ทรัสต์ AIMIRT ประกาศจ่ายเงินปันผลครั้งที่ 3 ของปีนี้

ทรัสต์ AIMIRT ประกาศจ่ายเงินปันผลครั้งที่ 3 ของปีนี้

ทรัสต์ AIMIRT ประกาศจ่ายเงินปันผลครั้งที่ 3 ของปีนี้ที่อัตรา 0.1902 บาทต่อหน่วย สูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เล็งลงทุนเพิ่ม ดันขนาดกองทรัสต์เติบโตทะลุเป้า

‘เอไอเอ็ม รีท แมนเนจเม้นท์’ ผู้จัดการกองทรัสต์อิสระรายแรกในประเทศไทย โชว์ความแข็งแกร่งการบริหารทรัสต์ AIMIRT ในไตรมาส 3/2561 มีผู้เช่าทรัพย์สินเต็ม 100% ประกาศจ่ายเงินปันผลครั้งที่ 3 ของปีนี้ในอัตรา 0.1902 บาทต่อหน่วย สูงสุดนับตั้งแต่กองทรัสต์เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ สะท้อนความแข็งแกร่งของทรัพย์สินที่มีคุณภาพสูง พร้อมต่อยอดการเติบโต เตรียมขออนุมัติผู้ถือหน่วยทรัสต์ในวันที่ 29 พ.ย. นี้ เข้าลงทุนเพิ่มเติมครั้งที่ 1 ในทรัพย์สินที่มีคุณภาพและมีศักยภาพการเติบโตที่ดี มูลค่ารวมไม่เกิน 4,300 ล้านบาท ดันขนาดกองทรัสต์เติบโตเป็น 2-3 เท่าตัวภายในเวลาเพียง 1 ปี ถือเป็นการเติบโตแบบก้าวกระโดด ทะลุเป้าหมายที่วางไว้

 

นางสาวญาณิชศา ชาติวุฒิกอบกุล ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท เอไอเอ็ม รีท แมนเนจเม้นท์ จำกัด ผู้จัดการกองทรัสต์อิสระรายแรกในประเทศไทย ในฐานะผู้ก่อตั้งทรัสต์และผู้จัดการกองทรัสต์ เอไอเอ็ม อินดัสเทรียล โกรท หรือ ‘AIMIRT’ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลจากงวดผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2561 (ก.ค. - ก.ย. 2561) ให้แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ AIMIRT ในอัตรา 0.1902 บาทต่อหน่วย มีกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 4 เดือน ธ.ค. นี้  และเมื่อรวมกับการจ่ายเงินปันผลของกองทรัสต์ 2 ครั้งก่อนหน้านี้ จากผลการดำเนินงานวันที่ 22 ธันวาคม 2560  วันที่ 30 มิถุนายน 2561 ในอัตรารวม 0.3787 บาทต่อหน่วย จึงทำให้ทรัสต์ AIMIRT อนุมัติจ่ายเงินปันผลไปแล้วรวม 0.5689 บาทต่อหน่วยนับตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

 

โดยการจ่ายเงินปันผลของกองทรัสต์ AIMIRT จากงวดผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2561 ถึง ไตรมาส 3/2561 นั้น เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และการประกาศจ่ายเงินปันผลจากงวดผลการดำเนินงานครั้งล่าสุด ทำสถิติสูงที่สุดนับตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อเป็นการตอบแทนผู้ถือหน่วยลงทุนที่ต้องการถือครองหน่วยทรัสต์ในระยะยาว และสะท้อนถึงผลการดำเนินงานของทรัสต์ AIMIRT ในไตรมาส 3/2561 ที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง จากอัตราการเช่าพื้นที่ห้องเย็นและคลังสินค้าเต็ม 100% ถือว่ามีความโดดเด่นมากเมื่อเทียบกับกองทรัสต์ที่ลงทุนในทรัพย์สินประเภทเดียวกัน

 

