บทเรียนชีวิตจากหญิงแกร่ง “ชาร์ลีซ เธรอน”
ชาร์ลีซ เธรอน มักจะได้รับบทหญิงแกร่งเช่นเดียวกับตัวจริงของเธอที่กัดฟันผ่านเหตุการณ์เลวร้ายในชีวิตมาจนเป็นซูเปอร์สตาร์เบอร์ต้น ๆ ของวงการได้
หากพูดถึงนักแสดงหญิงที่มีภาพลักษณ์สูงส่งประดุจนางพญา ดูแข็งแกร่งราวกับไม่มีอะไรจะโค่นลงได้ ต้องยกให้ ชาร์ลีซ เธอรอน นักแสดงหญิงสายเลือดแอฟริกาใต้ วัย 42 ปี
ออราความเข้มแข็งที่แผ่ซ่านออกมาจากข้างในทำให้ชาร์ลีซได้รับบทบาทออกไปในแนว "ดอกไม้เหล็ก" เยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นบท “ไอรีน วูร์นอส” ฆาตกรต่อเนื่องหญิงชาวสหรัฐในภาพยนตร์เรื่อง Monster ที่ทำให้เธอคว้ารางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมไปครอง
บท “ราชินีราเวนนา” ใน Snow White and the Huntsman (2012)
“ฟูริโอซา” หญิงแกร่งแขนเดียวใน Mad Max: Fury Road (2015)
“ไซเฟอร์” ตัวร้ายผู้หญิงคนแรกในหนังตระกูล Fast จาก The Fate of the Furious (2017)
ล่าสุด คือบทสายลับสาวนักบู๊ ใน Atomic Bomb (2017)
แต่จะบอกว่า ชาร์ลีซ ไม่ได้เข้มแข็งแต่ภาพลักษณ์ในหนังเท่านั้น ในชีวิตจริงเธอก็เป็น “หญิงแกร่ง” ที่ผ่านเรื่องเลวร้ายในชีวิตอย่างการเห็นแม่ตัวเองยิงพ่อตายต่อหน้าต่อตามาได้
นักแสดงสาวดีกรีออสการ์เพิ่งจะมาเปิดอกเล่าเรื่องนี้กับ “นิวยอร์ก ไทม์ส” เอาตอนที่เดินสายโปรโมทหนังเรื่อง Atomic Bomb นี่เอง
เรื่องน่าเศร้านี้เกิดขึ้นตอนชาร์ลีซอายุได้ 15 ปี เธออาศัยอยู่กับครอบครัวในสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ บ้านเกิด พ่อของเธอซึ่งติดเหล้าและชอบทำร้ายแม่อยู่เป็นประจำได้กลับบ้านมาในสภาพเมาแอ๋เหมือนเคย
แต่ที่ต่างออกไปจากทุกครั้ง คือ คราวนี้พ่อควักปืนมาขู่แม่ของชาร์ลีซ แถมยังลั่นกระสุนออกมาจริง ๆ ด้วย แม่ของเธอก็เลยควักปืนของตัวเองออกมาแล้วยิงสวนกลับไป ผลก็คือ พ่อของเธอเสียชีวิต แต่ศาลตัดสินว่าเป็นการป้องกันตัว แม่จึงไม่ต้องติดคุก
สำหรับชาร์ลีซซึ่งกำลังอยู่ในวัยรุ่น สิ่งที่เกิดตามมาหลังจากนั้นเลวร้ายกว่าอุบัติเหตุที่ทำให้พ่อเสียชีวิตซะอีก เพราะมันทำให้ครอบครัวเธอแทบจะพังทลายลงเลย
“นั่นคือชีวิตวัยเด็กทั้งหมดของฉัน ความบอบช้ำทางจิตใจของฉันเกิดจากเรื่องนั้นทั้งหมด” คือประโยคที่เธอบรรยายถึงเหตุการณ์นี้
สาเหตุที่หยิบเอาเรื่องนี้มาเขียนถึงไม่ได้จะต้องการตอกย้ำความรันทดหม่นไหม้ในชีวิตของชาร์ลีซ แต่เป็นเพราะชื่นชอบความเข้มแข็ง และทัศนคติการใช้ชีวิตที่ทำให้เธอก้าวขึ้นมายืนอยู่ในแถวหน้าของฮอลลีวู้ดได้
แล้วดูเหมือนว่าชาร์ลีซเองก็ภูมิใจกับเรื่องนี้ไม่น้อยเช่นกัน
“ฉันมีชีวิตรอดมาได้ ฉันภูมิใจเรื่องนี้นะ แล้วฉันก็ทำงานหนักด้วย ฉันไม่กลัวเรื่องนั้นแล้ว และฉันก็ไม่กลัวความมืดด้วย”
ปัจจุบันชาร์ลีซเป็นโสด แต่มีลูกบุญธรรมที่รับมาเลี้ยงสองคน แล้วยังทำงานเพื่อสังคมมากมาย อาทิ การเป็น UN Messenger of Peace เพื่อช่วยเหลือเด็กและเยาวชนในแอฟริกาต่อสู้กับโรคเอดส์
มนุษย์แต่ละคนมีความเปราะบางในจิตใจไม่เท่ากัน แล้วก็มีปฏิกิริยาตอบสนองต่อเรื่องต่าง ๆ ไม่เหมือนกัน คนที่เจอเรื่องเลวร้ายตอนเด็ก ๆ ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่มีปัญหาเสมอไป
เราเพิ่งเศร้าใจกับการสูญเสีย “เชสเตอร์ เบนนิงตัน” นักร้องนำวง Linkin Park ไปหยก ๆ เพราะเขารับมือกับบาดแผลทางจิตใจสมัยเด็กไม่ไหว ก็เลยอยากจะนำเรื่องราวของชาร์ลีซมาแบ่งปันกับคุณผู้อ่านบ้างเพื่อเป็นกรณีตัวอย่างว่า
ถ้าเราเข้มแข็งพอ เราก็สามารถก้าวผ่านเหตุการณ์เลวร้ายในชีวิตได้เหมือนกัน