ดุ๊ก ภารไดย นักปั้นแบรนด์บุคคล สำหรับผู้บริหารระดับสูง

ดุ๊ก ภารไดย นักปั้นแบรนด์บุคคล สำหรับผู้บริหารระดับสูง

นโยบาย วัฒนธรรมองค์กร ตลอดจนวิธีที่จะโน้มน้าวและชักจูง ให้เดินไปในทิศทางเดียวกัน ผมเชื่อว่าประสบการณ์ที่ผ่านมา จะทำให้ผมแตกต่างจากโค้ชทั่วไป

 

จากประสบการณ์ในแวดวงธุรกิจกว่า 25 ปี ของ ดุ๊ก – ภารไดย ธีระธาดา นักสร้างแบรนด์องค์กรชั้นนำ โดยเฉพาะความภูมิใจในการทรานส์ฟอร์มธนาคารทหารไทย จนเป็นทีเอ็มบีในปัจจุบัน ที่วันนี้หันมาสร้าง                      แบรนด์บุคคล ผ่านการเป็น เมนเทอร์โค้ช (Mentor Coach) ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จนักบริหารหลายๆ ท่าน  ที่จะพัฒนาและดึงศักยภาพสูงสุดของนักบริหารแบบครบ 360°

 

จากนักสร้างแบรนด์องค์กรที่เคยร่วมงานเป็นผู้บริหารระดับสูงในองค์กรชั้นนำ ไม่ว่าจะเป็น ออเร้นจ์, ทรู, จีอี, ทีเอ็มบี และดีแทค ดุ๊ก – ภารไดย ยังคงสนุกกับการสร้างแบรนด์  แต่เปลี่ยนจากการสร้างแบรนด์องค์กร มาสู่การสร้างแบรนด์รายบุคคล เพราะคนแต่ละคนมีความแตกต่างที่ไม่เหมือนกัน

 

“เพราะผมเคยผ่านงานกับองค์กรข้ามชาติ  ซึ่งเป็นทีมใหญ่ และต้องบริหารจัดการหลายฟังก์ชั่น และหลายมิติ ทำให้ผมเข้าใจวิถีการทำงานของคนตะวันตก และตะวันออก จนมองออกว่าถ้าเราจะบริหารองค์กรที่เป็น Multinational จะต้องทำอย่างไร เพราะผมนั้นเข้าใจสิ่งแวดล้อมการทำงาน นโยบาย วัฒนธรรมองค์กร ตลอดจนวิธีที่จะโน้มน้าวและชักจูง ให้เดินไปในทิศทางเดียวกัน ผมเชื่อว่าประสบการณ์ที่ผ่านมา และทฤษฎีที่นำมาผสมผสานกัน จะทำให้ผมแตกต่างจากโค้ชทั่วไป”

 

 ดุ๊ก – ภารไดย ยังเผยว่า “ทุกธุรกิจสามารถมีเมนเทอร์โค้ชได้ เพราะเมนเทอร์โค้ชจะเป็นทั้งที่ปรึกษา พี่เลี้ยงพร้อมจุดประกายความคิด ให้ก้าวข้ามปัญหาอุปสรรค ไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ บนพื้นฐานของวิสัยทัศน์ที่ตั้งมั่น            ก่อเกิดเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะเมนเทอร์โค้ชอย่างผม ยังดูแลถึงการเสริมสร้างบุคลิกเพื่อสร้างความมั่นใจ เป็นการดูแลแบบครบ 360°

 

ปัจจุบันมีโค้ชต่างๆ เยอะมาก บางบริษัทมีโค้ชอยู่ภายในองค์กร และยังเป็นการโค้ชแบบคลาสรูม  30-50 คน ใช้เนื้อหาเดิมๆ ที่อิงไปทางด้านทฤษฎี แต่สำหรับเมนเทอร์โค้ชแทบไม่มี และที่แตกต่างคือ ผมนำประสบการณ์ที่มีมาร่วมกับทฤษฎี และในการให้คำปรึกษาแต่ละครั้ง ผมจะมีการบ้านให้นักบริหารได้กลับไปคิดทบทวนเพื่อสำรวจและพัฒนาตัวเอง ผมเคยเป็นที่ปรึกษาให้กับทนายความ ให้คำปรึกษาตั้งแต่การสร้างสัมพันธภาพกับลูกความ สร้างความน่าเชื่อถือ ไปจนถึงสร้างความมั่นใจให้แก่ทนายความท่านนั้น ดูแลตั้งแต่มารยาทบนโต๊ะอาหาร การเริ่มต้นบทสนทนา จนกระทั่งเรื่องของการแต่งตัว”

