อยากสร้างนวัตกรรมเปลี่ยนโลก ต้องรู้จัก "Design Thinking" หลักสูตรชั้นนำจาก Stanford

อยากสร้างนวัตกรรมเปลี่ยนโลก ต้องรู้จัก "Design Thinking" หลักสูตรชั้นนำจาก Stanford

 

ในช่วง 3 ถึง 4 ปีที่ผ่านมา คำว่า Design Thinking เริ่มเป็นที่พูดถึงในวงการธุรกิจประเทศไทยมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน โดยขับเคลื่อนจากกลุ่ม Start up ค่อยๆ ขยายวงกว้างและสร้างความเปลี่ยนแปลงจนองค์กรใหญ่ๆ มากมายเริ่มหันมาให้ความสนใจใน Design Thinking กันมากขึ้น

หากถามว่าทำไม Design Thinking ถึงสำคัญจนทุกองค์กรต้องเริ่มหันมาสนใจ และทำความเข้าใจกันอย่างจริงจัง ก็ต้องบอกว่าในโลกที่ “ลูกค้า” เป็นเหมือนศูนย์กลางของการดำเนินธุรกิจอย่างทุกวันนี้ กระบวนการคิดแบบ Design Thinking ที่ใช้การทำความเข้าใจปัญหาอย่างลึกซึ้ง โดยให้ผู้ใช้งานจริงเป็นศูนย์กลางของการหาข้อมูล และนำปัญหาเหล่านั้นมาสร้างสรรค์ ออกแบบ ทดสอบและพัฒนาให้ออกมาเป็นนวัตกรรมที่ตอบโจทย์กับผู้ใช้ได้อย่างตรงจุด Design Thinking จึงเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจดำเนินไปได้อย่างรวดเร็ว และยั่งยืน

Design Thinking จุดเริ่มต้นของนวัตกรรมเปลี่ยนโลก

การสร้างนวัตกรรมด้วยกระบวนการคิดแบบ Design Thinking มักเริ่มด้วยการหา “ปัญหา” เจาะลึกลงไป และสร้างสิ่งใหม่ๆ ขึ้นมาเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านั้น และเมื่อนวัตกรรมนั้นเกิดขึ้น มันจึงไม่ใช่แค่ “สินค้า” หนึ่งชิ้น แต่เป็นสิ่งที่สามารถเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของคนได้

ยกตัวอย่างเช่น “Embrace” ที่เริ่มจากปัญหาในประเทศกำลังพัฒนานั้นมีสถิติเด็กเสียชีวิตจากการคลอดก่อนกำหนดถึง 450 คน ในทุก 1 ชั่วโมง เพราะไม่สามารถเดินทางไปที่โรงพยาบาลหรือมีค่าใช้จ่ายพอสำหรับการพาเด็กทารกเข้าตู้อบ

บริษัท Embrace Innovations จึงดีไซน์ “Embrace” เครื่องให้ความอบอุ่นที่มีราคาถูกกว่าตู้อบทั่วไปถึง 100 เท่าออกมา ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่าง ถุงนอน และ กระเป๋าน้ำร้อน จุดเด่นนอกจากจะมีค่าใช้จ่ายที่ถูกลงมาก ยังทำให้การส่ง “Embrace” ไปตามประเทศกำลังพัฒนาต่างๆ เป็นเรื่องง่าย และเข้าถึงคนได้เป็นจำนวนมากอีกด้วย

หรือจะเป็น Start up ระดับ Unicorn อย่าง Airbnb ที่เริ่มต้นจากปัญหาง่ายๆ ที่ว่า “ไม่มีเงินจ่ายค่าห้องตัวเอง” สู่การดีไซน์ระบบที่เปลี่ยนวิธีการจองห้องพักและปล่อยเช่าห้องพักของคนทั้งโลกในปัจจุบัน

แต่หากถามว่านวัตกรรมที่สร้างสรรค์ด้วยกระบวนการ Design Thinking ชิ้นไหนเปลี่ยนโลกได้จริง ในยุคเริ่มต้นคงต้องย้อนกลับไปในปี 1980 ปีที่ เมาส์ รุ่นแรกของ Apple ได้ถือกำเนิดขึ้น

 

