EXCITE การเปลี่ยนแปลงบนความท้าทายของ I AM Consulting

เมื่อเสถียรภาพ และประสิทธิภาพในการทำงานของ "ระบบหลังบ้าน" ถือเป็นหนึ่งในฟันเฟืองสำคัญของการเดินไปสู่ความสำเร็จ นั่นทำให้ตลอดระยะเวลากว่า 15  ปีที่ บริษัท ไอแอมคอนซัลติ้ง จำกัด ที่ปรึกษาด้านไอทีโซลูชั่น ผู้ได้รับความไว้วางใจให้ดูแลหลังบ้านให้กับหน่วยงาน และองค์กรชั้นนำในประเทศไทย ทั้งภาครัฐ และเอกชนกว่า 150 โครงการไม่ว่าจะเป็น การบินไทย กลุ่มปตท. กลุ่มเอสซีจี ฯลฯ 

วันที่เทคโนโลยี และนวัตกรรมเปลี่ยนเร็วขึ้นชนิดก้าวกระโดด การปรับตัวให้ทันกับปรากฏการณ์ดิจิทัลทรานฟอร์เมชั่นก็ถือเป็นสิ่งสำคัญอีกเรื่องที่ต้องคิด สำหรับ กริช วิโรจน์สายลี Country Vice President บริษัท ไอแอม คอนซัลติ้งมองว่า นอกจากการ "เปลี่ยนผ่าน" เพื่อไม่ให้ตกขบวนแล้ว นี่คือโอกาสที่ดีในการ "สื่อสาร" ให้กับกลุ่มลูกค้าได้รับรู้ถึงความสำคัญของกระแสที่เกิดขึ้นด้วย

"เรามุ่งเน้นเอาเทคโนโลยีSAP มาสนับสนุนและส่งเสริมการทำงานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดกับลูกค้า สร้างศักยภาพในการแข่งขัน โดยเราเน้นหลักการออกแบบโซลูชั่น ที่เป็น practical solution หรือ การแก้ปัญหาในทางปฏิบัติ และนำไปใช้ได้จริง" เขาย้อนภาพถึงสิ่งที่เกิดขึ้นตลอดระยะเวลา 15 ปีที่ผ่านมา 

สิ่งที่ทำให้ไอแอมคอนซัลติ้งเป็นที่ไว้วางใจสำหรับองค์กรต่างๆ คือ การลดความซับซ้อนของระบบปฏิบัติการที่ตรงกับความต้องการใช้งาน อีกทั้งยังสามารถนำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และประสบความสำเร็จ

จนเมื่อปี 2014 ไอแอมคอนซัลติ้งได้เป็นส่วนหนึ่งของ ทีไอเอส อิงเทค (TIS INCTEC) ผู้พัฒนาและให้บริการระบบไอทีสัญชาติญี่ปุ่นรายใหญ่ ที่มีเครือข่ายการทำงานอยู่ตั้งแต่ ประเทศญี่ปุ่น ไทย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และเวียดนาม ซึ่งนำไปสู่การแลกเปลี่ยนเทคโนโลยี เพื่อต่อยอด รวมทั้งยกระดับการให้บริการที่มีคุณภาพ และมาตรฐานสูงขึ้น ด้วยทีมที่ปรึกษารวมทั้งกรุ๊ปกว่า 20,000 คน

"เราพยายามที่จะนำเสนอระบบการทำงานที่ไม่ซับซ้อน เน้นความสำเร็จของงานที่สามารถวัดผลได้นี่ถือเป็นผลสำเร็จที่เกิดมาจากการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่พยายามสร้างมุมมองในเรื่องของความสำเร็จของลูกค้าถือเป็นสิ่งสำคัญ ทำให้ทีมงานมีมายด์เซ็ตไปในทิศทางเดียวกัน และตั้งใจทำให้เกิดขึ้นจริงๆ ขณะเดียวกัน ตัวผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านที่เราจัดวางให้เหมาะกับลักษณะงานแต่ละโปรเจคนั้นถือเป็นจุดสำคัญที่นำไปสู่ผลสำเร็จของลูกค้าอีกด้วย"

ความสำเร็จในนิยามของกริชนั้นไม่ได้เป็นเพียงแค่ความสามารถการพัฒนาระบบขึ้นมาเท่านั้น แต่ยังหมายความถึงการนำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้เกิดความก้าวหน้า หรือมองเห็นการพัฒนาขึ้นจริงๆ ในทุกมิติ 

"กระแสดิจิทัลทรานฟอร์เมชั่นที่เกิดขึ้นต้องยอมรับว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีที่มันเร็วมาก ซึ่งนำไปสู่การเกิด Business Disruption มากมายในอุตสาหกรรม ทุกคนต่างตื่นตัว และอยากที่จะนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเพิ่มศักยภาพของตัวเอง เราในฐานะบริษัทที่ปรึกษาเองก็มีส่วนสำคัญในการเข้าไปช่วย หรือวางแผนงานให้กับเขา ซึ่งเราก็ต้องก้าวให้ทันเรื่องเหล่านี้ด้วย"

