด้านความบันเทิงของญี่ปุ่น เพื่อให้ความรู้แก่สาธารณะเกี่ยวกับโลกของเงินดิจิทัล และผลประโยชน์ของการกระจายอำนาจสกุลเงินดิจิทัลอย่าง บิทคอยน์

ราระ นารุเสะ วัย 18 ปี หัวหน้าวงกล่าวว่า “สกุลเงินพวกนี้ใช้สะดวกมาก คุณอาจจะนึกว่าทำไมเราไม่มีพวกมันมาก่อนหน้านี้ เราอยากให้ทุกคนเรียนรู้เกี่ยวกับมันให้มากขึ้นค่ะ”

เธอบอกว่า ความตั้งใจของวงไม่ใช่การโปรโมทการลงทุน แต่จะเป็นการสอนผู้คนเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลในแบบบันเทิงมากกว่า

หากใครจะซื้อบัตรชมคอนเสิร์ตหรือซื้อของในคอนเสิร์ตของพวกเธอก็จะต้องจ่ายเงินเป็นสกุลเงินดิจิทัล โดยทางวงบอกว่า พวกเธอได้ปฏิเสธการรับข้อเสนอเป็นเงินเยน และจะซื่อสัตย์ต่อเงินดิจิทัล แม้ว่าเงินไซเบอร์ 530 ล้านดอลลาร์นั้นอาจไปไม่ถึงพวกเธอได้ก็ตาม

ฮินาโนะ ชิราฮามะ สมาชิกในวงซึ่งเป็นตัวแทนของบิทคอยน์ กล่าวว่า “ผู้จัดการของเราเสนอจะจ่ายให้เราเป็นเงินเยน แต่เราปฏิเสธ”

ตอนนี้ บัญชีเงินดิจิทัลที่จ่ายค่าตอบแทนส่วนหนึ่งของวงก็อยู่ในกลุ่มเงินที่ถูกแช่แข็งไว้ เป็นผลมาจากระงับการถอนทุกสกุลเงินชั่วคราวบนแพลตฟอร์มของ Coincheck เว็บเทรดสัญชาติญี่ปุ่น เนื่องจากเหรียญ XRP มูลค่ากว่า 123 ล้านดอลลาร์ได้หายออกไปจากระบบ ซึ่งคิดเป็นมูลค่ากว่า 123.5 ล้านดอลลาร์ได้ถูกโอนออกจากกระเป๋าสตางค์ของเว็บ โดยมีการรายงานอย่างไม่เป็นทางการว่า เหรียญ NEM มูลค่ากว่า 6 ร้อยล้านดอลลาร์ก็หายไปจากเว็บเช่นกัน โดย NEM ก็เป็นหนึ่งในสกุลเงินดิจิทัลที่ได้รับความนิยมสุดในโลก

ชิราฮามะ และสมาชิกคนอื่นๆ ในกลุ่มบอกว่า พวกเธอจะอยู่ด้วยกันแม้ว่าสกุลเงินพวกนี้จะล้มเหลวก็ตาม

ญี่ปุ่นเป็นแหล่งสกุลเงินดิจิทัลขนาดใหญ่ และเป็นตลาดบิทคอยน์ที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองของโลก รองจากอเมริกา จากข้อมูลที่อ้างอิงจากเว็บไซต์ jpbitcoin.com เกือบหนึ่งในสามของการเทรดเงินผ่านบิทคอยน์ทั่วโลกในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา มาจากสกุลเงินเยน

เงินดิจิทัลกำลังเป็นที่นิยมอย่างมากโดยเฉพาะในกลุ่มนักลงทุนรุ่นใหม่ในญี่ปุ่นที่หวังถึงแนวโน้มของกำไรมากมายในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจตกต่ำลงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา รวมถึงผลตอบแทนจากสินทรัพย์ที่ต่ำลงอย่างต่อเนื่อง

ปีที่แล้ว หน่วยงานทางด้านการเงินของญี่ปุ่นได้ผ่านกฎหมายที่รวมบิทคอยน์เป็นเงินที่ถูกต้องตามกฎหมายด้วย และยินยอมให้มีการแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลทั้ง 11 สกุล เป็นการเคลื่อนไหวที่ทำให้ตัวเองต่างไปจากหลายๆ ประเทศเช่น จีน ที่มีข้อจำกัดในการใช้สกุลเงินดิจิทัล

หน่วยงานที่ดูแลกฎหมายต่างหวาดกลัวถึงการเก็งกำไรอย่างรุนแรงในหน่วยเงินดิจิทัล และความเสี่ยงที่ตลาดอาจถูกใช้เป็นเงินทุนให้กับกลุ่มอาชญากรและกลุ่มก่อการร้าย

Financial Services Agency (FSA) สำนักงานกำกับดูแลสถาบันทางการเงินของญี่ปุ่น ได้เริ่มให้การแลกเปลี่ยนเงินเหล่านี้ลงทะเบียนตั้งแต่เดือนเมษายน 2017 กว่าครึ่งของผู้ดำเนินการธุรกิจนี้ทั้ง 32 รายกำลังอยู่ในระหว่างรอการอนุมัติ

ในปี 2014 Mt. Gox อดีตบริษัทแลกเปลี่ยนเงินบิตคอยน์อันดับหนึ่งที่ดูแลการแลกเปลี่ยนบิตคอยน์กว่า 80 เปอร์เซ็นต์ทั่วโลก ถูกฟ้องล้มละลายหลังจากสูญเสีย Bitcoin จำนวน 750,000 BTC

เดือนที่แล้ว ยูบิท (Youbit) ของเกาหลีใต้ก็ได้ปิดตัวลง และถูกฟ้องล้มละลายหลังจากถูกโจรกรรมข้อมูลสองครั้ง

FSA ของญี่ปุ่นได้วิเคราะห์ว่า เว็บ Coincheck ล้มเหลวในการดูแลความปลอดภัยเพื่อป้องกันการโจรกรรมข้อมูล และกล่าวว่า ทางหน่วยงานอาจเริ่มตรวจสอบการแลกเปลี่ยนในแพลตฟอร์มอื่นๆ ด้วย

“Coincheck มีความรับผิดชอบ แต่ผู้ทำความผิดที่แท้จริงคือบรรดาแฮคเกอร์” โคฮารุ คามิกาวะ หนึ่งในสมาชิกวง Virtual Currency Girls กล่าว เธอสวมหน้ากากที่มีสัญลักษณ์ NEM อยู่บนหน้าผากของเธอ

 

 

virtual-currency-girls-banner1