การที่ทรัสต์ AIMIRT สามารถรักษาอัตราเช่าพื้นที่เต็ม 100% ต่อเนื่องมาตั้งแต่กองทรัสต์เริ่มลงทุนนั้น สะท้อนถึงคุณภาพและศักยภาพของทรัพย์สินในการสร้างรายได้ รวมถึงการบริหารจัดการทรัพย์สินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ทรัสต์ AIMIRT คาดหวังจะสามารถสร้างกระแสเงินสดจากค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์ได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้สามารถจ่ายเงินปันผลในระดับที่ดีและสม่ำเสมอได้ในระยะยาว ทั้งนี้ การลงทุนในกองทรัสต์ หรือ REIT เป็นทางเลือกในการลงทุนที่น่าสนใจจากจุดเด่นของผลตอบแทนเงินปันผลที่สม่ำเสมอและมีอัตราผลตอบแทนเงินปันผลสูงกว่าผลตอบแทนจากดอกเบี้ยเงินฝาก พันธบัตรรัฐบาลหรือตราสารหนี้โดยทั่วไป  อีกทั้งยังมีความผันผวนต่ำเมื่อเทียบกับการลงทุนในหุ้น

 

นายอมร จุฬาลักษณานุกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอไอเอ็ม รีท แมนเนจเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า การที่ทรัสต์ AIMIRT สามารถจ่ายเงินปันผลในระดับสูงและเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากสะท้อนถึงทรัพย์สินของกองทุนฯ ที่มีคุณภาพ ตั้งอยู่ในทำเลที่ดีเป็นที่ต้องการของกลุ่มผู้เช่า ยังแสดงถึงความสามารถบริหารจัดการทรัพย์สินของบริษัทฯ ที่ดำเนินธุรกิจผู้จัดการกองทรัสต์อิสระที่มีประสิทธิภาพสูงสุดและช่วยสร้างทางเลือกในการหาสินทรัพย์ ที่จะสร้างผลตอบแทนที่ดีกับผู้ลงทุนได้มากขึ้น

 

ทั้งนี้ สิ่งที่บริษัทฯ คาดหวัง คือ การสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ลงทุนในด้านของเงินปันผลให้อยู่ในระดับสูงต่อไป โดยมีเป้าหมายสร้างผลการดำเนินงานและควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างผลตอบแทนจากเงินปันผลให้มากกว่าที่แสดงไว้ในหนังสือชี้ชวนในช่วงที่เสนอขายหน่วยทรัสต์เป็นครั้งแรกให้ได้

 

นายจรัสฤทธิ์ อรรถเวทยวรวุฒิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอไอเอ็ม รีท แมนเนจเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า แม้อัตราการจ่ายเงินปันผลของทรัสต์ AIMIRT เพิ่มขึ้นทุกไตรมาส แต่การเติบโตจะไม่หยุดเพียงเท่านี้ โดยคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติการเข้าลงทุนเพิ่มเติมครั้งที่ 1 มูลค่ารวมไม่เกิน 4.3 พันล้านบาท โดยมีกำหนดจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหน่วยทรัสต์ AIMIRT ครั้งที่ 1/2561 ในวันที่ 29 พฤศจิกายน นี้ เวลา 14.00 น. ณ ห้องบุษบา ชั้น 1 โรงแรมแมนดาริน 

 

“การเพิ่มสินทรัพย์เข้ากองทุนในครั้งนี้ ช่วยให้กองทรัสต์สามารถบรรลุแผนการเติบโตของทรัสต์ AIMIRT เป็น  2 – 3 เท่าจากปัจจุบัน ภายในระยะเวลาเพียง 1 ปีเท่านั้น จากเดิมตั้งเป้าภายใน 2-3 ปี และจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสร้างผลตอบแทนที่ดีกับนักลงทุนในระยะยาวของกองทรัสต์ฯ เพื่อความยั่งยืนให้กับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้รับประโยชน์สูงที่สุด” นายจรัสฤทธิ์ กล่าว