แอคคอร์รั้งตำแหน่งผู้นำตลาดกลุ่มไลฟ์สไตล์ระดับโลก ปี 61

แอคคอร์รั้งตำแหน่งผู้นำตลาดกลุ่มไลฟ์สไตล์ระดับโลก ปี 61

เปิดโรงแรมและร่วมลงนามความร่วมมือในการเปิดโรงแรมใหม่มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ เข้าซื้อกิจการแบรนด์ใหม่ 14 แบรนด์ ที่ช่วยเสริมพอร์ตโฟลิโอ

ปีที่ผ่านมาเป็นปีที่ทางบริษัทเปิดโรงแรมและร่วมลงนามความร่วมมือในการเปิดโรงแรมใหม่มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดกลุ่มไลฟ์สไตล์ที่เติบโตอย่างชัดเจน สืบเนื่องจากการเข้าซื้อกิจการแบรนด์ใหม่ 14 แบรนด์ ที่ช่วยเสริมพอร์ตโฟลิโอของทางบริษัทในส่วนตลาดนี้ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น 

ปี 2561 สร้างสถิติใหม่ด้านการพัฒนาโครงการให้กับแอคคอร์

การเปิดห้องพักรวม 100,000 ห้อง ซึ่งเกิดจากทั้งการเติบโตจากภายในองค์กรและการเข้าซื้อกิจการทั้งหมดในปี 2561 ทำให้ทางบริษัทมีความชัดเจนและกลายเป็นผู้นำในระดับสากลสำหรับส่วนตลาดที่เติบโตรวดเร็วที่สุด ด้วยแบรนด์ที่มีความแข็งแกร่ง โดดเด่น และเพียบพร้อมสมบูรณ์ ตอบสนองความคาดหวังทั้งของลูกค้าและเจ้าของกิจการได้อย่างครบถ้วน

แอคคอร์ตอกย้ำความแข็งแกร่งด้านการพัฒนาโครงการด้วยการร่วมลงนามความร่วมมือในการเปิดโรงแรมเกือบ 500 แห่งในปี 2561 ซึ่งมากกว่าในปี 2560 ถึง 110 แห่ง 

Gaurav Bhushan ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนาโครงการ ของแอคคอร์ กล่าวว่า “ปีนี้ ถือเป็นอีกครั้งหนึ่งที่ทางบริษัทได้พิสูจน์ความสามารถในการก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง หลังจากที่แอคคอร์บรรลุเป้าหมายการดำเนินงานใน 100 ประเทศไปเพียงปีเดียวเท่านั้น ปี 2561 เป็นปีที่แอคคอร์เปิดโรงแรมมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ทั้งยังสามารถปักหลักวางตำแหน่งของตนในส่วนตลาดไลฟ์สไตล์ได้อย่างชัดเจน ทีมของเราสามารถสร้างพอร์ตโฟลิโอของแบรนด์ที่แข็งแกร่งในส่วนตลาดนี้ขึ้นมาได้เป็นผลสำเร็จในระยะเวลาอันสั้น และสามารถตอบสนองต่อความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นได้ในทุกส่วนตลาด ตั้งแต่ระดับหรูหราไปจนถึงระดับประหยัด”

การวางตำแหน่งในทุกส่วนตลาดมีความชัดเจนเป็นรูปธรรมมากขึ้นด้วยแผนการพัฒนา 10 แบรนด์สำหรับกลุ่มไลฟ์สไตล์ในระดับสากล

นักเดินทางสามารถปรับตัวให้เข้ากับความแปลกใหม่ของแบรนด์ ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมของการทำงานในเมืองและการพบปะสังสรรค์ โดยสามารถเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์แปลกใหม่ได้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการชมงานศิลปะ ลิ้มลองอาหารและค็อกเทลสูตรต้นตำรับ รื่นรมย์ไปกับกลิ่นหอมของดอกไม้และน้ำมันหอมระเหย การได้สัมผัสผิวไม้ธรรมชาติ หรือสัมผัสหน้าจอทัชสกรีน ตลาดในกลุ่มไลฟ์สไตล์ยังคงเติบโตในกลุ่มอุตสาหกรรมต่อไปอย่างไม่หยุดยั้งและทวีความสำคัญขึ้นเรื่อยๆ แอคคอร์จะกระตุ้นประสาทสัมผัสทั้ง 5 ให้ตื่นตัวด้วยประสบการณ์อันน่าตื่นเต้น ซึ่งแต่ละแบรนด์จะถูกวางตำแหน่งไว้ในพื้นที่เฉพาะอย่างชัดเจน โดยโรงแรมไลฟ์สไตล์ของแอคคอร์จะคอยให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นในทำเลอันทันสมัยที่พร้อมนำเสนอ…    

