บีโอไอ...สร้างนักลงทุนไทยลุยนอก
การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560-2564) ให้ความสำคัญกับการผลักดันการค้าการลงทุนระหว่างประเทศ เพื่อเป็นแรงขับเคลื่อนควบคู่ไปกับการส่งเสริมการลงทุนทั้งในประเทศ และส่งเสริมให้คนไทยขยายการลงทุนในต่างประเทศ
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ จึงได้เพิ่มบทบาทในการสนับสนุนนักลงทุนไทยให้เข้าไปลงทุนในต่างประเทศ โดยล่าสุดได้เปิดหลักสูตรอบรม “สร้างนักลงทุนไทยในต่างประเทศ” ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือให้ผู้ประกอบการไทยที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก (SMEs) ให้ออกไปลงทุนในต่างประเทศ
ที่ผ่านมาบีโอไอได้จัดอบรมหลักสูตร “สร้างนักลงทุนไทยในต่างประเทศ” ไปแล้วจำนวน 13 รุ่น มีผู้เข้ารับการอบรมทั้งสิ้น 473 ราย จากการติดตามสถานภาพของนักลงทุนพบว่าร้อยละ 25 หรือ 104 ราย ได้ออกไปขยายการลงทุนให้กับธุรกิจของตัวเอง กระจายอยู่ใน 3 กลุ่มประเทศ คือ (1) อาเซียน เป็นกลุ่มที่ผู้ประกอบการไทยออกไปลงทุนมากที่สุด ประกอบด้วย ประเทศเวียดนาม เมียนมา และกัมพูชา ตามลำดับ (2) บังคลาเทศ จากข้อได้เปรียบเรื่องตลาดที่มีขนาดใหญ่ และมีค่าแรงงานต่ำ ที่สำคัญยังเป็นประตูการค้าไปยังเอเชียใต้ จึงเป็นประเทศที่นักลงทุนไทยให้ความสำคัญ (3) แอฟริกา โดยเฉพาะประเทศเคนยา ไนจีเรีย แอฟริกาใต้ และซูดาน โดยอุตสาหกรรมที่นักลงทุนไทยออกไปลงทุนส่วนใหญ่จะเป็นอุตสาหกรรมอาหารและเกษตรแปรรูป รองลงมาเป็นอุตสาหกรรมก่อสร้าง อุปกรณ์ตกแต่งและเฟอร์นิเจอร์
สำหรับเหตุผลที่นักลงทุนไทยนิยมออกไปลงทุนต่างประเทศมากขึ้น เพราะต้องการลดต้นทุนการผลิต หลีกเลี่ยงปัญหาการขาดแคลนแรงงาน และความเสียเปรียบด้านต้นทุนการขนส่ง ทั้ง 3 ปัจจัยที่กล่าวมา เป็นหัวใจสำคัญของการทำธุรกิจ ซึ่งนักลงทุนมองว่าบางประเทศที่ได้ออกไปลงทุน กลับมีความได้เปรียบกว่าการลงทุนในประเทศเพียงอย่างเดียว ที่สำคัญยังเป็นการออกไปแสวงหาตลาดใหม่เพิ่มเติมจากตลาดเก่าที่กำลังอิ่มตัว
บีโอไอจึงจัดอบรมหลักสูตร “สร้างนักลงทุนไทยในต่างประเทศ” ขึ้นอีกครั้ง ซึ่งเป็นรุ่นที่ 14 -15 ภายใต้แนวคิด “เรียนลัดด้านการลงทุนในต่างประเทศผ่านประสบการณ์ตรงกับธุรกิจระดับ ‘กูรู’” โดยในปีนี้ผู้เข้าร่วมอบรมจะได้เดินทางไปศึกษาลู่ทางการลงทุนในประเทศรัสเซีย บังกลาเทศ อินโดนีเซีย และมาเลเซีย
การอบรมตามหลักสูตรนี้นอกจากจะเป็นการพัฒนาความรู้ให้แก่นักลงทุนไทยแล้ว ยังเป็นการสร้างเครือข่ายที่จะเป็นประโยชน์ในการประกอบธุรกิจในอนาคต โดยโครงสร้างหลักสูตรการอบรมจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนการอบรมภาคทฤษฎี รวมจำนวน 60 ชั่วโมง จะมีเนื้อหาครอบคลุมทุกเรื่องด้านการลงทุนจากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงนักธุรกิจที่ได้เข้าไปลงทุนจริง มีหัวข้อการบรรยายเสริมความรู้ที่มีประโยชน์ อาทิ กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนในต่างประเทศ การวางแผนภาษีเพื่อตัดสินใจลงทุนในต่างประเทศ กลยุทธ์การเจรจาต่อรองทางการค้า เคล็ดลับการประเมินลู่ทางการลงทุนจากนักธุรกิจชั้นนำ
ส่วนที่สองคือ ภาคปฏิบัติ บีโอไอจะนำผู้เข้าร่วมอบรมเดินทางไปศึกษาลู่ทางการลงทุนในต่างประเทศ เพื่อสำรวจพื้นที่การลงทุนในกลุ่มประเทศอาเซียน และกลุ่มประเทศตลาดใหม่ โดยในปีนี้คือประเทศรัสเซีย บังคลาเทศ อินโดนีเซีย และมาเลเซีย เพื่อให้ได้เห็นพื้นที่การลงทุนจริง เห็นโอกาสและปัญหาที่จะต้องนำกลับมาวิเคราะห์เพื่อปรับใช้กับธุรกิจของตัวเองให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด นักลงทุนที่สนใจสามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่https://toi.boi.go.th/article/22/1883 โทรศัพท์ 0 2553 8111 ต่อ 6177 หรืออีเมล [email protected]