เหตุผลดีๆ ที่ “Leasehold” คือคำตอบที่ใช่ สำหรับคนเมือง Urban Life

เหตุผลดีๆ ที่ “Leasehold” คือคำตอบที่ใช่ สำหรับคนเมือง Urban Life

 

แม้เทรนด์ที่พักอาศัยที่เรียกว่า Leasehold จะเพิ่งเป็นที่รู้จักแพร่หลายในบ้านเรา แต่ดูเหมือนจะได้รับการตอบรับอย่างดีจากกลุ่มคนเมืองยุคใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง ที่ต้องการใช้ชีวิตที่เป็นอิสระได้มากขึ้น

ซึ่งหากถามว่าอะไรเป็นปัจจัยที่ทำให้ความนิยมของ Leasehold ได้รับการตอบรับอย่างดี ?

อาจเป็นเพราะวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปของคนยุคปัจจุบัน เมื่อเทคโนโลยีทำให้สะดวกและไร้ขอบเขต ส่งผลต่อการใช้ชีวิตให้อิสระมากขึ้น

หนึ่งในปรากฏการณ์ทางสังคมที่กำลังเกิดขึ้นคือ กระแสครอบครัวเดี่ยวมีมากขึ้น คนยุคปัจจุบันเริ่มอยู่คนเดียวและมีแนวโน้มที่จะมีคู่ครองช้า ขณะที่ครอบครัวเริ่มมีขนาดเล็กลง

ทัศนคติและไลฟ์สไตล์ที่หลุดออกจากกรอบเดิมๆ ในอดีตเหล่านี้ ยังทำให้คนยุคนี้มีไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตอิสระมากขึ้น และสามารถใช้ชีวิตในแบบที่ต้องการได้ทุกเวลา ดังนั้นการอาศัยอยู่บ้านหลังใหญ่จึงไม่ใช่คำตอบที่เหมาะสมเท่าใดนัก เพราะมีความยุ่งยากทั้งในเรื่องการเดินทาง ค่าใช้จ่าย และการดูแลรักษา

เหล่านี้เป็นเหตุผลที่ผู้คนในยุคหลังๆ หันมาเลือกอยู่อาศัยในคอนโดใจกลางเมือง ที่ทำให้การเดินทางสะดวกสบาย ประหยัดเวลา มีเวลาว่างสำหรับกิจกรรมอื่นๆ ที่ชอบ ไม่ว่าจะออกไปแฮงค์เอาท์กับเพื่อน การไปฟิตเนสหรือเดินเล่นในสวนสาธารณะเพื่อออกกำลังกาย

แต่เพราะปัจจุบันนี้ราคาที่ดินใจกลางเมืองที่พุ่งสูงขึ้น ทำให้การหาคอนโดฯ ทำเลสวยใจกลางเมือง อาจดูไกลเกินเอื้อม  

นั่นจึงเป็นเหตุผลข้อแรกที่ทำให้ที่พักอาศัยในแบบที่เรียกว่า “Leasehold” ดูจะโดนใจและเป็นคำตอบที่ใช่ของกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่เรียกว่า Smart Thinking People เหล่านี้

อะไรคือความแตกต่างระหว่าง Freehold และ Leasehold ?

Leasehold Vs Freehold

หากอธิบายความแตกต่างของ Freehold และ Leasehold นั้น ง่ายๆ ก็คือ Freehold เจ้าของโครงการ หรือบริษัทผู้พัฒนาโครงการที่ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์นั้น ทำการขายขาดกรรมสิทธิ์ให้กับผู้ซื้อโครงการ ส่วน Leasehold เป็น “การถือครองกรรมสิทธิ์แบบสัญญาเช่าระยะยาว” ซึ่งตามกฎหมายของประเทศไทยจะให้สิทธิในการถือครองครั้งละ 30 ปี และสามารถต่ออายุได้อีกครั้งละ 30 ปี

ในส่วน Leasehold ก็จะมีอยู่ 2 แบบ คือ แบบที่ผู้พัฒนาที่ดิน (Developer) เช่าพื้นที่จากเจ้าของที่ดิน (Landlord) แล้วนำมาพัฒนาเป็นโครงการต่างๆ เมื่อพัฒนาเสร็จแล้วก็จะจัดตั้งนิติบุคคลให้เข้ามาดูแลโครงการต่อ เมื่อครบอายุสัญญาเช่าที่ดิน อาคารก็จะกลับไปเป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้าของที่ดิน ซึ่ง model นี้ ทำให้ Leasehold ไม่เป็นที่นิยม เนื่องจากอาคารจะขาดการดูแลรักษา และเสื่อมโทรมเมื่อใกล้จะครบสัญญาเช่า  ส่วนอีกแบบหนึ่งคือ เจ้าของที่ดิน (Landlord) เป็นผู้พัฒนาโครงการเองจนแล้วเสร็จ และยังคงบริหารจัดการโครงการอย่างต่อเนื่อง ทำให้อาคารได้รับการดูแลรักษาให้มีสภาพดีอยู่เสมอ