  • ปลายทางแปลกใหม่ไม่เหมือนใคร
  • การตกแต่งภายในโดดเด่น ซึ่งมักได้รับการออกแบบโดยดีไซเนอร์ชื่อก้อง
  • พื้นที่เปิดสำหรับการทำงานและพักผ่อน พบปะสังสรรค์ และร่วมเปิดประสบการณ์ในรูปแบบใหม่ๆ
  • ดนตรีและความบันเทิง
  • มิตรภาพที่เปิดกว้าง และไม่มีพิธีรีตองใดๆ
  • บริการอาหารและเครื่องดื่มหลากหลาย ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการสร้างรายได้ให้กับโรงแรม ทั้งในส่วนคอนเซ็ปต์ของร้านอาหาร, บาร์, คลับ, มิกโซโลจี เล้านจ์ ฯลฯ ในพื้นทืที่เปิดกว้างมองเห็นทัศนียภาพของเมือง เช่น บนเทอร์เรซ หรือบนชั้นดาดฟ้า

ภาพรวมของโรงแรม 14 แบรนด์ที่เข้าร่วมกับแอคคอร์ในปี 2561

(ตามลำดับการเข้าซื้อกิจการ อ้างอิงข้อมูลตัวเลขจากปลายปี 2561)

แอคคอร์สามารถสร้างพอร์ตโฟลิโอของแบรนด์ที่แข็งแกร่งได้ในระยะเวลาอันสั้น ทำให้สามารถดูแลเข้าถึงลูกค้าได้ในทุกส่วนตลาดตั้งแต่ระดับหรูหราไปจนถึงระดับประหยัด การเข้าซื้อกิจการแบรนด์ชั้นยอด 14 แบรนด์ ในปี 2561 ทำให้ทางบริษัทเติบโตอย่างเข้มแข็ง และยังเดินหน้าวางแผนขยายพอร์ตโฟลิโอต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาแบรนด์ต่างๆ ในระดับสากล เพื่อคงความเป็นผู้นำในกลุ่มตลาดหลักทั่วโลก 

Atton Hoteles:

10 โรงแรม – 2,013 ห้อง – 4 ประเทศ - 3 โรงแรมกำลังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา

Mantra ประกอบด้วยแบรนด์ Art Series, Peppers, Mantra และ Breakfree:

137 โรงแรม – 24,664 ห้อง – 3 ประเทศ – 9 โรงแรมกำลังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา

Mantis:

28 โรงแรม – 587 ห้อง – 11 ประเทศ – 10 โรงแรมกำลังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา

Mövenpick Hotels & Resorts:

86 โรงแรม – 21,259 ห้อง – 25 ประเทศ – 52 โรงแรมกำลังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา

21C Museum Hotels:

10 โรงแรมกำลังเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ เอ็ม แกลเลอรี่ คอลเลคชั่น

sbe ประกอบด้วยแบรนด์ Delano, SLS, The House of Originals, Mondrian และ Hyde:

18 โรงแรม - 6,662 ห้อง - 17 โรงแรม รวม 3,034 ห้องกำลังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา โดย sbe มีชื่อเสียงด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในรูปแบบเรสซิเด้นซ์เพื่อการพักอาศัย 

Tribe:

หนึ่งโรงแรมขนาด 126 ห้องในประเทศออสเตรเลีย – วางแผนเปิดโรงแรมเพิ่ม 10 แห่ง รวมจำนวนห้องพัก 1,700 ห้อง ในยุโรปและเอเชียแปซิฟิก รวมมีโรงแรมอยู่ในขั้นตอนการเจรจา 50 แห่งทั่วโลก

การเปิดโรงแรมและการร่วมลงนามครั้งสำคัญต่างๆ ในปี 2561

“การร่วมลงนามในสัญญาใหม่ๆ ตลอดปี 2561 จะกลายเป็นบันทึกในการเปิดโรงแรมใหม่ที่ครอบคลุมทุกส่วนตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับแบรนด์ราฟเฟิลส์ (Raffles) ซึ่งจะทำการเปิดโรงแรมแห่งแรกในสหรัฐอเมริกา แบรนด์โซ/ (SO/) ซึ่งจะเปิดตัวเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งในหลายภูมิภาค รวมถึงการเปิดโรงแรมใหม่อื่นๆ อีกมากมายในส่วนตลาดโรงแรมระดับกลางและระดับประหยัด” Gaurav Bhushan ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนาโครงการ ของแอคคอร์ กล่าว

