“CKPower” ย้ำธุรกิจแกร่ง ทุบสถิติสร้างนิวไฮ ปี 2561 รายได้โตเพิ่ม 30% กำไรพุ่งกว่า 3 เท่า

“CKPower” ย้ำธุรกิจแกร่ง ทุบสถิติสร้างนิวไฮ ปี 2561 รายได้โตเพิ่ม 30% กำไรพุ่งกว่า 3 เท่า

ปักธงที่สปป.ลาว ไซยะบุรีตามแผน

บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ “CKP” หนึ่งในผู้นำธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าพลังน้ำ พลังความร้อนร่วม และพลังแสงอาทิตย์ทั้งในและต่างประเทศ รายงานผลประกอบการปี 2561 รายได้โตกว่า 30% และกำไรสุทธิพุ่ง 277% จากปีก่อน สูงสุดเป็นประวัติการณ์ เป็นผลจากการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบต่อเนื่อง สะท้อนศักยภาพการดำเนินงานในธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ ตั้งเป้าเดินหน้าจ่ายไฟเข้าจากโรงไฟฟ้าลูกเพิ่มอีก 2 แห่ง ตามแผนกลยุทธ์รวมกว่า 1,291.75 เมกะวัตต์ ภายในไตรมาส 4 ปี 2562

นายธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKP เปิดเผยว่า ปี 2561 ผลประกอบการของบริษัทฯ เติบโตเป็นที่น่าพอใจ ทุบสถิติสร้างนิวไฮทั้งรายได้และกำไรเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ ก่อให้เกิดผลตอบแทนที่มั่นคงแก่นักลงทุน สะท้อนถึงประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง ผลการดำเนินงานปี 2561 บริษัทฯมีรายได้เพิ่มขึ้นจากปีก่อนกว่า 30% คิดเป็น 9,115 ล้านบาท จากการเพิ่มขึ้นของรายได้การขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าน้ำงึม 2 อีกทั้งปีที่ผ่านมา มีปริมาณน้ำฝนมากที่สุดในรอบ 70 ปี ผนวกกับรายได้จากการขายไฟฟ้าเต็มปีของโครงการโรงไฟฟ้าบางปะอินโคเจนเนอเรชั่น 2 ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าประเภทเอสพีพี มีจุดเด่นที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง ในขณะเดียวกัน โรงไฟฟ้าน้ำงึม 2 ได้มีการออกหุ้นกู้เพื่อลดต้นทุนทางการเงิน ส่งผลให้กำไรสุทธิของ CKPower ในปี 2561 เพิ่มขึ้นเป็น 599 ล้านบาท มีการเติบโตที่สูงขึ้นถึง 277% จากปีก่อน เป็นสัญญาณที่ดีในการพร้อมก้าวสู่การเป็นบริษัทผู้ผลิตไฟฟ้าชั้นนำทั้งในประเทศและระดับภูมิภาคอาเซียนในอนาคต

“CKPower” ย้ำธุรกิจแกร่ง ทุบสถิติสร้างนิวไฮ ปี 2561 รายได้โตเพิ่ม 30% กำไรพุ่งกว่า 3 เท่า

กลยุทธ์หลักของ CKPower คือการสร้างมูลค่าเพิ่มให้เติบโตและเกิดผลกำไรอย่างต่อเนื่อง เดินหน้าขยายกิจการและลงทุนธุรกิจพลังงานในประเทศเพื่อนบ้านอย่างสปป.ลาว ด้วยภูมิประเทศที่มีศักยภาพเหมาะแก่การสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำ รวมถึงการสนับสนุนภาคเอกชนให้เข้ามาพัฒนาโครงการผลิตกระแสไฟฟ้าพลังน้ำในประเทศและสอดรับกับแนวโน้มการใช้ไฟฟ้าของสปป. ลาว ที่มีอัตราเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2561 CKPower มองหาโอกาสเพื่อเสริมให้ผลประกอบการในอนาคตมีความแข็งแกร่งขึ้น จึงได้เข้าลงทุนเพิ่มใน บริษัท ไซยะบุรี พาวเวอร์ จำกัด (“XPCL”)  ผู้รับสัมปทานโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรีอีกร้อยละ 7.5 ของทุนจดทะเบียน มูลค่าลงทุนรวม 2,065 ล้านบาท ทำให้สัดส่วนการถือหุ้นใน XPCL อยู่ที่ร้อยละ 37.5 โครงการดังกล่าวมีการพัฒนาระบบส่งไฟฟ้าและก่อให้เกิดประโยชน์ร่วมกัน นับเป็นพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์ในการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ พร้อมสร้างความยั่งยืนให้เกิดขึ้นในภูมิภาคอาเซียน  ปัจจุบัน โครงการไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรีก่อสร้างคืบหน้าไปแล้วกว่า 97% โดยเมื่อวันที่ 30-31 มกราคม 2562  นายวิบูลย์ ฤกษ์ศิระทัย  ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) พร้อมคณะ เข้าเยี่ยมชมความคืบหน้าการก่อสร้างและชมการทดสอบขั้นสุดท้ายก่อนจ่ายไฟฟ้าครั้งแรกของเครื่องกำเนิดไฟฟ้าชุดที่หนึ่ง โดยบริษัทฯ คาดว่าเครื่องกำเนิดไฟฟ้าชุดแรกจะสามารถเริ่มผลิตไฟฟ้าได้ในไตรมาสแรก ปี 2562 และชุดถัดไปจะทยอยเข้าสู่ระบบ กฟผ. จนครบทั้งหมด 7  ยูนิต การก่อสร้างจะแล้วเสร็จตามแผนสามารถเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในไตรมาส 4 ปี 2562  โดยจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยผ่านทางสายส่งทางจังหวัดเลย ตามสัญญาการซื้อขายไฟจากประเทศเพื่อนบ้าน จำนวน 1,220 เมกะวัตต์ และขายไฟให้กับรัฐวิสาหกิจไฟฟ้าลาว จำนวน 65 เมกะวัตต์

