KTB เพิ่มศักยภาพ SMEs ไทยสู่ตลาด CLMV ใน SME Genius Exporter

KTB เพิ่มศักยภาพ SMEs ไทยสู่ตลาด CLMV ใน SME Genius Exporter

 

KTB เพิ่มศักยภาพ SMEs ไทย สยายปีกสู่ตลาด CLMV ในโครงการ SME Genius Exporter

ศักยภาพของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่กำลังขยายตัวทางเศรษฐกิจต่อเนื่อง ปัจจุบัน ผู้ประกอบการไทยได้ทำการค้าการลงทุนระหว่างประเทศในตลาดเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะกลุ่มประเทศ CLMV ซึ่งได้แก่ เขมร ลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม เนื่องจากเป็นอีกตลาดที่มีกำลังซื้อสูงและทั้งยังมีความชื่นชอบในสินค้าไทย ทำให้การเติบโตจากการลงทุนและขยายธุรกิจในกลุ่มประเทศ CLMV ของผู้ประกอบการไทยมีอัตราเติบโตต่อเนื่องทุกปี และสามารถสร้างมูลค่าทางการค้าและรายได้เข้าประเทศไม่น้อย

ซึ่งจากมองเห็นโอกาสผู้ประกอบการไทยกับการลงทุนและทำการค้าในภูมิภาคดังกล่าว ล่าสุด  ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และหน่วยงานภาครัฐ ได้แก่ กระทรวงพาณิชย์ และกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม จึงได้ร่วมมือกันผลักดันสร้างความเข้มแข็งและยกระดับศักยภาพแก่ผู้ประกอบการไทย ด้วยการจัดอบรมโครงการ “SMEs Genius Exporter เจาะตลาด CLMV” โดยมีเป้าหมายเน้นผู้ประกอบการสามารถนำไปปฏิบัติจริงและออกตลาดได้จริง

โครงการดังกล่าวได้ดำเนินการอบรมขึ้น ระหว่างวันที่ 3 มีนาคม - 1 เมษายน 2560 ณ สถาบัน NEA กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ถนนรัชดาภิเษก ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2560 ที่ผ่านมา ทางธนาคารกรุงไทยจึงได้จัดพิธีมอบวุฒิบัตรให้กับผู้ผ่านการฝึกอบรม โดยมี นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานในพิธีดังกล่าว

โอกาสนี้ รมว.กระทรวงพาณิชย์ ได้กล่าวถึงโครงการนี้ว่า โครงการเป็นหลักสูตรต้นแบบ ซึ่งได้รับการต่อยอดสู่การจัดตั้งสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ หรือ New Economy Academy: NEA ที่กระทรวงพาณิชย์จัดตั้งขึ้นตามนโยบายรัฐบาล เพื่อให้เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้สำหรับผู้ประกอบการอย่างครบวงจร

“ปัจจุบันร้อยละ 80 ของผู้ประกอบการและผู้ส่งออกไทย คือ SMEs จึงจำเป็นต้องเตรียมความพร้อม และพัฒนาศักยภาพเพื่อให้สามารถแข่งขันได้มากขึ้น ซึ่งรุ่นแรกที่โครงการให้การอบรมไปเน้นการเจาะตลาดในจีน สำหรับที่ 2 นี้เป็นการเจาะตลาด CLMV ซึ่งความร่วมมือกันของสามหน่วยงานในวันนี้เป็นการผนึกกำลังครั้งสำคัญที่ช่วยผู้ประกอบการรุ่นใหม่อย่างครบวงจร เพื่อให้มีความพร้อมสู่สนามแข่งขันการค้าระหว่างประเทศ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าว 

คุณปฏิเวช สันติวานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ธ.กรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบันมีผู้ประกอบการบางรายที่พยายามเข้าไปลงทุนหรือดำเนินธุรกิจเองในต่างประเทศ รวมทั้ง CLMV ซึ่งธนาคารมองว่าอาจมีความเสี่ยง ซึ่งผู้ประกอบการสามารถใช้ประโยชน์จากบริการต่างๆ ของธนาคารที่มีหรือจากหน่วยงานรัฐจะเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่า

“เหนือสิ่งอื่นใด ผู้ที่เข้าการอบรมครั้งนี้จะได้รับเน็ตเวิร์คที่ดี มีการแลกเปลี่ยนความคิด ส่งเสริมและประสานงานกันในแง่ธุรกิจ นั่นเป็นสิ่งที่เป็นผลประโยชน์ค่อนข้างมาก

ซึ่งความคาดหวังของเรา ที่จัดโครงการนี้ขึ้น คืออยากให้ผู้ประกอบการได้รับความรู้ความเข้าใจในเรื่องระเบียบการ ขั้นตอน กฏหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยธนาคารกรุงไทยมุ่งเน้นและเป็นผู้ให้สนับสนุนความรู้ด้านการเงิน ความจำเป็นในเรื่องเอกสาร ขั้นตอนกระบวนการในการใช้สินเชื่อเพื่อการส่งออกให้ผู้ประกอบการมาอย่างต่อเนื่อง”

