งาน “BIFF&BIL 2016”

งาน “BIFF&BIL 2016”

กรมส่งเสริมฯ มั่นใจอุตสาหกรรมแฟชั่นฯไทยยังไม่วิกฤต เตรียมจัดงานตั้งเป้ามูลค่าการซื้อขายภายในงานไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท

 

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศยันการส่งออกของไทยยังไม่วิกฤต ภาครัฐเดินหน้าเร่งรัดพัฒนาศักยภาพของ SME และผู้ประกอบการรายใหม่ให้แสดงศักยภาพในงานแสดงสินค้า BIFF & BIL ด้านอุตสาหกรรมแฟชั่น-เครื่องหนังไทย แม้ในช่วงครึ่งปีแรกยังติดลบ แต่ภาพรวมยังเติบโต ลูกค้าต่างชาติให้การยอมรับ ขณะที่ผู้ประกอบการไทยพยายามปรับแผนหวังขยายตลาดเพิ่ม-สู้คู่แข่งต่างชาติ ล่าสุด กรมส่งเสริมฯ เตรียมจัดงาน “BIFF&BIL 2016” ระหว่างวันที่ 9-13 มีนาคม 2559 ณ อาคารชาเลนเจอร์ 1–2 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี ตั้งเป้ามูลค่าการซื้อขายขยายตัวไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท

นางจันทิรา ยิมเรวัต วิวัฒน์รัตน์ รองอธิบดี กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์เปิดเผยถึงภาพรวมการส่งออกของไทยในครึ่งปีหลัง 2558 ว่า ยังไม่อยู่ในขั้นวิกฤต เพียงแต่อยู่ในภาวะที่เศรษฐกิจโลกถดถอย ดังนั้นภาครัฐจึงมีนโยบายเร่งด่วน การกระตุ้นให้เศรษฐกิจชุมชน หมุนเวียน เพื่อนให้เศรษฐกิจฟื้นตัวและเดินหน้าอีกครั้ง ด้วยการเพิ่มขีดความสามารถของ SME และผู้ประกอบการรายใหม่ Start up ทั้งทางบุคคลากร และการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้กับสินค้าหรืองานส่วนภาพรวมของอุตสาหกรรมแฟชั่น และเครื่องหนังของไทย ได้แก่

1. สิ่งทอมีมูลค่า 3,433.51 ล้านเหรียญสหรัฐฯในช่วงครึ่งแรกของปี 2558 (มกราคม – มิถุนายน)1,333.41 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ -7.53 แม้จะมีผลกระทบจากการที่ประเทศไทยถูกตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรในการส่งออกไปยุโรป หรือผู้ประกอบการไทยเริ่มย้ายฐานการผลิตไปประเทศเพื่อนบ้าน เพราะค่าแรงงานที่สูงขึ้น แต่ความสามารถในด้านการออกแบบ ความสร้างสรรค์คุณภาพการผลิต ยังดีมากทำให้ญี่ปุ่น และอเมริกาใต้ ยังเป็นผู้ซื้อหลักในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2558 (มกราคม – มิถุนายน) มีมูลค่าการส่งออก 1,095.23 ล้านเหรียญสหรัฐฯ อัตราการขยายตัวลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนร้อยละ –11.60 โดยกำหนดเป้าหมายการส่งออกปี 2558 มีมูลค่า 2,213 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือลดลง -10 % เพราะค่าแรงงานและตลาดส่งออก ที่จำกัด จากผลกระทบจากการที่ประเทศไทยถูกตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรในการส่งออกทำให้ผู้ซื้อหันไปสนใจสินค้าจาก เวียดนาม อินเดีย และอินโดนีเซีย มากขึ้น อีกทั้งผ้าผืนไทยยังขาดความหลากหลาย เพราะติดกฎระเบียบห้ามตั้ง/ขยายกิจการฟอกย้อมนอกนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งขณะนี้ไทยกำลังปรับเปลี่ยนนโยบายให้เป็น trading hub  คือพัฒนาผ้าผืน แล้วนำไปตัดเย็บที่ประเทศเพื่อนบ้าน โดยมีผู้ซื้อรายใหญ่คือ ญี่ปุ่นเครื่องหนัง เครื่องใช้ในการเดินทาง และรองเท้า ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2558 (มกราคม– มิถุนายน) มีมูลค่าการส่งออก 920.31 ล้านเหรียญสหรัฐฯ อัตราการขยายตัวลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนร้อยละ -0.94 โดยมีเป้าหมายการส่งออกปี 2558 มูลค่า 1,729.12  ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ -7%

และเพื่อเป็นการกระตุ้นการส่งออกของอุตสากรรมแฟชั่น และเครื่องหนัง  กรมส่งเสริมการส่งออกจึงได้จัด “งานแสดงสินค้าแฟชั่น และเครื่องหนัง 2559” หรือ Bangkok International Fashion Fair & Bangkok International Leather Fair 2016 (BIFF&BIL 2016) ขึ้นมาเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการ ผู้ผลิตชั้นนำของไทยและอาเซียน ทั้งสินค้าสิ่งทอ ผ้าผืน เสื้อผ้า เครื่องหนังทั้งรองเท้า-กระเป๋า สินค้าแฟชั่นของดีไซน์เนอร์ให้ก้าวหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง  ระหว่างวันที่ 9-13 มีนาคม 2559 ณ อาคารชาเลนเจอร์ 1–2 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี

รองอธิบดี กล่าวต่อไปว่า  ดังนั้นในปีนี้จึงมีการวางแผนการจัด “BIFF&BIL 2016” โดยเปลี่ยนแปลงอย่าง

360 องศาให้ยกระดับเป็นงานแสดงสินค้านานาชาติ และปรับภาพลักษณ์ของงานแฟร์ให้เป็นแบรนด์ของงานแสดงสินค้า และเทรนด์ที่เป็นที่หนึ่งในอาเซียนและยั่งยืน โดยตนได้รับมอบหมายจากนางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ให้เข้ามาเป็นผู้บริหารดูแลงานอย่างละเอียดในทุกมิติต่อเนื่องในฐานะ Brand Manager โดยเริ่มจากการทำงานแบบมืออาชีพ รับหน้าที่พัฒนาและปรับทิศทางของงานเพื่อให้แบรนด์ของBIFF&BIL มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น รวมทั้ง กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศยังได้มีการจัดทำกลยุทธ์ในการสื่อสารและประชาสัมพันธ์ รวมทั้งการสร้างแบรนด์ของงานอย่างต่อเนื่อง

"โดยงาน BIFF&BIL ในปี 2016 นี้ จะถูกนำเสนอการสื่อสารออกมาในรูปแบบ Spirit of Things หรือการแสดงจิตวิญญาณ ความสามัคคี ความมุ่งมั่น ความสามารถ การสร้างสรรค์ และพลังของอุตสาหกรรมแฟชั่นและเครื่องหนังที่ได้เดินทางร่วมกัน และสรรค์สร้างความสำเร็จอย่างในวันนี้ โดยเราได้กำหนดยุทธศาสตร์ของงาน วางแผนกลยุทธ์การประชาสัมพันธ์ และการบริหารอีเวนต์ต่อเนื่องชัดเจน โดยการทำงานร่วมกับครีเอทีฟระดับโลกเพื่อสร้างการสื่อสารแบรนด์ BIFF&BIL ให้เป็นแบรนด์ที่ติดตาตรึงใจอันดับต้นๆ ในวงการค้าของแฟชั่น และเครื่องหนัง นอกจากนี้เรายังได้เชิญผู้เชี่ยวชาญจากหลายประเทศมาช่วยผู้ประกอบการไทยให้เข้าใจตลาดส่งออกของแต่ละประเทศ การเป็นที่ปรึกษาให้คำแนะนำในการพัฒนาดีไซน์สินค้าคอลเลคชั่นใหม่ให้น่าสนใจ ถูกใจผู้ซื้อจากต่างชาติ หรือการจัดโรดโชว์( road show) 

ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ในลักษณะของ Fashion Night Out ที่เป็นการจับคู่ธุรกิจในรูปแบบที่ BIFF&BIL ไม่เคยทำมาก่อน และผู้ที่มาเข้าร่วมงาน(สื่อมวลชน  ผู้ประกอบการ ผู้ผลิต) สามารถมีส่วนร่วมในการอภิปรายกลุ่มเล็กๆ เป็นกันเอง และเพลิดเพลิน โดยกำหนดเนื้อหาของการพูดคุยตามเหตุการณ์ในขณะนั้น โดยการควบคุมจาก กูรูทางด้านแฟชั่น และแบรนด์ เมเนเจอร์ ที่คัดเลือกกันมา ซึ่งทั้งนี้จะช่วยให้ทีม BIFF&BIL สามารถรับรู้สิ่งที่คนอื่นกำลังคิดอยู่ พร้อมโอกาสในการลงทุน หรือผู้ที่สนใจมาร่วมงานที่มีศักยภาพ และการเชิญชวนดีไซน์เนอร์ แฟชั่นกูรู และสื่อต่างๆ ให้รู้จักงาน BIFF&BIL มากขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะสินค้าและวัตถุดิบที่มีความคิดสร้างสรรค์ เพื่อคนสร้างสรรค์ และ BIFF&BIL จะกลายเป็น Fashion Gateway ที่ทั้งผู้ประกอบการ หรือผู้ซื้อทั้งไทย และต่างประเทศ ไม่ควรพลาดโอกาสดีๆ แบบนี้ และนี่คือการตอกย้ำคอนเซ็ปต์งาน Catching the Creative Spirit “ กล่าว และสรุปเพิ่มเติมว่า

“เชื่อว่าหลังจากนี้ไปงานแสดงสินค้า BIFF&BIL จะกลายเป็น Fashion gateway สำหรับผู้ประกอบการดีไซเนอร์ รวมทั้งผู้ผลิตที่มีความสร้างสรรค์และผู้ซื้อทั้งในและต่างประเทศที่มองหาสินค้าและวัตถุดิบที่มีความสร้างสรรค์ หลากหลาย และมีคุณภาพ โดยอาศัยการสร้างเครือข่ายอุตสาหกรรมในอาเซียน (ASEAN integration) ที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น และเป็นประโยชน์ร่วมกันทั้งทางธุรกิจ ชุมชน และประชาชนทั่วไปและนี่แหละคือ จิตวิญญาณ ที่แท้จริงของความคิดสร้างสรรค์ของอาเซียนตามความหมายของเรางานของเรา เวทีของเรา BIFF&BIL 2016 ของเรา”

สำนักประชาสัมพันธ์และสื่อสารองค์กร

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ

โทร.(02) 507-7931-34

3 กันยายน 2558