นั่นจึงเป็นเหตุผลสำคัญที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของตัวบริษัทเองเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้มากที่สุด โดยเริ่มตั้งแต่ระดับกลยุทธ์ขององค์กรเลยทีเดียว 

"เราเริ่มตั้งแต่การเปลี่ยนวิสัยทัศน์ขององค์กรใหม่ จาก Join Your Success เป็น Create Our Exciting Future เพื่อให้สอดคล้องกับการเข้าสู่ยุคดิจิทัล จากความสำเร็จ ไปสู่การมองหาอนาคตใหม่ๆ ที่น่าตื่นเต้น เพื่อเป็นการบอกว่าเราพร้อมที่จะร่วมในการสร้างความตื่นเต้นให้กับความสำเร็จใหม่ๆ ที่รออยู่ในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นลูกค้า พันธมิตร หรือพนักงานของเราเอง"

จากนั้นจึงลงรายละเอียดไปยัง core value ของบริษัทเพื่อเป็นการสะท้อนคาแร็คเตอร์ของบริษัทผ่านทีมงานที่ลงไปร่วมงานกับหน่วยงานต่างๆ นั่นก็คือคำว่า “EXCITE”ที่ระบุตัวตนของบริษัทออกเป็น 6 ด้าน ก็คือ Energy (ความกระตือรือร้น) Excellent (ความเป็นเลิศ) Courage (ความกล้าออกไปสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ) Inspiration (ความคิดสร้างสรรค์) Togetherness (การมีส่วนร่วม และการทำงานเป็นทีม) และ Enjoyment (ความสุขในการทำงาน) 

"เรารวม 6 คำเป็นพื้นฐานของคำว่า EXCITEหรือความน่าตื่นเต้นที่อยากจะทำให้ทุกคนประสบความสำเร็จไปพร้อมกับเรา" เขาอธิบายโดยการพัฒนาบุคลากรในองค์กรนั้นเป็นเรื่องสำคัญมาก ซึ่งไอแอม คอนซัลติ้งเลือกที่จะลงทุนในการพัฒนาศักยภาพของทีมงานทั้งบริษัทให้พร้อมที่ก้าวเดินไปกัน จากการนำเอาเครื่องมือGallup Strengths Finder มาพัฒนาจุดแข็งของพนักงานแต่ละคน เพื่อสร้างการเป็น Strengths-Based Technology Organization หรือ ต้นแบบขององค์กรเทคโนโลยีของประเทศไทยผ่านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยใช้จุดแข็งของพนักงาน

“ที่ผ่านมาบริษัทเราเติบโตจากการเป็นครอบครัวเล็กๆ ที่สื่อสารกันได้ตลอดเวลา แต่เมื่อขนาดขององค์กรใหญ่ขึ้นมา ทีมผู้บริหารของบริษัทจึงได้มองหาเครื่องมือที่จะมาช่วยทำให้ทีมงานของเราสามารถสื่อสารและยังคงพัฒนาศักยภาพการทำงานได้อย่างดี จึงเลือกใช้ Gallup Strengths Finder หรือเครื่องมือที่ช่วยพัฒนาจุดแข็งของพนักงาน เพราะเราเชื่อว่าทุกคนมีศักยภาพที่จะพัฒนาตัวเองได้จากสิ่งที่เขาชอบและถนัด เราใช้เครื่องมือนี้เข้ามาช่วยผลักดันพนักงาน ด้วยการให้ทำแบบทดสอบหาจุดแข็ง และให้พนักงานทุกคนเข้ารับการอบรมเพื่อพัฒนาจุดแข็งของตัวเอง ซึ่งปีนี้เป็นปีที่ 3 ที่เราได้ใช้เครื่องมือนี้กับองค์กร สิ่งที่เกิดขึ้นคือพนักงานของเรามีความผูกพันกับองค์กร และสามารถเลือกใช้จุดแข็งของพวกเขาในการทำงานกับลูกค้า และนี่เองเป็นอีกฟันเฟืองหนึ่งที่ช่วยให้องค์กรของเราเติบโตขึ้น”

ในด้านของโซลูชั่นส์ที่จะนำมาตอบสนองให้กับลูกค้านั้น เทคโนโลยีนั้น กริช มองว่า ถือเป็นการตื่นตัวค่อนข้างมาก จากการเช็ตทีมเพื่อตอบสนองกับการทำงานขององค์กรเอ็นเทอร์ไพรส์ที่มองหาโซลูชั่นส์อยู่ตลอดเวลา เช่น ทีม SWISH (Special Wish) และทีม Blockchain เนื่องจากการมองเรื่องของนวัตกรรมที่ออกจากกรอบเดิมด้วยการสร้างทีมคุณภาพขึ้นเพื่อต่อยอดเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อไปตอบโจทย์ และแก้ปัญหาให้ลูกค้า 

