“เสนา” ผนึกกำลัง “ฮันคิว” ยักษ์อสังหาฯ จากญี่ปุ่น ร่วมลงทุนกว่าสองหมื่นล้าน

“เสนา” ผนึกกำลัง “ฮันคิว” ยักษ์อสังหาฯ จากญี่ปุ่น ร่วมลงทุนกว่าสองหมื่นล้าน

 

เพิ่งแถลงข่าวเซ็นสัญญาร่วมทุนโครงการคอนโดมิเนียมทำเลบางนาไปเมื่อเร็วๆ นี้ ระหว่างบริษัทอสังหาริมทรัพย์สัญชาติไทย บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) และยักษ์ใหญ่จากแดนปลาดิบ บริษัท ฮันคิว ฮันชิน พร๊อพเพอร์ตี้ คอร์ปเปอเรชั่น เพื่อพัฒนาคอนโดมิเนียมย่านบางนา มูลค่า 2,200 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นความร่วมมือกันครั้งที่ 4 ของทั้งสองบริษัท

สำหรับสามโครงการก่อนหน้านี้ เป็นการร่วมกันในนามของ บริษัท ฮันคิว เรียลตี้ แต่เมื่อเร็วๆ นี้ กลุ่มฮันคิว ได้ปรับโครงสร้างใหม่ ควบรวมกิจการจาก ฮันชิน อิเล็คทริกส์ เรียลเวย์, ฮันคิว คอร์ปเปอเรชั่น และ ฮันคิว เรียลตี้ สู่การเป็น บริษัท ฮันคิว ฮันชิน พร๊อพเพอร์ตี้ คอร์ปเปอเรชั่น โดย มร.ทสึเนะโอะ วาคาบายาซิ ประธานบริษัท ฮันคิว ฮันชิน พร๊อพเพอร์ตี้ คอร์ปเปอเรชั่น เปิดเผยถึงสาเหตุที่ควบรวมกิจการว่า เนื่องจากต้องการให้ความสำคัญกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มากยิ่งขึ้น โดยการจะเติบโตไปข้างหน้าอย่างแข็งแกร่ง จำเป็นต้องนำเอาประสบการณ์ของทั้งสามบริษัทมารวมกันเป็นหนึ่งเดียว

ปัจจุบัน กลุ่มฮันคิว ฮันชิน ดำเนินธุรกิจหลากหลายและครบวงจร ตั้งแต่การคมนาคมขนส่ง อสังหาริมทรัพย์ โรงแรม การท่องเที่ยว เอ็นเตอร์เทนเมนท์ และโลจิสติกส์ มีรายได้รวม 227,000 ล้านบาทโดยมีสองธุรกิจหลัก คือ ระบบขนส่งในเมือง 29.2 เปอร์เซ็นต์ และการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 27.6 เปอร์เซ็นต์

“เสนา” ผนึกกำลัง “ฮันคิว” ยักษ์อสังหาฯ จากญี่ปุ่น ร่วมลงทุนกว่าสองหมื่นล้าน

โดยเฉพาะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ในนามของ บริษัท ฮันคิว ฮันชิน พร๊อพเพอร์ตี้ คอร์ปเปอเรชั่น ซึ่งนอกจากจะถือเป็นผู้เล่นรายใหญ่ที่สุดในแถบคันไซ และมีความพยายามขยายสู่เขตโตเกียวด้วยแล้ว ทางบริษัทยังได้มีนโยบายออกไปลงทุนในต่างประเทศ ได้แก่ เวียดนาม อินโดนีเซีย ไทย ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย โดยเม็ดเงินลงทุนก้อนใหญ่ที่สุดในต่างประเทศ คือ ประเทศไทย เนื่องจากมั่นใจในศักยภาพจากการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทย

 “ก่อนหน้านี้ บริษัทเรามุ่งเน้นการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ตามแนวรถไฟที่กลุ่มฮันคิวดำเนินการบริหารอยู่เดิม และเพื่อการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง เมื่อสองปีก่อน ทางบริษัทได้มีนโยบายที่จะขยายการลงทุนในตลาดที่มีศักยภาพอื่นๆ นอกเหนือจากตามแนวรถไฟ โดยมีแผนที่จะเน้นตลาดโตเกียวและประเทศในแถบเอเชีย จึงได้คิดที่จะมาลงทุนในประเทศไทย แต่เนื่องจากกลุ่มฮันคิว ยังไม่มีความเชี่ยวชาญในตลาดนี้ จึงตั้งใจที่จะจับมือกับบริษัท เสนาดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เพื่อร่วมกันพัฒนาโครงการ”

“เสนา” ผนึกกำลัง “ฮันคิว” ยักษ์อสังหาฯ จากญี่ปุ่น ร่วมลงทุนกว่าสองหมื่นล้าน

นอกจากวิธีคิดและเป้าหมายของทั้งสองบริษัทจะตรงกันแล้ว อีกหนึ่งสาเหตุสำคัญที่ทำให้ยักษ์ใหญ่อย่าง ฮันคิว ฮันชิน พร๊อพเพอร์ตี้ คอร์ปเปอเรชั่น เลือกจับมือกับเสนา ก็เนื่องจากปรัชญาของทั้งสองบริษัทที่ให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นอันดับแรกเช่นเดียวกัน จึงเป็นสาเหตุให้มั่นใจว่า จะสามารถจับมือร่วมกันดำเนินกิจการกันไปได้อย่างยาวนาน

สำหรับความร่วมมือที่เพิ่มความแน่นแฟ้นของทั้งสององค์กรในครั้งนี้ นายธีรวัฒน์ ธัญลักษณ์ภาคย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสนาดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ได้กล่าวถึงการร่วมจับมือกันระหว่าง เสนาฯ​ และ บริษัท ฮันคิว ฮันชิน พร๊อพเพอร์ตี้ คอร์ปเปอเรชั่น เพื่อพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมย่านบางนาในครั้งนี้ ถือเป็นโครงการที่สี่แล้วที่สองบริษัทได้ร่วมมือกัน โดยวางแผนจะลงทุนร่วมกันทั้งสิ้น 7 โครงการ มูลค่ารวม 2 หมื่นกว่าล้านภายในสิ้นปีนี้

“ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างมากที่ เสนาดีเวลลอปเม้นท์ ได้รับความไว้วางใจจากบริษัทฮันคิว ฮันชิน ด้วยดีเสมอมา ย้อนไปหนึ่งปีก่อน เสนา และกลุ่มฮันคิว ได้ร่วมมือพัฒนาคอนโดมิเนียมสองโครงการ คือ นิช โมโน สุขุมวิท-แบริ่ง และ นิช ไพรด์ เตาปูน-อินเตอร์เชนจ์ ซึ่งนอกจากจะเป็นการลงทุนร่วมกันแล้ว ทางเรายังได้นำโนว์ฮาวหลายๆ อย่างของทางฮันคิว ฮันชินฯ มาเพื่อพัฒนาสินค้าตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในยุคนี้ ไม่ว่าจะเป็นการนำแนวคิด “จีโอฟิต พลัส” (Geo fit+) เพื่อการออกแบบอย่างใส่ใจในรายละเอียดมาใช้กับโครงการ นิช โมโน สุขุมวิท-แบริ่ง และนำนวัตกรรม “มาย เซเลคท์” (My Select) ที่ให้ลูกค้าสามารถเลือกฟังก์ชั่นการใช้สอยภายในห้องได้อย่างตรงความต้องการ มาใช้กับ นิช ไพรด์ เตาปูน-อินเตอร์เชนจ์