จุดแข็งของ Leasehold

โครงการที่อยู่อาศัยแบบ Leasehold จะมีระดับราคาที่ถูกกว่าราคาซื้อขายที่อยู่อาศัยแบบ Freehold ในย่านเดียวกันมากถึง 40% ในมุมมองของนักลงทุนแล้ว นั่นเป็นเหตุผลสำคัญที่จะทำให้โครงการที่อยู่อาศัยแบบ Leasehold เป็นที่น่าสนใจของตลาดนักลงทุน เพราะต้นทุนที่ต่ำกว่า แต่มีโอกาสในการปล่อยเช่าได้ในอัตราค่าเช่าเดียวกับที่อยู่อาศัยแบบ Freehold ซึ่งมีต้นทุนที่สูงกว่า ทำให้โครงการที่อยู่อาศัยแบบ Leasehold มีโอกาสในการสร้างอัตราผลตอบแทนที่สูงกว่าที่อยู่อาศัยแบบ Freehold

Leasehold Vs Freehold

จุดแข็งอีกประการของ Leasehold โดยเฉพาะโครงการที่เจ้าของที่ดินเป็นผู้พัฒนาและบริหารโครงการเองนั้น จะได้รับการดูแลเอาใจใส่ตั้งแต่เริ่มก่อสร้าง ไปจนถึงการบำรุงรักษาอาคารไม่ให้เสื่อมโทรม เพื่อให้อาคารยังคงสภาพการใช้งานได้อย่างดีอยู่เสมอ แม้ระยะเวลาผ่านไป 10 ปี 20 ปี หรือ 30 ปี ดังนั้น มูลค่าของอาคารในระยะยาวย่อมมีมากกว่า หากต้องการปล่อยเช่าต่อก็สามารถทำราคาได้ดี

แต่หากเป็นโครงการแบบ Freehold หรือ Leasehold ที่ผู้พัฒนาไม่ใช่เจ้าของที่ดิน ภาระการดูแลจะตกเป็นหน้าที่ของนิติบุคคลอาคารชุดที่จัดตั้งขึ้นมา ซึ่งอย่างแรกที่เป็นปัญหาคลาสสิคของคอนโดส่วนใหญ่ คืออาคารทรุดโทรมเพราะขาดการดูแลที่ดี เนื่องจากวัสดุอุปกรณ์มีอายุการใช้งานสั้น และหากได้นิติบุคคลอาคารชุดที่ขาดความรับผิดชอบและขาดความเป็นมืออาชีพ สภาพอาคารในระยะยาว 30 ปี ก็อาจทรุดโทรมหนักจนไม่สามารถปล่อยเช่าต่อได้อีก ทั้งในแง่ของการอยู่อาศัยและการลงทุน

จากความน่าสนใจเหล่านี้ ทำให้ Leasehold ที่ผู้พัฒนาโครงการเป็นเจ้าของที่ดิน กำลังเป็นเทรนด์ใหม่สุดฮ็อตของคนยุคใหม่ ที่มีแนวโน้มเปิดรับการถือครองที่อยู่อาศัยในวันนี้และในอนาคตมากขึ้น   

และหากพูดถึงโครงการคอนโด Leasehold ในบ้านเราที่ทุกคนนึกถึงเป็นอันดับต้นๆ แน่นอนว่าต้องมีชื่อของบริษัท สยามสินธร จำกัด ผู้พัฒนาโครงการซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้าน Leasehold แท้จริง

ความสำเร็จของสยามสินธร คือ การเป็นเจ้าของที่ดินที่เป็นทั้งผู้พัฒนาและบริหารโครงการฯ เอง เริ่มจากโครงการสินธร วิลเลจ (Sindhorn Village) บนพื้นที่ 56 ไร่ย่านหลังสวน แลนด์มาร์คสำคัญใจกลางกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นแรงหนุนสำคัญที่สร้างความไว้วางใจจากกลุ่มลูกค้าในเรื่องการดูแลและบริหารอาคารอย่างดีเยี่ยม

เหตุผลดีๆ ที่ “Leasehold” คือคำตอบที่ใช่ สำหรับคนเมือง Urban Life

ความสำเร็จจากโครงการแรกภายใต้สินธร วิลเลจ (Sindhorn Village) คือคอนโดมิเนียมระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ “สินธร เรสซิเดนซ์” ที่สามารถปิดการขายได้อย่างรวดเร็วถึง 85% ภายใน 2 ปี และอีกสองโครงการที่ตามมา คือ โครงการ สินธร ลุมพินี และโครงการ สินธร ต้นสน ที่ได้เปิดขายอย่างเป็นทางการไปเมื่อกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ปัจจุบัน สินธร ลุมพินี มียอดขายรวมกว่า 70% และสินธร ต้นสน มียอดขายรวมกว่า 50% ถือได้ว่าประสบความสำเร็จเกินคาด ทำให้โครงการกำลังเดินหน้าต่อกับอีก 2 โครงการใหม่ล่าสุด คือ บ้านสินธร และอีกหนึ่งโครงการซึ่งจะเป็น Branded Residence เชื่อว่าจะยังคงได้รับความสนใจจากกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ที่มองหาที่อยู่อาศัยที่สามารถรองรับไลฟ์สไตล์ได้เช่นเคย