  • เอเชียแปซิฟิก: ทางบริษัทได้ตอกย้ำความเป็นผู้นำ ด้วยจำนวนโรงแรมกว่า 500 แห่ง รวมจำนวนห้องพักเกือบ 100,000 ห้องที่กำลังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา ซึ่งรวมถึงการลงนามครั้งยิ่งใหญ่ของโรงแรมแห่งแรกภายใต้แบรนด์ โอเรียนท์ เอ็กซ์เพรส (Orient Express) ที่กรุงเทพมหานคร (154 ห้อง)

ไฮไลท์สำหรับปี 2561

การเปิดโรงแรมแฟร์มองต์ มัลดีฟส์ ซีร์รู เฟน ฟูชิ (112 ห้อง)

การเปิดโรงแรมโนโวเทล เมลเบิร์น เซาท์ วาร์ฟ ในออสเตรเลีย (347 ห้อง)

การลงนามเปิดโรงแรมไอบิส สไตล์ โตเกียว เบย์ ในญี่ปุ่น (261 ห้อง)

ภายนอกอาคารโรงแรมโอเรียนท์ เอ็กซ์เพรส คิง เพาเวอร์ มหานคร

  • อเมริกาเหนือและอเมริกากลาง: แอคคอร์เดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ด้วยจำนวนโรงแรมในขั้นตอนการพัฒนาเกือบ 30 แห่ง รวมเป็นจำนวนห้องพักเกือบ 5,000 ห้อง รวมไปถึงการลงนามเพื่อเปิดโรงแรมราฟเฟิลส์ แห่งแรกในบอสตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา (187 ห้อง)

ไฮไลท์สำหรับปี 2561

การเปิดโรงแรมแฟร์มองต์ ออสติน ด้วยจำนวนห้องพัก 1,048 ห้อง

และโรงแรมไอบิส สไตล์ เมริดา แกเลเรียส์ ในเม็กซิโก (140 ห้อง)

 โรงแรมราฟเฟิลส์ บอสตัน

  • อเมริกาใต้: แอคคอร์มีโรงแรมในขั้นตอนการพัฒนากว่า 110 แห่ง รวมจำนวนห้องพักเกือบ 15,000 ห้อง

ยิ่งใหญ่ด้วยการกลับมาในรอบ 10 ปีของแบรนด์โซฟิเทล โรงแรมแห่งแรกของทวีปนี้ ด้วยการลงนามเปิดโรงแรมโซฟิเทล คาซาบลังก้า บารู (187 ห้อง)

ไฮไลท์สำหรับปี 2561

การเปิดโรงแรมโนโวเทล ซานติอาโก โพรวิเดนเชีย ในชิลี (178 ห้อง)

การเปิดโรงแรมโนโวเทล เซา เปาโล เบอร์รินี ในบราซิล (209 ห้อง)

โรงแรมโนโวเทล ซานติอาโก โพรวิเดนเชีย

  • ยุโรป: โรงแรมเกือบ 300 แห่ง รวมจำนวนห้องพักเกือบ 40,000 ห้อง กำลังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา การเปิดโรงแรมราฟเฟิลส์ แห่งแรกในกรุงวอร์ซอ ประเทศโปแลนด์ รวมถึงโรงแรมภายใต้แบรนด์ ไทรบ์ (Tribe) แห่งแรกในกลาสโกว์

ไฮไลท์สำหรับปี 2561

การเปิดโรงแรมราฟเฟิลส์ ยูโรเปสกี วอร์ซอ ในโปแลนด์ (106 ห้อง)

การเปิดโรงแรมเมอร์เคียว คาลินินกราด ในรัสเซีย (167 ห้อง)

 โรงแรมเมอร์เคียว คาลินินกราด

  • แอฟริกาและตะวันออกกลาง: โรงแรม 170 แห่ง ห้องพัก 42,000 ห้อง รวมถึงการลงนามครั้งสำคัญสำหรับโรงแรมพูลแมน อักกรา ในกานา (363 ห้อง)

การเปิดโรงแรมไอบิส เอสแฟ็กซ์ ในตูนิเซีย (187 ห้อง)