สำหรับโครงการที่สาม ซึ่งกำลังจะเปิดตัวเร็วๆ นี้ คือ ปิติ เอกมัย ถือเป็นความร่วมมือในมิติใหม่สำหรับการพัฒนาระดับลักชัวรี่โครงการแรกของเรา และในวันนี้ ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีอีกครั้งหนึ่ง ที่สองบริษัทได้ร่วมมือกันพัฒนาโครงการใหม่เป็นโครงการที่สี่ ในย่านบางนา มูลค่าโครงการ 2,200 ล้านบาท มี แผนจะเปิดตัวเร็วๆนี้ภายใต้แนวคิด Ikigai ปรัชญาของคนญี่ปุ่นที่โด่งดังในย่านโอกินาว่า ย่านที่ผู้คนมีความสุขและอายุยืนกว่ามาตรฐานชาวโลก

ความหมายของคำว่า Iki หมายถึง ชีวิต และ Kai หมายถึงคุณค่าของชีวิต เมื่อรวมกัน คำว่า Ikigai จึงหมายถึง "การมองหาคุณค่าและความสุขจากการใช้ชีวิต" ซึ่งถูกออกแบบมาไม่ได้เพื่อเป็นแค่พื้นที่อยู่อาศัย แต่เป็น “พื้นที่ชีวิต” เพื่อทุกๆ moment ของทุกวัน เป็นการใช้ชีวิตที่มีความสุขและมีคุณค่า

โดย อิคิไก สรุปออกมาได้ทั้งหมด 4 สิ่งที่เราควรจะทำ นั่นก็คือ 1. ทำสิ่งที่เรารัก หรือ มีความสุขที่จะทำ 2. ทำสิ่งที่โลกใบนี้ต้องการ 3. ทำสิ่งที่สร้างรายได้ให้กับเรา 4. ทำสิ่งที่เราสามารถทำออกมาได้ดี ถ้าเราทำได้อย่างใดอย่างหนึ่งใน 4 ข้อนี้ เราจะมีความสุข และถ้าเราสามารถทำได้ทุกข้อพร้อมกัน นั่นคือคุณค่าของการมีชีวิตอยู่ นั่นคือ "IKIGAI"

สำหรับแผนในอนาคต เรามีแนวโน้มจะลงทุนพัฒนาโครงการร่วมกันรวมมูลค่ามากกว่า 2 หมื่นล้านบาทภายในสิ้นปีนี้ โดยผมเชื่อว่า การผนึกกำลังทำโครงการที่กล่าวมา รวมถึงโครงการต่อๆ ไป จะสร้างความยั่งยืนให้กับทั้งสององค์กรต่อไปในอนาคต” นายธีรวัฒน์ กล่าว

เกี่ยวกับโครงการที่ 4 บนทำเลบางนานั้น มร.ทสึเนะโอะ วิเคราะห์ถึงศักยภาพของทำเลว่า นอกจากจะอยู่ใกล้แหล่งธุรกิจแล้ว ยังเป็นโครงการที่มีถนนเชื่อมต่อไปถึงนิคมอุตสาหกรรมด้านตะวันออกของกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นทำเลที่ดีมาก

“รายละเอียดเบื้องต้นของโครงการบางนานี้ เราจะเน้นคอนเซ็ปต์พื้นที่สีเขียว และเป็นโครงการที่เอาแนวคิด จีโอฟิต พลัส เข้ามาร่วมด้วย โดยจะดูรายละเอียดความต้องการของลูกค้า จากประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมของบริษัทเสนา ร่วมกับประสบการณ์ที่ ฮันคิว ฮันชิน พร๊อพเพอร์ตี้ คอร์ปเปอเรชั่น มีอยู่ เชื่อว่าจะเป็นโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากลูกค้าตลอดไป และหวังว่าโครงการล่าสุดจะประสบความสำเร็จอย่างดียิ่ง” มร.ทสึเนะโอะ กล่าว