“CKPower” ย้ำธุรกิจแกร่ง ทุบสถิติสร้างนิวไฮ ปี 2561 รายได้โตเพิ่ม 30% กำไรพุ่งกว่า 3 เท่า

นอกจากนี้ CKPower ได้ลงทุนพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคาและบนพื้นดินเพื่อผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าให้กับผู้ประกอบการภาคเอกชนจำนวน 6 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งรวม 6.75 เมกะวัตต์ ซึ่งตอบโจทย์การใช้พลังงานสะอาดเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ห่วงใยสังคมและช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 2561 ได้มีการจ่ายไฟฟ้าให้กับผู้ประกอบการแล้ว 1 โครงการ ที่ขนาด 0.9 เมกะวัตต์  ในเดือนกุมภาพันธ์  ปี 2562 สำหรับอีก 5 โครงการอยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะสามารถเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ครบทั้งหมดในปี 2562 

“CKPower” ย้ำธุรกิจแกร่ง ทุบสถิติสร้างนิวไฮ ปี 2561 รายได้โตเพิ่ม 30% กำไรพุ่งกว่า 3 เท่า

บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) ได้เข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศ โดยดำเนินการร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจในการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนในรูปแบบต่างๆ อย่างครบวงจรด้วยศักยภาพด้านเงินลงทุนที่แข็งแกร่งบวกกับการใช้เทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพสูง ปัจจุบันบริษัทฯมีโรงไฟฟ้าอยู่ 3 ประเภทหลัก รวมทั้งสิ้น 13 โครงการ จำนวน 2,166.75 เมกะวัตต์  ได้แก่ โรงไฟฟ้าพลังน้ำ ที่สปป.ลาว จำนวน 2 แห่ง คือโรงไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำงึม 2  กำลังการผลิต 615 เมกะวัตต์  และโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรี กำลังการผลิต 1,285 เมกะวัตต์   โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม (Cogeneration) จำนวน 2 แห่ง กำลังการผลิต 238  เมกะวัตต์  และโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ จำนวน 9 แห่ง กำลังการผลิตรวม 28.75 เมกะวัตต์ โดย CKPower ได้ตั้งเป้าหมายกำลังการผลิตติดตั้งที่ 5,000 เมกะวัตต์ ภายในปี 2568 

“CKPower” ย้ำธุรกิจแกร่ง ทุบสถิติสร้างนิวไฮ ปี 2561 รายได้โตเพิ่ม 30% กำไรพุ่งกว่า 3 เท่า

ทุกโรงไฟฟ้าของ CKPower มุ่งเน้นให้ความสำคัญกับการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง (Social and Environmental Responsibility)  ภายใต้นวัตกรรมทางวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยีพลังงานรูปแบบใหม่อันล้ำสมัยเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมก้าวเป็นผู้นำด้านพลังงานสะอาดของประเทศไทยและในภูมิภาคอาเซียน CKPower พร้อมพัฒนาธุรกิจให้เป็นไปตามกลยุทธ์เพื่อความเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน (Sustainable)  รวมทั้งยังคงมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆภายในประเทศ รวมถึงศึกษาความเป็นไปได้ ในการเข้าพัฒนาโครงการในประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆที่มีศักยภาพ เพื่อสร้างความมั่นคงและความเชื่อมั่นต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง

“CKPower” ย้ำธุรกิจแกร่ง ทุบสถิติสร้างนิวไฮ ปี 2561 รายได้โตเพิ่ม 30% กำไรพุ่งกว่า 3 เท่า