ด้าน คุณมาลี โชคล้ำเลิศ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เสริมว่า กรมฯ พยายามตั้งเป้าให้สูงขึ้นเรื่อยๆ ในส่วนของโครงการนี้ ทั้ง 3 หน่วยงานได้ร่วมกันพัฒนาหลักสูตรอบรมเพื่อพัฒนาศักยภาพในด้านต่างๆ ที่สำคัญเกี่ยวกับธุรกิจส่งออกให้กับผู้ประกอบการไทย (SMEs) และช่วยให้ SMEs ได้มีโอกาสขยายการส่งออกสินค้าไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลกได้จริง

คุณแน่งน้อย  เวทยพงษ์   รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า ทางกรมฯ ได้ส่งวิทยากรและผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตต่างๆ เช่น  การใช้นวัตกรรมมาช่วยในการผลิตและทำบรรจุภัณฑ์  การเพิ่มผลผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ  มาให้ความรู้กับผู้ประกอบการ   เพื่อให้ผู้ประกอบการ SMEs มีความพร้อมในการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ  มีต้นทุนที่แข่งขันได้  เพื่อพัฒนาธุรกิจส่งออกไปยังตลาดเป้าหมายกลุ่มประเทศ CLMV ได้อย่างประสบความสำเร็จ

โดยแบ่งตามความเชี่ยวชาญของแต่ละองค์กร โดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมให้ความรู้ในส่วนของการพัฒนา ผลิตสินค้า ด้านธนาคารกรุงไทยให้ความรู้และบริการเตรียมความพร้อมในด้านการเงินและการบริหารความเสี่ยงทางการค้าระหว่างประเทศ และสถาบัน NEA กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ให้ความรู้ในส่วนของการขาย การตลาด การสร้างเครือข่ายระหว่างประเทศ และนำผู้เข้าร่วมโครงการเดินทางไปเจรจาการค้าในตลาดเป้าหมาย

สำหรับเกณฑ์การคัดเลือกผู้เข้าร่วมโครงการหลักๆ ได้แก่  เป็นเจ้าของ หรือทายาทของกิจการสัญชาติไทย มี Brand สินค้าเป็นของตนเอง สินค้ามีมาตรฐานอุตสาหกรรม เช่น อย./ISO/GMP/HACCP มียอดขายปีละ 50 -200 ล้านบาท และผู้จัดงานร่วมกันพิจารณาคัดเลือกคุณสมบัติและศักยภาพของสินค้าในตลาด เป้าหมาย

โดยมีผู้ประกอบการผ่านการคัดเลือกให้เข้าร่วมโครงการฯ จากทั่วประเทศจำนวน 80 รายและผ่านการฝึกอบรมตามข้อกำหนดจำนวน 72 ราย ในธุรกิจ 8 ประเภท ได้แก่ ธุรกิจบริการ 5 ราย ธุรกิจสิ่งทอ 6 ราย ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม 10 ราย ธุรกิจยาและเวชภัณฑ์สมุนไพร 5 ราย ธุรกิจสินค้าอุตสาหกรรมและอุตสาหกรรมหนัก 27 ราย ธุรกิจยานยนต์ 3 ราย ธุรกิจสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูป 10 ราย และธุรกิจสินค้าไลฟ์สไตล์ 6 ราย

นอกจากนี้ หลังเข้ารับการอบรม ผู้ประกอบการทั้งหมดจะได้เข้าร่วมงานแสดงสินค้าในต่างประเทศ TOP Thai Brand ในประเทศเวียดนาม และ สปป.ลาว และมีแผนที่จะนำไปเจรจาการค้าในกลุ่มประเทศ CLMV รวมทั้งได้สิทธิเข้าร่วมงาน Thailand Industry Expo 2017 ที่จัดโดยกระทรวงอุตสาหกรรม ไม่เพียงแค่นั้น ยังจะได้รับคำปรึกษาด้านการตรวจเอกสารส่งออก การบริหารอัตราแลกเปลี่ยน โดยไม่มีค่าใช้จ่ายจากธนาคารกรุงไทยเป็นเวลา 6 เดือน

โดยผลสำเร็จของโครงการฯ พบว่าผู้เข้าร่วมโครงการสามารถขยายธุรกิจไปยังตลาด   CLMV   ได้จริง 30 ราย ซึ่งเป้าหมายสุดท้ายของโครงการ คือผู้เข้าร่วมโครงการทุกกลุ่มอุตสาหกรรมจะเป็น SMEs ที่แข็งแกร่งและสามารถทำรายได้ยอดขายได้ต่ำกว่า 100 ล้านบาทต่อปี

สำหรับการฝึกอบรมในครั้งต่อไปจะจัดขึ้นในช่วงต้นปี 2561 ผู้ที่สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการฯ สามารถติดตามข้อมูลได้ที่ ช่องทางการติดต่อของธนาคารกรุงไทย ติดต่อสอบถามข้อมูลโครงการได้ที่ http://www.ktbgenius.com/ หรือ https://www.facebook.com/ktbsme/