"ในส่วนของ Product and Services เรามาดูว่าที่เราเคยทำมาจะตอบโจทย์เรื่องของเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างไร ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม โดยกลุ่มแรกก็คือ SAP ที่เป็นผลิตภัณฑ์หลักของเราอยู่แล้ว ก็จะมี S/4 HANA เป็นสถาปัตยกรรมใหม่ของ SAP ที่ออกแบบขึ้นมาเพื่อให้เกิดความคล่องตัว สามารถประมวลผลได้เร็วขึ้น เป็นดิจิทัลคอร์ต่อยอดให้กับโซลูชั่นอื่นๆ ตัวถัดมาก็คือ C/4 HANA เน้นในเรื่องของประสบการณ์ของลูกค้า(Customer Experience)ทุกวันนี้โจทย์เปลี่ยน กระแสเรื่องของอีคอมเมิร์ซเข้ามา ซึ่งตัวนี้ก็จะเข้ามาตอบโจทย์ส่วนที่เป็นออนไลน์คอมเมิร์ซมากขึ้น"

นอกจากนั้นก็ยังมี SAP SuccessFactorsที่เป็นคลาวด์โซลูชั่นสำหรับระบบทรัพยากรบุคคล เน้นเรื่องTalent Management ที่จะไปจับเรื่องบุคลากรที่มีคุณภาพ การพัฒนาคนให้มีศักยภาพมากขึ้น รวมทั้ง Big data analytics และ machine learning เพื่ออำนวยความสะดวกเรื่องการนำข้อมูลมาใช้ประโยชน์ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้าเพื่อส่งเสริมการขาย ไปจนถึงการวิเคราะห์ข้อมูลเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุง เป็นต้น 

อีกส่วนคือโซลูชั่นส์ที่ต่อยอดจากระบบ SAPสำหรับตอบรับลูกค้าเอนเทอร์ไพรส์และนโยบายของรัฐบาล เรามี E-Tax Invoice As a Serviceหรือ ระบบการจัดทำข้อมูลใบกำกับภาษี/ใบเสร็จ ให้อยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์  รวมถึง Blockchain for Enterprise ที่ตอบรับกับเทคโนโลยีใหม่ที่เข้ามามีบทบาทใหม่ในธุรกิจของลูกค้า

ทุกความเปลี่ยนแปลงย่อมมีความท้าทาย สำหรับฟากผู้บริหารอย่าง เขาคิดว่า ความท้าทายที่สุดของบริษัทก็คือ เรื่องของคนในบริบทใหม่ โดยทุกวันนี้จะเห็นว่ามีเรื่องของ Design Thinking หรือการออกแบบกระบวนการคิดเพื่อแก้ปัญหาให้กับลูกค้า ซึ่งตรงนี้จะเป็นอีกส่วนที่นำนวัตกรรมเข้ามา ซึ่งถือเป็นอีกส่วนที่จะเปลี่ยนวิธีการทำงานให้ตอบโจทย์มากขึ้น จนได้นวัตกรรมใหม่ที่เรียกว่า I AM Beyondเพื่อตอบโจทย์ในการทำงานลูกค้าขึ้นมา

"เราคาดหวังว่า นวัตกรรมที่เราออกแบบมานี้ จะทำให้เกิดการทำงานที่รวดเร็วขึ้น การร่วมมือการระหว่างทีมที่ดีขึ้น การสื่อสารระหว่างบริษัทกับลูกค้าที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น" 

ขณะที่จุดหมายปลายทางสำหรับ กริชเองยอมรับว่า เป้าหมายของทุกคนยังต้องการที่จะเป็นผู้นำ ที่ปรึกษาทางด้านระบบ SAP ที่ทุกครั้งเมื่อลูกค้าคิดถึงที่ปรึกษาเรื่องระบบก็จะนึกถึงไอแอมเป็นเจ้าแรก

การเปลี่ยนผ่านขององค์กรผู้ให้บริการระบบไอทีของไอแอมคอนซัลติ้งในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความไม่หยุดนิ่ง และความตั้งใจในการต่อยอดนวัตกรรม และการให้บริการในดิจิทัลโซลูชั่นที่นับวันจะยิ่งทวีความสำคัญกับธุรกิจ และองค์กรมากขึ้น

“ความมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์นวัตกรรมการทำงานบริการด้านไอทีต่อลูกค้า ไม่ใช่แค่อยู่บนแท็กไลน์ที่ว่า Create Our Exciting Future เท่านั้น แต่นั่นคือสิ่งที่เป็นตัวตนของทีมงานไอแอม คอนซัลติ้ง ที่พร้อมจะเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาให้แก่ลูกค้าของเรา”