พร้อมเสริมเกี่ยวกับศักยภาพของประเทศไทยโดยเชื่อว่า ยังไปได้ดี เพราะถ้าดูจากจีดีพีของประเทศไทยที่เติบโตเฉลี่ย 4 เปอร์เซ็นต์และเชื่อว่าจะกระเตื้องขึ้น หลังจากนโยบาย EEC เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม

“เสนา” ผนึกกำลัง “ฮันคิว” ยักษ์อสังหาฯ จากญี่ปุ่น ร่วมลงทุนกว่าสองหมื่นล้าน

ด้าน ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ร่วมให้ข้อมูลเพิ่มเติมถึงสองโครงการที่เปิดขายไปแล้ว คือ นิช โมโน สุขุมวิท-แบริ่ง และ นิช ไพรด์ เตาปูน-อินเตอร์เชนจ์

 “นิช โมโน สุขุมวิท-แบริ่ง คาดว่าจะสร้างเสร็จปี 2563 จำนวน 1,275 ยูนิต และมียอดขายไปแล้ว 80% โดยเราได้นำเอาวิธีคิดที่เรียกว่า Geo fit + มาช่วยยกระดับสินค้าให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ามากขึ้น ส่วน นิช ไพรด์ เตาปูน-อินเตอร์เชนจ์ เพิ่งเปิดตัวเมื่อต้นปี ก็ประสบความสำเร็จด้วยดี โดยขายได้แล้ว 60% โดยเราได้นำนวัตกรรม “มาย เซเลคท์” (My Select) ที่ให้ลูกค้าสามารถเลือกฟังก์ชั่นการใช้สอยภายในห้องได้อย่างตรงความต้องการมาใช้กับโครงการนี้ ขณะที่ ปีติ เอกมัย มูลค่า 5-6 พันล้านบาท ซึ่งถือเป็นแบรนด์ลักชัวรี่แบรนด์แรกของทางเสนาก็เตรียมจะเปิดตัวเดือนหน้า โดยหลังจากร่วมมือกันทำงานมาจนถึงวันนี้ เราเชื่อว่า จะสามารถร่วมมือกับทาง ฮันคิว ฮันชิน ได้ในทุกเซ็กเมนต์ จึงเป็นที่มาของโครงการที่สี่ คือ โครงการ คอนโดมิเนียมย่านบางนา ซึ่งถือเป็นโครงการที่เราหยิบเอาโนว์ฮาวดีๆ จากทางฮันคิว ฮันชิน มาใช้เยอะมาก โดยเฉพาะ Geo Lab ซึ่งเป็นการทำวิจัยผู้บริโภคอย่างลึกซึ้งและต่อเนื่องเพื่อให้สามารถตอบสนองความพึงพอใจของลูกค้าให้ได้มากที่สุด รวมถึงแนวคิดเกี่ยวกับ Future Life ที่เป็นการออกแบบโดยมองไปในอนาคต”

ผศ.ดร.เกษรา เอ่ยว่า ความร่วมมือที่เกิดขึ้นนี้และอีกหลายโครงการที่กำลังจะตามมา ถือเป็นช่วงสำคัญสำหรับการเติบโตของ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เพื่อพร้อมบนแผนที่จะเติบโตไปสู่หมื่นล้านให้ได้ในปี 2563 หรืออีกสองปีถัดจากนี้

สัมผัสประสบการณ์การใช้ชีวิตและอยู่อาศัยที่เหนือกว่า ภายใต้โครงการคอนโดมิเนียมในความร่วมมือของเสนาฯ และ HHP โครงการใหม่ล่าสุด ปีติ เอกมัย ผ่านประสบการณ์ใหม่บน SENA Online Booking ลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ์จองก่อนใครตั้งแต่วันนี้จนถึง 2 สิงหาคม 2561 พร้อมเปิดจองจริงวันที่ 2 สิงหาคมนี้ ตั้งแต่เที่ยงวันถึง 22.00 น. ที่ www.onlinebooking.sena.co.th สอบถามเพิ่มเติม โทร. 1775