เมาส์รุ่นแรกของ Apple

เมาส์ตัวแรกของโลกถูกคิดค้นขึ้นในปี 1963 โดยดักลาส เองเกลบาร์ท แต่เวลาล่วงเลยไปไม่เคยมีบริษัทไหนที่จะนำพาสิ่งประดิษฐ์นี้ไปให้คนทั่วไปได้ใช้งานมันจริงๆ จนกระทั่ง Xerox PARC และ Apple ได้ซื้อสิทธิบัตรมาถือร่วมกัน

ในช่วงแรก Xerox PARC ได้เริ่มผลิตเมาส์ออกมาก่อน แต่ไม่ประสบความสำเร็จในวงกว้างเพราะติดปัญหาเรื่องการใช้งาน และข้อจำกัดต่างๆ

อยากสร้างนวัตกรรมเปลี่ยนโลก ต้องรู้จัก \"Design Thinking\" หลักสูตรชั้นนำจาก Stanford

(เมาส์รุ่นแรกของโลก สร้างโดย ดักลาส เองเกลบาร์ท เครดิตภาพ www.history-computer.com)

Apple มองเห็นปัญหาและความยุ่งยากของการใช้เมาส์ที่มีอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งทำให้การใช้งานคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเป็นเรื่องไกลตัวคนทั่วไปมากขึ้นกว่าเดิม จนในที่สุด Apple ก็สามารถออกแบบเมาส์ที่ทำให้คนทั้งโลกเปลี่ยนวิธีใช้คอมพิวเตอร์ไปตลอดกาล

เมาส์ของ Apple ถูกดีไซน์ออกมาให้ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน และ “ช่วย” ให้การใช้งานคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเป็นเรื่องง่ายตามไปด้วย จนเป็นที่มาที่ไปของการที่คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลหลังจากนั้น ไม่ว่าจะแบรนด์ไหนก็ต้องมีเมาส์มาให้กับผู้ใช้ด้วย และคนที่ออกแบบเมาส์รุ่นแรกของ Apple ก็คือ “ทิม บราวน์”

อยากสร้างนวัตกรรมเปลี่ยนโลก ต้องรู้จัก \"Design Thinking\" หลักสูตรชั้นนำจาก Stanford

(เมาส์รุ่นแรกของ Apple เปิดตัวครั้งแรกกับคอมพิวเตอร์ Lisa และได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางในช่วงที่ Apple เปิดตัว Apple Macintosh เครดิตภาพ www.ideo.com)

จากเมาส์รุ่นแรกสู่ Design Thinking หลักสูตรเปลี่ยนโลกของ Stanford d.school

จะเห็นได้ว่ากระบวนการคิดแบบ Design Thinking ถูกใช้ในการสร้างนวัตกรรม มาอย่างยาวนาน แต่คำๆ นี้ เพิ่งจะเป็นที่รู้จักในวงกว้างเมื่อมันเป็นชื่อหลักสูตรที่สถาบัน d.school ของ Stanford โดยหนึ่งในคนที่ร่วมก่อร่างสร้างหลักสูตรนี้ขึ้นมาก็คือ “ทิม บราวน์” เจ้าของหนังสือ CHANGE BY DESIGN หนังสือเกี่ยวกับ Design Thinking ที่คนทั่วโลกยอมรับ

อยากสร้างนวัตกรรมเปลี่ยนโลก ต้องรู้จัก \"Design Thinking\" หลักสูตรชั้นนำจาก Stanford

(ทิม บราวน์ CEO บริษัท IDEO และหนังสือ CHANGE BY DESIGN เครดิตภาพ www.ideo.com)

d.school (ชื่อเต็มคือ The Hasso Plattner Institute of Design) ก่อตั้งขึ้นในปี 2005 ซึ่งนับเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมของ Stanford และได้รับการยกย่องว่าเป็นสถาบันที่มีหลักสูตร Design Thinking ที่ดีที่สุดในโลก แต่หากจะขยายความไปมากกว่านั้น ก็ต้องบอกว่าที่นี่ยังเป็นเหมือนศูนย์กลางนวัตกรรมของบริษัทชั้นนำใน Silicon Valley อีกด้วย เพราะอาจารย์ส่วนใหญ่ที่สอนในสถาบัน d.school มีประสบการณ์การทำงานจริงกับธุรกิจชั้นนำใน Silicon Valley และมีผลงานที่ประสบความสำเร็จมากมาย ยกตัวอย่างเช่น “บิล เบอร์เน็ตต์” ผู้ออกแบบบานพับของ Apple Macbook ที่ได้รับรางวัลด้านการออกแบบจากหลายสถาบัน