การเปิดโรงแรมแฟร์มองต์ ริยาดห์ ในซาอุดีอาราเบีย (304 ห้อง)

การลงนามเปิดโรงแรมเอ็ม แกลเลอรี่ ดาวน์ทาวน์ ดูไบ (204 ห้อง)

การลงนามเปิดโรงแรมโซ/ โดฮา กาตาร์ (321 ห้อง)

ผลิตภัณฑ์ในรูปแบบเรสซิเด้นซ์เพื่อการพักอาศัยกำลังได้รับความนิยมอย่างสูง: ทางบริษัทยังสร้างความเติบโตอย่างต่อเนื่องในส่วนของโรงแรมในรูปแบบเรสซิเด้นซ์เพื่อการพักอาศัยในระยะยาว (เดิมมีอยู่แล้ว 289 แห่ง และอีก 65 แห่งอยู่ในขั้นตอนการวางแผนงาน) และแบรนด์ที่พักอาศัยส่วนตัว (เดิมมีอยู่แล้ว 17 แห่ง และอีก 51 แห่งอยู่ในขั้นตอนการวางแผนงาน) รวมแบรนด์โรงแรมในรูปแบบเรสซิเด้นซ์ทั้งหมด 28 แบรนด์ โดยในปี 2561 มีการเปิดโรงแรมอดาจิโอ อัมสเตอร์ดัม อัมสเทลวีน (อพาร์ทเม้นท์ 151 ห้อง) การลงนามเปิดโรงแรมพูลแมน ลิฟวิง อักกรา ซิตี้ แอร์พอร์ต  (363 ห้อง) และ โรงแรมโซ/ อัปทาวน์ ดูไบ เรสซิเด้นซ์ (อพาร์ทเม้นท์ 215 ห้อง)

เกี่ยวกับแอคคอร์

แอคคอร์คือเครือข่ายโรงแรมชั้นนำระดับสากลที่มอบประสบการณ์การพักผ่อนที่โดดเด่นและเป็นที่น่าจดจำในโรงแรม รีสอร์ท และเรสซิเดนซ์กว่า 4,800 แห่งใน 100 ประเทศทั่วโลก แอคคอร์มีแบรนด์โรงแรมชั้นนำระดับสากลมากมายซึ่งครอบคลุมตั้งแต่โรงแรมระดับหรูหราไปจนถึงโรงแรมชั้นประหยัด แอคคอร์ได้ดำเนินธุรกิจงานบริการด้วยความเชี่ยวชาญมามากกว่า 50 ปี

นอกเหนือจากการบริการด้านที่พักแล้ว แอคคอร์ ยังได้เปิดเส้นทางใหม่ในการเติมเต็มการใช้ชีวิต การทำงาน และ ความสนุกสนาน ด้วยแบรนด์อาหารและเครื่องดื่ม สถานบันเทิงยามค่ำคืน แบรนด์เพื่อสุขภาพและ Co-working แบรนด์ แอคคอร์ได้คิดค้นกลยุทธ์ในการขับเคลื่อนศักยภาพทางธุรกิจ ซึ่งต่างทำหน้าที่เสริมสร้างความแข็งแกร่งในการดำเนินการและรังสรรค์ประสบการณ์แก่ผู้เข้าพัก การเข้าถึงโปรแกรมความภักดีด้านโรงแรมที่สร้างความประทับใจเป็นอันดับต้นๆของโลก

ทั้งนี้แอคคอร์มีความมุ่งมั่นในการสร้างคุณค่าอย่างยั่งยืน และร่วมมีบทบาทสำคัญในการตอบแทนสิ่งดีๆให้กับสิ่งแวดล้อมและชุมชนผ่านโครงการ Planet 21 - Acting Here อันเป็นความพยายามในการสร้าง "งานบริการเชิงบวก" ขณะที่โครงการ Accor Solidarity ซึ่งเป็นกองทุนการกุศล ที่เปิดให้ผู้ด้อยโอกาสได้มีโอกาสเข้าร่วมโปรแกรมฝึกอาชีพและการรับเข้าทำงานในอนาคต

Accor SA จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ Euronext Paris Stock Exchange (ISIN code: FR0000120404) และ OTC Market (Ticker: ACRFY) ในสหรัฐอเมริกา สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมสามารถเข้าชมได้ที่ accor.com หรือติดตามเราได้ทางทวิตเตอร์และเฟซบุ๊ก