 

เมนเทอร์โค้ชคนเก่งยังแนะอีกว่า ผู้บริหารตั้งแต่ระดับกลางขึ้นไป ควรมีเมนเทอร์โค้ชเป็นที่ปรึกษา ด้วยประสบการณ์ในการทำงานที่สั่งสมยังไม่มากพอ อาจยังไม่สามารถมองเกมธุรกิจหรือตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาด ทำให้ไม่มีแนวความคิดอะไรใหม่ๆ ให้ได้ปฏิบัติ เมนเทอร์โค้ชจึงมีบทบาทเข้ามาช่วย ด้วยการจุดประกายความคิดใหม่ๆ เพื่อให้ผู้บริหารได้ลองไปทบทวนหรือปรับใช้ ในขณะที่ผู้บริหารระดับสูงขององค์กรสั่งสมประสบการณ์มากกว่า มีการตัดสินใจที่ชัดเจน จึงใช้ระบบโค้ชชิ่งมากกว่าเมนเทอร์

 

สิ่งหนึ่งที่จะทำให้ธุรกิจสัมฤทธิ์ผลบรรลุสู่เป้าหมาย ดุ๊ก – ภารไดย ยังเผยว่า “ผู้บริหารจะต้องเชื่อใจ และจริงใจในการกล้าที่จะบอกปัญหาหรืออุปสรรคต่างๆ หากเปิดเผยความจริงทั้งหมด  95% จะสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ และไปถึงเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งก่อนที่ผมจะเป็นที่ปรึกษาให้แก่ผู้บริหารท่านใด ผมจะมีการพูดคุยกันก่อน เพื่อมองหาเคมีที่เข้ากัน และผู้บริหารท่านนั้นจะต้องมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน และรู้ว่าต้องการเมนเทอร์โค้ชเพื่ออะไร

 

ท่ามกลางการแข่งขันทางธุรกิจที่ดุเดือดและมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา สิ่งที่ผมมองเกี่ยวกับนักบริหารยุคใหม่นี้ จะต้องเป็นผู้ที่กล้าจะล้มเหลว เพื่อเรียนรู้ความล้มเหลวนั้น และต้องเป็นผู้ที่ชอบทดลองสิ่งใหม่ๆ หลากหลายวิธี ต้องปรับมายด์เซ็ตใหม่ เพราะหากกลัวการล้มเหลวแล้วหยุดนิ่ง นั่นคือจุดเริ่มต้นของการเตรียมตัวตาย รวมถึงยังต้องสร้างแรงผลักดันให้แก่พนักงานในองค์กร ให้พวกเขารู้สึกถึงคุณค่าของตัวเองในองค์กร”

 

“ดังนั้นเมนเทอร์โค้ชไม่เพียงให้คำปรึกษาแก่นักบริหาร แต่ยังสร้างคุณค่าให้แก่นักบริหารอีกด้วย และยังผลักดันองค์กร สังคมให้ดีขึ้นตามลำดับ เพราะคนทุกคนล้วนมีพลังขับเคลื่อนในตัวเอง หากคุณเป็นคนที่มีความแข็งแรงทางความคิด ทัศนคติบวก จะมีแต่คนอยากเข้ามาพูดคุย ขอความช่วยเหลือ สิ่งเหล่านี้จึงเป็นเหมือนแรงสะท้อนส่งต่อออกไป ที่จะพัฒนาให้ทั้งตัวบุคคล องค์กร และสังคมให้ดียิ่งขึ้น” เมนเทอร์โค้ชหนุ่ม ไฟแรงกล่าวปิดท้าย

 

หากคุณกำลังมองหาความสำเร็จในธุรกิจ หรือการใช้ชีวิต https://theerathada.com พร้อมเป็นเมนเทอร์โค้ช ให้แก่คุณ