Commons Foundation เซ็นสัญญาธุรกิจบล็อกเชน

Commons Foundation เซ็นสัญญาธุรกิจบล็อกเชน

Commons Foundation เซ็นสัญญาธุรกิจบล็อกเชน โดยได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลปารากวัย

เหมืองและศูนย์แลกเปลี่ยนสกุลเงินคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในโลกจะได้รับการก่อตั้งขึ้น ผ่านการผสานระบบไฟฟ้าซึ่งมีราคาประหยัดและมีปริมาณมหาศาล เข้ากับความเชี่ยวชาญของ Commons Foundation ด้านเทคโนโลยีบล็อกเชน

- โครงการ "Golden Goose" จะสร้างสรรค์เหมืองและศูนย์แลกเปลี่ยนสกุลเงินคริปโตระดับโลก
- ปารากวัย ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ดำเนินการโรงไฟฟ้าพลังน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้รับประกันค่าไฟฟ้าคงที่เป็นระยะเวลา 15 ปี ซึ่งคิดเป็น 1 ใน 5 ของค่าไฟฟ้าในเกาหลีใต้
- รัฐบาลปารากวัยได้มอบที่ดินขนาด 10,000 ตารางเมตร จำนวน 5 แห่ง (รวม 50,000 ตารางเมตร) เพื่อสร้างเหมืองคริปโตและโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ
- ผู้ถือโทเคนในโครงการ "Golden Goose" จะได้รับผลกำไรจากเหมืองในสัดส่วน 30% และกำไรจากการแลกเปลี่ยน 70% เป็นรายวัน
- ผู้เข้าร่วมโครงการ "Golden Goose" จะได้รับกำไรจากการขุดเหมือง ซึ่งจะจ่ายในรูปสกุลเงิน MicroBitcoin (MBC) เป็นรายวัน

มูลนิธิเทคโนโลยีบล็อกเชน "Commons Foundation" ได้ประกาศเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายนที่ผ่านมาว่า ทางมูลนิธิได้เซ็นสัญญาสร้างเหมืองและศูนย์แลกเปลี่ยนสกุลเงินคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในโลก ณ เมืองซิวดัด เดล เอสเต ด้วยความสนับสนุนจากรัฐบาล

สัญญาดังกล่าวครอบคลุมพื้นที่เหมือง 5 แห่ง (ราว 50,000 ตารางเมตร) ใกล้กับโรงไฟฟ้าพลังน้ำ "Itaipu" ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยค่าไฟฟ้าจะมีราคาคงที่ตลอดระยะเวลา 15 ปี นอกจากนี้ จะมีการติดตั้งเครือข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และการจัดทำกฎหมายสำหรับธุรกิจที่เกี่ยวข้องในโครงการนี้ทั้งหมด

โรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ Itaipu ของปารากวัยเผย มีกำลังการผลิตไฟฟ้าต่อปีมากที่สุดในโลกที่ 103.1 เทระวัตต์

"การบริโภคไฟฟ้าที่ผลิตจากโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ Itaipu คิดเป็นสัดส่วนเพียง 10-20% เท่านั้นในปารากวัย ส่วนไฟฟ้าอีกกว่า 80% ถูกส่งออกไปยังต่างประเทศ เราจะสร้างเหมืองคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในโลกในปารากวัย โดยใช้พลังงานสะอาดที่มีอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์และมีต้นทุนต่ำ" ชเว ยอง ควาน ประธานของ Commons Foundation กล่าว

มูลนิธิฯ เปิดเผยว่า ข้อตกลงดังกล่าวจะทำให้เราสามารถมุ่งความสนใจไปที่โครงการ "Golden Goose" ในปารากวัยได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ ทางมูลนิธิยังได้เปิดเผยแผนการที่จะใช้ประโยชน์จาก MicroBitcoin (MBC) ซึ่งเป็นโครงการแบบโอเพนซอร์สที่ทางมูลนิธิได้มีส่วนร่วม โดยผลกำไร 30% ที่ได้มาจากเหมืองคริปโต และอีก 70% ที่ได้มาจากศูนย์แลกเปลี่ยนสกุลเงินคริปโตทั่วโลก จะถูกจ่ายให้กับผู้เข้าร่วมโครงการในรูปของสกุลเงิน MBC

มูลนิธิฯ มีแผนที่จะทำพรีเซลและ IEO (Initial Exchange Offering) ภายใต้การสนับสนุนด้านการลงทุนของปารากวัย และข้อตกลงทางธุรกิจในการก่อตั้งเหมืองและศูนย์แลกเปลี่ยนสกุลเงินคริปโตระดับโลกในปารากวัย

โดยทางมูลนิธิเตรียมที่จะเปิดให้ผู้ที่สนใจเข้าร่วมโครงการนี้ ด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น การขายพรีเซล MicroBitcoin(MBC), BTC(Bitcoin), และ Ethereum(ETH) ก่อนเปิดขายจริง

ชเว ยอง ควาน กล่าวว่า "เราจะสร้างระบบนิเวศใหม่ระดับเวิลด์คลาส ผ่านโครงการ "Golden Goose" ซึ่งเป็นเหมืองและศูนย์แลกเปลี่ยนสกุลเงินคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในโลก"

"รัฐบาลปารากวัยจะสนับสนุนโครงการ 'Golden Goose' ของมูลนิธิ Commons Foundation อย่างเต็มกำลัง โดยจะมีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเพื่อเปิดทางให้มีการยกเว้นภาษี" นายอูโก เบลาเกวซ โมเรโน รองประธานาธิบดีปารากวัย กล่าว

โครงการดังกล่าวนับเป็นโครงการบุกเบิกการสร้างระบบนิเวศบล็อกเชนโครงการแรกในอเมริกาใต้

รูปภาพ - https://photos.prnasia.com/prnh/20181116/2301393-1-a
รูปภาพ - https://photos.prnasia.com/prnh/20181116/2301393-1-b
รูปภาพ - https://photos.prnasia.com/prnh/20181116/2301393-1-c