อยากสร้างนวัตกรรมเปลี่ยนโลก ต้องรู้จัก \"Design Thinking\" หลักสูตรชั้นนำจาก Stanford

(บิล เบอร์เน็ตต์ Executive Director Stanford Design Program เครดิตภาพ www.designingyour.life)

อยากสร้างนวัตกรรมเปลี่ยนโลก ต้องรู้จัก \"Design Thinking\" หลักสูตรชั้นนำจาก Stanford

 (บานพับที่เป็นเอกลักษณ์ของ Apple Macbook ทุกรุ่น)

สถาบัน d.school ของ Stanford นับเป็นที่ที่สร้างคน สร้างนวัตกรรมให้กับโลกมากมาย โดยผลสำรวจจากหลายสถาบันให้ข้อมูลว่า 60% ของ Founder ที่สร้าง Start up ระดับ Unicorn ที่อยู่ใน Silicon Valley จบจาก Stanford

 

หลักสูตร Design Thinking ของ d.school จะเน้นไปที่ 5 สิ่งหลักๆ คือ

Empathy การทำความเข้าใจกลุ่มเป้าหมายให้มากที่สุด เจาะลึกไปให้เห็นถึงปัญหาที่แท้จริง

Define การวิเคราะห์ข้อมูล ตั้งคำถามและผลักดันให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ โดยไม่ตีกรอบความคิดใดๆ

Ideate การระดมความคิดสร้างสรรค์จำนวนมากโดยเน้นไปที่การหาแนวคิดที่จะแก้ปัญหาให้ได้มากที่สุด หลากหลายที่สุด

Prototype สร้างต้นแบบ ทดสอบและตั้งคำถามเพื่อให้เห็นถึงข้อผิดพลาดให้เร็วที่สุด

Test นำแบบจำลองที่ผ่านการทดสอบ ไปให้กลุ่มเป้าหมายจริงๆ ได้ทดลอง และนำผลตอบรับ หรือข้อแนะนำต่างๆ มาปรังปรุงต่อไป

อยากสร้างนวัตกรรมเปลี่ยนโลก ต้องรู้จัก \"Design Thinking\" หลักสูตรชั้นนำจาก Stanford

(เครดิตรูปภาพ www.dschool.stanford.edu)

จะเห็นได้ว่าเป็นกระบวนการคิดที่เป็นระบบ และโฟกัสไปที่ปัญหาที่แท้จริง หลักการ Design Thinking จึงทำให้ผู้คนสามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมขึ้นมาได้ ไม่ใช่เพียงการผลิตสินค้ามาเพื่อขายเพียงอย่างเดียว

และในวงการของนักออกแบบก็นิยมนำกระบวนการนี้มาใช้กับ “Wicked problem” หรือการแก้ปัญหาระดับโครงสร้างที่มีความซับซ้อนหรือลักษณะเฉพาะตัว เพื่อให้ได้มาซึ่งการออกแบบนวัตกรรมที่แก้ปัญหาได้อย่างลึกซึ้งและตรงกับความต้องการของผู้ใช้ให้มากที่สุดอีกด้วย

ก่อนหน้านี้หากใครต้องการเรียนหลักสูตร Design Thinking ที่มาจากสถาบัน d.school ของ Stanford คงต้องบินไปไกลถึงสหรัฐอเมริกา แต่ปัจจุบันสถาบัน SEAC ได้มีโปรแกรม Leading Innovation with DESIGN THINKING หลักสูตรพัฒนานวัตกรรมด้วยการคิดเชิงออกแบบ โดยความร่วมมือกับ Stanford Center for Professional Development (SCPD) เป็นที่แรกและที่เดียวของประเทศไทย

เรียกว่าเป็นโอกาสที่ดีขององค์กรในประเทศไทยที่จะสามารถส่งทีม Innovation ของตัวเองไปเรียนรู้ Design Thinking จากหลักสูตรที่ได้รับมาตรฐานระดับโลกและคนทั้งโลกให้การยอมรับ

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ http://bit.ly/seacdt1  หรือโทร 02-028-9759